สำหรับนโยบายส่วนใหญ่ก็เป็นประชานิยม ลด แลก แจก แถม เพื่อหวังคะแนนนิยมแบบง่ายๆ จากประชาชน และยังแฝงด้วยวาระซ่อนเร้นที่อาจซ้ำรอยการทุจริตคอร์รัปชันเชิงนโยบาย
การแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 3 เดือนของ อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายใต้ชื่อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” ที่สตูดิโอ 4 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา
จัดเต็มด้วยโปรดักชัน แสง สี เสียงอย่างอลังการ นายกฯ อิ๊งค์ ไม่ถือไอแพดเหมือนที่ผ่านมา แต่ใช้ไมค์ลอย ดูบทในจอมอนิเตอร์ พูดเหมือนทอล์กโชว์คนเดียวบนเวทีประมาณ 45 นาที
แต่คล้อยหลังลงจากเวทีกลับถูกวิพากษ์วิจารณ์ทันทีว่าไม่ใช่เป็นการแถลงผลงานรัฐบาล เพราะเหมือนเป็นการมอบนโยบาย หรือฝากงานให้กับรองนายกฯ และรัฐมนตรี เป็นการขายฝันให้ประชาชนรอคอยอีกรอบ
ทั้งนี้เนื่องจากรัฐบาลที่ น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ ต่อจากนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ โดยพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล นโยบายก็สืบต่อเนื่องกันมา ผลงานด้านต่างๆ ควรจะเป็นรูปธรรมมากกว่านี้ นายกฯ ยังพูดหน้าตาเฉยว่า ช่วงเวลา 90 วันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่เข้ามาเรียนรู้และทำเรื่องต่างๆ ทั้งที่เคยแถลง 10 นโยบายเร่งด่วนที่จะทำทันที
สำหรับนโยบายส่วนใหญ่ก็เป็น ประชานิยม ลด แลก แจก แถม เพื่อหวังคะแนนนิยมแบบง่ายๆ จากประชาชน และยังแฝงด้วยวาระซ่อนเร้นที่อาจซ้ำรอยการทุจริตคอร์รัปชันเชิงนโยบาย เหมือนยุค ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ เช่น บ้านเพื่อคนไทย ก็นึกย้อนถึง บ้านเอื้ออาทร ซึ่งอดีต รมว.การพัฒนาสังคมฯ ต้องโทษข้อหาทุจริตและก็ยังอยู่ในคุก
การนำ ธุรกิจนอกระบบ หรือใต้ดินเข้าสู่ระบบเพื่อเสียภาษีตามระบบ ก็เป็นความพยายามผลักดันเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย ซึ่งถูกพรรคร่วมรัฐบาลเบรกจนต้องชะงัก แต่มีกระแสข่าวว่าฝ่ายการเมืองกำลังเจรจาแบ่งเค้กให้ลงตัว
ส่วน โครงการซอฟต์พาวเวอร์ ที่ นายกฯ อิ๊งค์ เป็นประธานตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ถือเป็นเรือธงของตัวเอง ก็ยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ไปสวมชุดผ้าขาวม้าเดินโชว์กลางกรุงมิลาน อิตาลี ก็ไม่รู้ขายได้กี่ผืนแล้ว เพราะเมืองหนาวเขาใช้ผ้าขนสัตว์-เสื้อหนัง
อย่าลืมว่าโจทย์สำคัญของประเทศไทยคือการแก้ปัญหาโครงสร้างที่ยังเหลื่อมล้ำในทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา กระบวนการยุติธรรม ฯลฯ ซึ่งรัฐบาลนี้ก็ไม่แตะโครงสร้าง ส่วนที่บอกว่าจะทลายทุนผูกขาด จะแก้กฎหมายส่งออกข้าว พลังงาน สุราชุมชน ก็ต้องรอดูว่าจะทำได้แค่ไหน
แต่ที่ทำให้ขบขันก็คือ นายกฯ อิ๊งค์ บอกว่า "จะมีการแก้กฎหมายให้ประชาชนขุดลอกคูคลองเอาดินไปขาย เป็นโครงการใหม่ที่เราจะศึกษาในรายละเอียดต่อไป และมากไปกว่าการสร้างฟลัดเวย์" จนถูกเหน็บว่าคนไทยจะมีอาชีพใหม่ รวยกันถ้วนหน้าก็คราวนี้แหละ
ปี 2568 โอกาสไทย จะทำได้จริง หรือไม่ สิ่งที่สำคัญที่่สุดก็คือ วิสัยทัศน์ผู้นำประเทศ ยิ่งนายกฯ พูดแสดงความเห็นบ่อยๆ ก็จะสะท้อนว่ามีกึ๋นแค่ไหน?
เมื่อตอนให้สัมภาษณ์กับ ผู้บริหาร Forbes Media เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา นายกฯ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าตอบไม่ตรงคำถาม และพูดวกไปวนมา เหมือนถามช้างตอบม้า
โดยเฉพาะประเด็นร้อนทางการเมือง เรื่อง MOU 44 ไทย-กัมพูชา ที่มีประชาชนเรียกร้องให้ยกเลิก นายกฯ บอกว่า หากยกเลิกจะถูกกัมพูชาฟ้องได้ วันต่อมากลับบอกว่าสามารถยกเลิกได้ แต่ขอคุยกันก่อน และยังบอกอีกว่าหากตกลงกันไม่ได้ จะแบ่งผลประโยชน์ทางทะเล 50:50
วิธีคิดแบบนี้เท่ากับยอมรับว่าไทยพร้อมเสียดินแดนทางทะเล และอาจบานปลายถึงพื้นดิน เกาะกูด ด้วย เมื่อ นายฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นว่า พื้นที่ของกัมพูชาอาจจะเพิ่มมากขึ้น เพราะว่าเกาะกูดเป็นของกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีเสียงต่อต้านดังมากขึ้น รัฐบาลก็ยังไม่กล้าตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (JTC) ไทย-กัมพูชา เพราะคงเกรงว่าหากเดินหน้าไปจะเป็นเงื่อนไขปลุกม็อบลงถนน
เช่นเดียวกับการผลักดัน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่ ผ่านคณะกรรมการคัดเลือกฯ ตั้งแต่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา จนป่านนี้ก็ไม่นำเสนอเข้าที่ประชุม ครม. หลังถูกกลุ่มต่อต้านดักทางว่า นายกิตติรัตน์ ในฐานะ อดีตที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ้นหน้าที่ยังไม่เกิน 1 ปี ผู้เสนอแต่งตั้งอาจเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่่มิชอบ
ส่วนกรณี นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นำ สส.เข้าชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เข้าสภา เพื่อยึดอำนาจกองทัพไว้ในมือฝ่ายการเมือง ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับสูง และสร้างกลไกสกัดการรัฐประหาร เมื่อถูกต่อต้านก็ถอยฉากกลับไปปรับแก้ใหม่
ประยุทธ์ หรือฉายา หัวเขียง คือบุคคลที่รับงานจากทักษิณมาผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย หวังจะพาทักษิณกลับบ้านแบบเท่ๆ กลายเป็นการจุดชนวนม็อบเสื้อเหลืองลุกฮือ ยืดเยื้อบานปลาย ทหารต้องออกมาหย่าศึก รัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557
ขณะเดียวกันได้มีการรวมตัวกันของบุคคลสำคัญหลายคนที่ร้านอาหารย่านพญาไท อาทิ อ.แก้วสรร อติโพธิ, ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, จตุพร พรหมพันธุ์, นิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา, พวงทิพย์ บุญสนอง, อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, อ.ขวัญสรวง อติโพธิ, ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ, พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม, สมชาย แสวงการ, ชาญชัย อิสระเสนารักษ์, พิชิต ไชยมงคล, นัสเซอร์ ยีหมะ, สอและ กูมุดา, ปรีดา เตียสุวรรณ์, ประสาร มฤคพิทักษ์, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์, สาวิทย์ แก้วหวาน, ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว), แซมดิน เลิศบุศย์, ประพันธุ์ คูณมี, นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ, เสน่ห์ หงษ์ทอง เป็นต้น
ภาพการรวมตัวของแกนนำดังกล่าวเขย่าขวัญรัฐบาลได้ไม่น้อย นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เปิดเผยว่า เป็นการรวมตัวกันครั้งใหญ่ในรอบหลายสิบปีของบุคคลที่ห่วงใยบ้านเมืองดังกล่าว ได้หารือมีหลายเรื่อง อาทิ ความยุติธรรม และการทุจริต ที่ ทักษิณ ไม่ยอมติดคุกในคดีทุจริตคอร์รัปชัน บ่อนกาสิโน MOU 44 ทางออก ทางรอดประเทศไทยที่ไม่ใช่การรัฐประหาร ฯลฯ
"ทุกอย่างล้วนมาจากความห่วงใยต่อบ้านเมืองทั้งสิ้น เพื่อให้ความห่วงใยต่อบ้านเมืองเป็นรูปธรรม คณะที่ร่วมทานข้าวด้วยกันจึงเห็นพ้องกันว่า วันพุธที่ 18 ธ.ค.2567 เวลา 11.00 น. จะไปเยี่ยมให้กำลังใจบนความห่วงใยและไม่ไว้วางใจต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องการไต่สวนการป่วยทิพย์ของทักษิณ ชินวัตร ชั้น 14 เพราะเราทราบว่ามีความพยายามแทรกแซงจากคนภายนอกไม่ให้ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดข้าราชการที่ช่วยทักษิณ ดังนั้น คปท., ศปปส., กองทัพธรรม และคณะตามรายชื่อ ก็จะไปให้กำลังใจ ป.ป.ช.ในการเดินหน้าทวงคืนความยุติธรรมให้กระบวนการยุติธรรม." นายพิชิตระบุ
การรวมตัวของบุคคลดังกล่าวมีจุดยืนไม่เอารัฐบาลชุดนี้ ซึ่งมองว่าเป็น ระบอบทักษิณภาคใหม่ ส่วนการเคลื่อนไหวช่วงนี้จะยังไม่ปลุกม็อบลงถนนเหมือนในอดีต ใช้รูปแบบการเคลื่อนไหวรายประเด็นเป็นเรื่องๆ ไปก่อน โดยใช้สื่อโซเชียลเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนได้รับรู้ถึงความฉ้อฉลของรัฐบาล รอสถานการณ์สุกงอม ก็พร้อมจัดทัพยกระดับการเคลื่อนไหวต่อไป
โดยเฉพาะการไต่สวนป่วยทิพย์ชั้น 14 หาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิด จะเป็นจุดเปลี่ยนของสถานการณ์ทันที แม้จะมีความเชื่อกันว่า ทักษิณ จะยังไม่โดนเชือด เพราะ กลุ่มอนุรักษนิยม ยังใช้งานสกัดการเติบโตของ พรรคส้ม ที่มองว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันมากกว่าระบอบทักษิณ
แต่ ทักษิณ ก็ยังมีพฤติกรรมเหมือนเดิม จ้องใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง ผลักดันนโยบายที่กระทบความมั่นคงของชาติ ปล่อยให้ ลูกน้องต่างพรรค เล่นงาน หวานใจบิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ พี่ใหญ่ของ 3 ป. ทำให้ นายทหารรุ่นใหญ่ รับไม่ได้กับการเล่นการเมืองที่เลยเถิด
ทักษิณคงรู้ดีว่าคดีต่างๆ ที่เป็นชนักปักหลัง อาจถูกงัดออกมาเล่นงานเมื่อไหร่ก็ได้ เงื่อนไขที่จะทำให้ม็อบสุกงอมก็มาจากการกระทำของรัฐบาลเอง จึงต้องชะลอปมร้อนไว้ก่อน
ช่วงนี้รัฐบาลจึงต้องเร่งผลิตผลงานออกมาให้เป็นรูปธรรมให้มากที่สุด เพื่อดึงประชาชนให้เป็นกองหนุนเปิดทางการผลักดันนโยบายที่สุ่มเสี่ยงและมีวาระซ่อนเร้นให้เป็นจริง แต่หากยังไม่ส่งผลบวกกับรัฐบาล กลับยังดันทุรังผลักดันปมร้อน จะเป็นการจุดชนวนการเมืองเข้าทางม็อบ
ในงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทักษิณ ยังชี้นำพรรคเพื่อไทยเหมือนเป็นเจ้าของเอง พูดแข็งกร้าวขู่พรรคร่วมรัฐบาล ใครไม่พอใจให้บอกมา พร้อมประกาศเช็กบิลกับคนที่ร้องเรียนตนเองและพรรคเพื่อไทย และยังพูดกำกวมด้วยว่า "จะเจรจากับพระเจ้าในประเทศไทยว่าขอเวลาอีก 17 ปีที่หายไป"
จากที่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษคดีทุจริต เพื่อจะได้ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ แต่กลับแสดงพฤติกรรมไม่ต่างจากอดีต ขณะที่ นายกฯ อิ๊งค์ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าขาดวิสัยทัศน์และภาวะผู้นำ ไม่รู้จะนำพาประเทศชาติไปทางไหน
หากรัฐบาลยังเป็นเช่นนี้คงไม่สามารถสกัด พรรคส้ม ได้ กลุ่มอนุรักษนิยม ก็ต้องประเมินกันใหม่ว่าจะอุ้ม ทักษิณ-เพื่อไทย ต่อไปอีกหรือไม่ อาจถึงเวลาต้องเปลี่ยนกระดานการเมืองใหม่ สมการการเมืองไทยก็จะเปลี่ยนไป!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อภิสิทธิ์-อดีตนายกรัฐมนตรี มอง 'จุดเสี่ยง' รัฐบาลเพื่อไทย ระเบิดการเมือง วางไว้เองหลายลูก
แม้ขณะนี้จะไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ แต่สำหรับ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์" การแสดงทัศนะหรือความคิดเห็นทางด้านการเมือง
‘หนู’ ลั่นฟังแค่ ‘อิ๊งค์’ ยันร่วมรัฐบาลเป็นไฟต์บังคับ ‘ทักษิณ’ พูดไม่นำพา
"อนุทิน" ลั่น! รับสัญญาณจากนายกฯ อิ๊งค์เท่านั้น ยันที่ "ทักษิณ" พูดไม่ได้หมายถึงรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย "ท่านทักษิณพูดถึงพรรคที่ไม่เข้าร่วมประชุม ผมก็ไม่นำพาไปฟังอะไรมาก"
'อนุทิน' ยันไม่ใส่ใจคำพูด 'ทักษิณ' โชว์ห้าวตะเพิดพรรคร่วมฯ ขอฟังแค่นายกฯอิ๊งค์
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวผ่านรายการข่าวเที่ยง ทางไทยพีบีเอส ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในการสัมมนาพรรคเพื่อ
ชี้เปรี้ยง ’ทักษิณ’ โชว์ฟอร์มไม่ง้อพรรคร่วมรัฐบาล-เอาใจชนชั้นนำ!
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส. นครศรีธรรมราชโพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ทักษิณ โชว์ฟอร์ม ไม่ง้อพรรคร่วม
แม้วยันเกาะกูดของไทย ไม่ใช่‘ควาย’ยกให้เพื่อน
“ทักษิณ” ลั่นล้านเปอร์เซ็นต์เกาะกูดเป็นของไทย ใครจะบ้ายกให้
'ทักษิณ' ลั่นมีแต่ควายเท่านั้น ยกประเทศให้เพื่อนบ้าน บอกกัมพูชาลากเส้นไม่ถูก
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะวิทยากรพิเศษ บรรยายพิเศษหัวข้อ สถานการณ์ทิศทางโลกและการปรับตัว โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ตนไม่ได้ครอบงำนายกรัฐมนตรี