เฝ้าระวังพื้นที่3จ.ชายแดนใต้ หลังรัฐไทยทำคดีตากใบ หมดอายุความ จำเลยลอยนวล

 

หลัง คดีตากใบ หมดอายุความไปเมื่อเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายเป็นห่วงต่อสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส ที่อาจมีการก่อเหตุ-เคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อ รัฐไทย ที่ไม่สามารถนำตัวจำเลยในคดีตากใบ 14 คนไปส่งตัวต่อศาลตามหมายจับได้ จนทำให้คดีไปไม่ถึงศาลเพราะหมดอายุความ อีกทั้ง หลายฝ่ายก็หวั่นเกรงว่าอาจทำให้ มือที่สาม ใช้โอกาสดังกล่าวก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ รวมถึงการใช้เรื่องดังกล่าวไปชักจูงประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่อาจเกิดความรู้สึกว่ารัฐไทยไม่ให้ความเป็นธรรมกับคนในพื้นที่ เพื่อให้เข้าร่วมขบวนการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่

ความกังวลต่างๆ ข้างต้นพบว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายปกครอง คือกระทรวงมหาดไทย ฝ่ายความมั่นคงและการข่าว คือทหาร-สภาความมั่นคงแห่งชาติ และฝ่ายตำรวจ ต่างตื่นตัวในการเฝ้าติดตามสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากขึ้น เรียกได้ว่ามีการ ยกระดับ การเฝ้าจับตามองเลยทีเดียว หลังเริ่มเห็นความพยายามก่อเหตุขึ้นในบางจุดเมื่อช่วงวันที่ 24 ต.ค. หนึ่งวันก่อนคดีหมดอายุความ 

มีรายงานว่า ที่จังหวัดปัตตานีซึ่งเป็นจังหวัดที่ค่ายอิงคยุทธบริหารตั้งอยู่ในพื้นที่ อันเป็นจุดที่พบผู้เสียชีวิตคือประชาชนที่ถูกควบคุมตัวมาจากเหตุการณ์การชุมนุมหน้า สภ.อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ขึ้นรถบรรทุกนำตัวไปที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร และต่อมาพบผู้เสียชีวิต 78 คน ทำให้ปัตตานีถือเป็นพื้นที่ต้องเฝ้าระวังมากเป็นพิเศษ

ก็มีรายงานว่าตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 25 ต.ค. ที่หน้า สภ.เมืองปัตตานี ต.อาเนาะรู อ.เมืองฯ จ.ปัตตานี พ.ต.อ.ประยงค์ โคตรสาขา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี เป็นประธานในพิธีปล่อยแถวแผนปิดเมือง ป้องกันผู้ไม่หวังดีสร้างสถานกาณ์หลังคดีตากใบหมดอายุความ โดยมีรองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจตำรวจปัตตานี 92-รองกำกับการตำรวจภูธรเมืองปัตตานี ตัวแทนนายอำเภอเมืองปัตตานี และข้าราชการตำรวจ ฝ่ายปกครอง และกำลังภาคประชาชนเข้าร่วมเพื่อเตรียมพร้อมเฝ้าระวังเหตุการณ์ในพื้นที่ปัตตานี หลังที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ในพื้นที่และพื้นที่ข้างเคียงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีข่าวการแจ้งเตือนว่า  มีการนำอาวุธและวัตถุระเบิดเข้ามาพักคอยเพื่อเตรียมก่อเหตุในพื้นที่ จึงมีการระดมกำลังเพื่อปฏิบัติการป้องกันการก่อเหตุดังกล่าว และเป็นการแสดงกำลังปฏิบัติการเชิงรุกต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

พบว่าทาง พ.ต.อ.เจฟฟรีย์ ไศลมานกุล ผกก.สภ.เมืองปัตตานี ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตรวจบุคคลและยานพาหนะที่ผ่านเข้ามาในพื้นที่ รวมถึงยานพาหนะตามภาพข่าว แจ้งเตือนการเข้าจุดตรวจ ให้หมั่นสังเกตสิ่งแปลกปลอมรอบๆ บริเวณจุดตรวจก่อนทุกครั้ง ให้มีความพร้อมด้านเครื่องมือสื่อสาร อาวุธยุทโธปกรณ์ หากมีเหตุการณ์สามารถตอบโต้ได้ทันท่วงที โดยเน้นย้ำปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ประมาทในทุกภารกิจ เนื่องจากพื้นที่ข้างเคียงยังคงมีเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่นายทหารระดับสูงในพื้นที่ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเฝ้าติดตามไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หลังคดีตากใบหมดอายุความว่า ทางนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้บังคับบัญชา ได้เน้นย้ำว่าให้ดูแลในพื้นที่ไม่ให้เกิดเหตุ และในส่วนการกระทำต่างๆ ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมายที่สามารถจะทำได้

“คดีหมดอายุความ มีแนวโน้มจะเกิดเหตุการณ์ต่างๆ และสิ่งที่ห่วงใยคืออาจมือที่สามจะมาสวมรอย ซึ่งได้ขอความร่วมมือจากผู้นำท้องถิ่นและหน่วยงานความมั่นคง และได้มีการควบคุมพื้นที่ไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าว สำหรับการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ทั่วไปทำอยู่แล้ว แต่อาจจะยกระดับความปลอดภัยให้สูงขึ้น ห่วงเรื่องมือที่สามที่จะมาก่อเหตุร่วมกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยขณะนี้ยังไม่มีสถานการณ์อะไรที่น่าวิตกกังวล” แม่ทัพภาคที่ 4 ระบุไว้ก่อนคดีตากใบหมดอายุความ

อย่างไรก็ตาม มีการมองกันว่ากระแสความไม่พอใจของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ชาวไทย-มุสลิม หลังคดีตากใบหมดอายุความอาจลดโทนลงไปไม่มากก็น้อย หลัง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงแสดงความ เสียใจ-ขอโทษ ถึงเรื่องนี้ไว้เมื่อวันที่ 24 ต.ค. หนึ่งวันก่อนคดีตากใบหมดอายุความ

“คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการกลับไปดูข้อมูลตัวเลขหลายๆอย่าง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ตนเห็นเหตุการณ์นี้ก็รู้สึกเสียใจกับผู้ที่มีผลกระทบทั้งหลาย และรัฐบาลตั้งแต่สมัย 20 ปีที่แล้วก็มีการออกมาแสดงความเสียใจและออกมาขอโทษ ตั้งแต่รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร มาถึงรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ออกมาแสดงความเสียใจและขอโทษกับเหตุการณ์นี้ด้วย ในฐานะนายกรัฐมนตรีในวันนี้รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก และต้องขอโทษในนามรัฐบาลด้วย ก็จะทำให้ดีที่สุดไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

การแสดงออกดังกล่าวของนายกฯ แพทองธาร ที่แน่นอนว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ต่อเหตุการณ์ตากใบเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เพราะเหตุการณ์ตากใบที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2547 เวลานั้นแพทองธารยังอายุแค่ 19 ปีเท่านั้น แต่การที่นายกฯ ในฐานะผู้นำประเทศ ที่ก็คือผู้นำสูงสุดของ รัฐไทย แสดงออกดังกล่าวในช่วงก่อนคดีหมดอายุความ มันก็ทำให้สถานการณ์คลายความตึงเครียดไปได้ระดับหนึ่ง

และสิ่งที่หลายฝ่ายต้องการเห็นต่อจากนี้เมื่อคดีตากใบหมดอายุความ จนทำให้เกิดสิ่งที่เรียกกันว่า

วัฒนธรรมลอยนวล

คือใช้ช่องว่างของกฎหมายเพื่อทำให้ตัวเองไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ด้วยการหลบหนีไปในช่วงคดีใกล้หมดอายุความจนทำได้สำเร็จ มันก็ทำให้หลังจากนี้หลายฝ่ายต้องการเห็นการ อุดรูรั่ว-ช่องโหว่ ดังกล่าว เช่น การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา เพื่อให้ คดีละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง-คดีเจ้าหน้าที่รัฐละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงจนทำให้ประชาชนบาดเจ็บ เสียชีวิต ไม่ต้องนับอายุความ คือหากจำเลยหลบหนีคดีก็ให้หยุดการนับอายุความไว้ก่อน เหมือนกับที่ใช้กับคดีทุจริตคอร์รัปชันหรือคดีอุ้มหาย ซ้อมทรมาน

จึงต้องรอติดตามหลังจากนี้ รัฐบาล-หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาดังกล่าวเข้าสภาหรือไม่ หรือพอคดีตากใบเงียบหายไปก็พากันหลงลืมหมด ขณะเดียวกัน หลายฝ่ายก็เรียกร้องให้มีการ

เปิดพื้นที่สาธารณะ

เพื่อให้ญาติผู้เสียชีวิต-ผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ตากใบที่ยังมีชีวิตอยู่ ตลอดจนฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แม้แต่ทหาร-ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง มาร่วมกันพูดคุยให้ความเห็นต่อเรื่องที่เกิดขึ้น หลังคดีไม่สามารถไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงและหาตัวคนรับผิดชอบในชั้นศาลได้

ดูแล้ว บทบาทดังกล่าว ฝ่ายนิติบัญญัติ เช่น คณะกรรมาธิการชุดใดชุดหนึ่งของสภาและวุฒิสภา หากจะรับเป็นเจ้าภาพในเรื่องการเปิดพื้นที่สาธารณะดังกล่าวจะเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เพื่อเป็นเวทีถอดบทเรียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้ทุกฝ่ายแม้แต่ฝ่ายทหาร-ความมั่นคง-ตำรวจ ได้มาร่วมกันแชร์ความเห็นร่วมกันในพื้นที่สาธารณะที่เป็นกลาง ก็น่าจะได้ข้อมูล เสียงสะท้อนที่เป็นประโยชน์แน่นอน ในการที่จะได้แนวทางในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ

 อีกทั้งยังจะได้เป็นเวทีให้บางฝ่าย เช่น ญาติผู้เสียชีวิต-ผู้บาดเจ็บ ได้มีเวทีในการระบายความรู้สึก-ความเห็นถึงเรื่องนี้หลังคดีตากใบหมดอายุความ โดยคดีไปไม่ถึงศาล เพื่อจะได้เป็นพื้นที่ในการระบายความรู้สึกดังกล่าวให้สังคมได้รับทราบข้อมูลหลายๆ ด้าน

สิ่งเหล่านี้ หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรได้ร่วมกันผลักดันให้เกิดขึ้น ไม่ใช่พอสื่อหรือกระแสสังคมเริ่มไม่สนใจเรื่องคดีตากใบแล้วก็ไม่มีขยับอะไร

ขณะที่ผลกระทบในเชิงพื้นที่และเชิงการเมืองหลังคดีตากใบหมดอายุความ ก็มีความเห็นจากหลายฝ่ายออกมาอย่างหลากหลาย ที่ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาล-หน่วยงานภาครัฐควรรับฟังไว้เช่นกัน อาทิ รอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน-รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร-กรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมองว่า "ผลกระทบหลังคดีตากใบหมดอายุความ ในบริบทหนึ่งจะส่งผลทางการเมืองระหว่างประเทศ เพราะประเทศไทยจะต้องเตรียมรับมือกับคำถาม ไม่ใช่แค่คำถามจากในพื้นที่เท่านั้น แต่คำถามจากประชาคมระหว่างประเทศด้วย โดยเฉพาะประเทศที่ให้ความสำคัญกับหลักสิทธิมนุษยชน หลักประชาธิปไตย และเสรีภาพประชาชน การสังหารหมู่ที่มีประชาชนเสียชีวิตเกือบร้อยคน แต่ไม่สามารถหาคนมารับผิดชอบกับการตายเหล่านั้นได้ ทั้งที่การพิจารณาคดีในชั้นศาลเดินทางมาถึงจุดก่อนหน้านี้แล้ว รัฐบาลไม่อาจหลีกเลี่ยงคำถามเหล่านี้ได้ในเวทีระหว่างประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศที่สนใจเรื่องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย และจะมีคำถามเหล่านี้จากกลุ่มประเทศมุสลิม ที่รัฐบาลต้องเตรียมคำตอบ และก็จะเป็นปัญหาในเชิงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศมุสลิมด้วยเช่นกัน ก็เป็นผลกระทบที่ผมคิดว่าหากไม่คิดคำนวณให้ดี ไม่เห็นภาพรวมแบบนี้ และไม่ได้ทำงานอย่างจริงจัง ผลกระทบที่มันจะเกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องชีวิตของผู้คนที่สูญเสียไปจากความขัดแย้งและความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น แต่มันจะเป็นความเสียหายในทางการเมืองระหว่างประเทศด้วย"

ส่วนสถานการณ์หลังจากคดีตากใบหมดอายุความจะเป็นอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีเหตุการณ์ความรุนแรงอะไรหรือไม่ คงต้องรอติดตามกันต่อหลังจากนี้ ซึ่งทุกฝ่ายไม่ต้องการเห็นความรุนแรงและการสูญเสียตามมาแน่นอน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สภาสูง ยั๊วะ รัฐบาล ข้ามหัว เทตอบ 5 กระทู้ ‘ยุคล’ ตั้งฉายา ‘นายกฯนินจา’ หนีสภา

‘สภาสูง’ ยั๊วะ รบ.ข้ามหัว เทตอบ 5กระทู้ ‘ยุคล’ ตั้งฉายา ‘นายกฯ นินจา’ หนีสภา ‘หมอเปรม’ อาลัย ‘แพทองโพย’ ไร้รับผิดชอบ แขวะใส่ชุดนอนตรวจทหาร หิ้วผัวใต้ออกงาน

'ทักษิณ' ถึงเชียงใหม่ ช่วยหาเสียงนายก อบจ. 'สว.ก๊อง' คึกมั่นใจชนะล้านเปอร์เซ็นต์

'ทักษิณ' ถึงเชียงใหม่ 'เจ๊แดง-สมชาย-พิชัย' ต้อนรับ แวะกินก๋วยเตี๋ยวร้านมิชเชอร์ลิน 7 ปีซ้อน ก่อนช่วงเย็นขึ้นปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ. 'สว.ก๊อง' ลั่นมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์

‘แพทองธาร’ ยันพรรคร่วมไร้ปัญหา หลังภาพ 'ทักษิณ-อนุทิน' ออกรอบตีกอล์ฟด้วยกัน

ความจริงแล้วตนและนายอนุทิน ก็คุยกันอยู่แล้ว ถึงจะมีปัญหาอะไรก็คุยกันเคลียร์กันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทยหรือพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆถึงเวลาถ้ามีอะไรก็คุย

อย่างหล่อ! ‘อนุทิน’ ปัดตีกอล์ฟเคลียร์ขัดแย้ง ‘ทักษิณ’ ยันการกระทำสำคัญกว่าคำพูด

‘อนุทิน’  ปัดตีกอล์ฟ ‘ทักษิณ’ เคลียร์ปมขัดแย้ง ยัน ‘การกระทำสำคัญ กว่าคำพูด’  ย้ำอีแอบ ไม่ได้หมายถึงตัวเอง - ภูมิใจไทยชัดเจน เพราะข้อเท็จจริงเข้าประชุมครม. 

'อิ๊งค์' ยิ้มร่ารับฉายา 'รัฐบาลพ่อเลี้ยง' แซวตัวเอง 'แพทองแพด' แฮปปี้ไม่เกลียดใคร

'นายกฯอิ๊งค์' ยิ้มแย้ม ไม่โกรธฉายา 'รัฐบาลพ่อเลี้ยง' ขอมองมุมดี พ่อมีประสบการณ์เพียบช่วยหนุน หยอกสื่อกลับ 'แพทองแพด' ไม่ใช่แพทองโพย บอกไม่ค่อยเกลียดใครมันเหนื่อย แฮปปี้เข้าไว้

การเมืองมกรา’68 พรรคร่วมร้อนรุ่มแตกหัก ‘ทักษิณ’ หนาวสะท้านชั้น 14

ทักษิณขยี้หนัก โชว์ภาพตีกอล์ฟขนาบข้างทุนผูกขาด ส่อสื่อสัญญาณรุก “พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ” คาดชะตากรรมไม่แตกต่าง “ประวิตร-พปชร.” ประเมินปี 68 ปมชั้น 14 ทำการเมืองร้อนแรง