นับถอยหลังคดีตากใบหมดอายุความ รัฐล้มเหลว จำเลยลอยนวล

นับถอยหลังจากวันพฤหัสบดีที่ 24 ต.ค. ก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “คดีสลายการชุมนุมตากใบ” ซึ่งเกิดเหตุเมื่อ 25 ต.ค.2547 ในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร จะ "หมดอายุความ" แล้วในเวลาเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 25 ต.ค.นี้ ซึ่งจนถึงขณะนี้รัฐไทยก็ยังไม่สามารถติดตามตัวจำเลยในคดีตากใบ ทั้งคดีที่ประชาชน-ญาติผู้เสียชีวิตยื่นฟ้องต่อศาลนราธิวาส และคดีที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้อง มาส่งตัวต่อศาลนราธิวาสได้ หลังมีการออกหมายจับไปหลายวัน

 ทำให้จนถึงขณะนี้หลายฝ่ายมองว่า มีโอกาสสูง หากถึงวันศุกร์ที่ 25 ต.ค.นี้ คดีตากใบคงไม่ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะไม่สามารถเอาตัวจำเลยมาขึ้นศาลได้ ส่งผลให้คดีหมดอายุความ

สิ่งที่เกิดขึ้นแม้ภาครัฐ-รัฐไทย ทั้งฝ่ายรัฐบาล-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะพยายามออกมายืนยันว่า ไม่ได้นิ่งเฉย มีการติดตามตัว-ค้นหาตัวจำเลยทั้งหมดอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ไร้วี่แววว่าจะสามารถติดตามตัวมาได้ แต่ก็ยังพบว่า เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทำนองตั้งคำถามต่อความเอาจริงเอาจังของเจ้าหน้าที่รัฐในเรื่องนี้ก็ยังมีอยู่มาก เพราะจำเลยในสำนวนคดีที่ประชาชนฟ้องก็พบว่า เป็นระดับอดีตข้าราชการระดับสูง ในกองทัพ-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-กระทรวงมหาดไทย ที่บางคนก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร-เพื่อนร่วมรุ่น นรต.กับนายทักษิณ ชินวัตร รวมถึงเป็นอดีต สส.เพื่อไทยเองด้วย คือ พลเอกพิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่แม้จะลาออกจากสมาชิกเพื่อไทยจนพ้นจากการเป็น สส.ไปแล้ว แต่คนยังมองว่าเพื่อไทยเทกแอ็กชันเรื่องนี้ช้าเกินไป และทำเพราะโดนกระแสสังคมกดดันอย่างหนัก

ขณะที่ข้อเสนอจากบางฝ่าย เช่น นักกฎหมาย-นักวิชาการ เสนอให้รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญออก “พระราชกำหนด” แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อปลดล็อกไม่ให้คดีที่เจ้าหน้าที่รัฐถูกฟ้องดำเนินคดีเพราะไปละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง จนทำให้ประชาชนบาดเจ็บเสียชีวิต ไม่มีอายุความเหมือนเช่นคดีทุจริตฯ เพื่อจะได้ทำให้คดีตากใบ ไม่ต้องหมดอายุความวันที่ 25 ต.ค. และยังเป็นการป้องกันระยะยาวไม่ให้มีการหนีคดีในลักษณะเช่นนี้อีก แต่ก็พบว่าข้อเสนอดังกล่าวก็มีบางฝ่ายไม่เห็นด้วย โดยยกเหตุผลในด้านข้อกฎหมาย-การบังคับใช้ มาแย้งแนวคิดดังกล่าว ผนวกกับดูจากช่วงเวลาที่เหลืออยู่ไม่ถึง 2 วันก่อนคดีหมดอายุความ กระบวนการดังกล่าวก็น่าจะไม่ทันแล้ว รวมถึงท่าทีของฝ่ายรัฐบาล ไล่ตั้งแต่ แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ, ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ต่างสงวนท่าที ไม่ได้ตอบรับกับข้อเสนอดังกล่าวเท่าใดนัก เพราะคงมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องศึกษาผลดี-ผลเสีย หากจะออก พ.ร.ก.มาในช่วงนี้ ที่เวลากระชั้นชิดเกินไปในการตัดสินใจ

 ในเชิงการเมือง มีการจับตามองเหมือนกันว่า หลังวันที่ 25 ต.ค. หากคดีหมดอายุความ คดีไม่เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลยุติธรรม รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย จะมีท่าทีอย่างไรในเรื่องนี้ โดยเฉพาะกับญาติผู้บาดเจ็บเสียชีวิต ที่ร่วมกันสู้คดี จนนำคดีไปฟ้องต่อศาลนราธิวาส ที่พบว่าตอนนี้ก็มีข้อเสนอที่หลากหลาย เช่น การขอให้รัฐบาล-นายกฯ-พรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล ขอโทษประชาชน ที่สุดท้ายคดีตากใบ ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

 นอกจากนี้ก็ยังมีข้อเสนอที่เห็นว่า หากคดีหมดอายุความ แต่เมื่อยังเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายต้องการให้มีกระบวนการนำเสนอข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เพื่อให้สังคมได้รับทราบข้อมูล-ข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการสลายการชุมนุม และการควบคุมตัวประชาชนในวันเกิดเหตุของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่นำไปสู่การสูญเสียร่วม 85 ชีวิต ซึ่งคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันยังไม่ทราบรายละเอียด-ข้อเท็จจริงแบบรอบด้านของเหตุการณ์ ก็มีข้อเสนอว่า ก็ควรมีบางฝ่ายเป็นตัวกลาง เช่น ฝ่ายนิติบัญญัติ-สภาผู้แทนราษฎร ที่อาจเป็นกรรมาธิการสามัญของสภาฯ หรือวุฒิสภา คณะใดคณะหนึ่ง จัดเวทีกลางหรือเปิดพื้นที่สาธารณะที่รัฐสภา เพื่อให้มีพื้นที่ในการพูดคุยจากทุกฝ่ายมาเล่าข้อเท็จจริงเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงผลที่ตามมาหลังจากนั้นให้สังคมรับรู้ และถอดบทเรียนร่วมกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก หลังคดีไม่สามารถไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงในชั้นศาลได้   

ทั้งหมดข้างต้นก็เป็นข้อเสนอที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ช่วงที่นับถอยหลังคดีตากใบกำลังจะหมดอายุความ ท่ามกลางเสียงผิดหวังที่รัฐไทยไม่สามารถติดตามตัวจำเลยทั้งหมดในคดีมาขึ้นศาลได้

โดยพบว่า ในช่วงนับถอยหลังคดีตากใบ ก็ยังคงมีข้อเสนอ-ข้อเรียกร้องออกมาต่อเนื่องจากบุคคลหลายกลุ่ม-หลายองค์กรต่างๆ ที่มีข้อเสนอถึงรัฐบาล เช่น แถลงการณ์เมื่อ 23 ต.ค. ของ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่ออกแถลงการณ์เรื่อง ขอให้รัฐบาลเร่งแก้ไขเยียวยาการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงกรณีการสลายการชุมนุมที่ตากใบ โดยระบุตอนหนึ่งว่า

...คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่ออำนวยความยุติธรรมกรณีการสลายการชุมนุมที่ตากใบ ดังต่อไปนี้

1.เร่งนำตัวผู้ต้องหาในคดีนี้ทุกรายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อมิให้เกิดวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิด โดยอาศัยช่องว่างจากการดำเนินคดีล่าช้าและการขาดอายุความของคดี

2.ให้มีการเยียวยาความเสียหายที่มิใช่เฉพาะตัวเงิน การเยียวยานี้หมายรวมถึงการทำความจริงให้ประจักษ์ โดยญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้เสียหายต้องได้รับทราบข้อเท็จจริงอย่างสมบูรณ์และครบถ้วน อันเป็นการให้ความเคารพในศักดิ์ศรีของเหยื่อและผู้สูญเสีย

3.ผลักดันแก้ไขกฎหมายให้คดีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง จนเป็นเหตุให้ประชาชนจำนวนมากเสียชีวิต เช่น คดีตากใบ เป็นคดีที่ไม่มีอายุความ

ส่วนสถานการณ์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ต้องรอติดตามหลังวันที่ 25 ต.ค.อีกครั้งหนึ่ง แต่มองดูแล้ว ถ้าคดีหมดอายุความ เพราะภาครัฐไม่สามารถติดตามตัวจำเลยไปส่งศาลได้ทัน ในทางการเมืองเห็นชัดไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลเพื่อไทย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กสม. ประณาม 'ทักษิณ' ปราศรัยเหยียดเชื้อชาติคนแอฟริกัน ย้ำไทยอยู่ภายใต้ CERD

กสม.ซัด 'ทักษิณ' จ้อเหยียดเชื้อชาติคนแอฟริกัน อบรมคนมีอิทธิพลทางสังคมไม่ควรทำ หวั่นโดนขยายความรุนแรง ซ้ำรอยความสูญเสียในอดีต

เหลี่ยม"ทักษิณ"หาเสียงนายกอบจ. ก้ำกึ่ง สุ่มเสี่ยง ผิดกฎหมายเลือกตั้ง

การปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.ของ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง ทั้งสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายเลือกตั้ง และพาดพิงคู่ปรับทางการเมืองอย่างดุเดือด

'คุมขังนอกเรือนจำ'ความหวังใหม่ ระบบยุติธรรมหรือประตูสู่ความลำเอียง

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบยุติธรรม โดยในปี 2568 กรมราชทัณฑ์จะเริ่มใช้ ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ ซึ่งเป็นนโยบายใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อลดความแออัดในเรือนจำ

‘สรวงศ์’ โต้รัฐบาลรับลูกพ่อนายกฯ อ้างเป็นแค่วิสัยทัศน์อดีตผู้นำ

ทำเนียบรัฐบาล นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร การกา

‘แม้ว’ห้าว!ผ่านสนาม อบจ. ท่าทีมั่นใจ‘ความปลอดภัย’

ห้าวทุกเวที! 4 จังหวัด อุดรธานี อุบลราชธานี เชียงใหม่ เชียงราย ที่ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี ไปช่วยผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือนายก อบจ.หาเสียง