ทีม'ลุงป้อม'รุกฆาต'เพื่อไทย-ทักษิณ' ชงยกเลิกการกระทำ ก่อนยื่นเชือดซ้ำ

นับตั้งแต่ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ หนีคดีทุจริต กลับประเทศ การเมืองไทยเริ่มร้อนระอุมากขึ้นทุกวัน สงครามระหว่าง ทักษิณ กับ บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ส่งผลให้พรรคพลังประชารัฐถูกเตะออกจากพรรคร่วมรัฐบาล หลังจากนั้นจึงได้เห็นสงครามกฎหมายที่มาแทบทุกวัน โดย นักร้องนิรนาม และ คณะนิติชน-เชิดชูธรรม ที่ยื่นหนังสือร้องเรียน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อย่างไม่หยุดหย่อน และมีหลายๆ เรื่องที่มีความเชื่อมโยงกับ พรรคเพื่อไทย รวมถึงผู้เป็นลูก "แพทองธาร ชินวัตร"  ที่สืบทอดบัลลังก์นายกรัฐมนตรี กำลังสั่นคลอนพรรคแดง และตำแหน่งของลูกสาว

โดยคณะนิติชน-เชิดชูธรรม รวมถึงมือมืด ได้รับน้อง "อุ๊งอิ๊งค์" ไปแบบคอมโบแล้ว เพิกเฉยไม่ดำเนินการเพื่อให้มีการคืนที่ธรณีสงฆ์ให้กับวัดธรรมิการามวรวิหาร, ร้องเรียนกรณี "ทักษิณ" อยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ได้สิทธิรักษาพยาบาลดีกว่านักโทษรายอื่น, แถลงนโยบายต่อรัฐสภาขัดรัฐธรรมนูญ มุ่งประชานิยมไม่คำนึงถึงที่มาแห่งรายได้แจกเงินดิจิทัล ฯลฯ

ล่าสุด เมื่อเวลา 07.05 น. วันที่ 10 ต.ค. นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร. ได้นัดหมายเปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นทำให้รัฐบาลล่มสลาย   เหล่าสื่อมวลชน รวมถึงคอการเมืองต้องรีบหันมาโฟกัสพร้อมกัน โดยไพบูลย์แจ้งข่าวว่า เวลา 10.30 น. นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร จะเดินทางไปยื่นคำร้องที่ศาลรัฐธรรมนูญ

โดย "ธีรยุทธ สุวรรณเกษร" อดีตทนายความพระพุทธะอิสระ เจ้าของฉายามือปราบก้าวไกล หันมาจัดการกับการเมืองค่ายเพื่อไทย ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยสั่งการให้ "ทักษิณ" ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยนำคำร้องจำนวนทั้งสิ้น 65 หน้า และมีเอกสารประกอบอีก 443 หน้า เมื่อรวมคำร้องและเอกสารที่เขาถ่ายสำเนามาส่งศาลในวันนี้รวม 10 ชุด จึงเป็นเอกสารจำนวนทั้งสิ้น 5,080 หน้า

"ธีรยุทธ" ระบุว่า พฤติกรรมและพฤติการณ์ของ "ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย" เข้าข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญใน 2 ลักษณะ ลักษณะแรก ผู้ถูกร้องทั้งสอง มีพฤติการณ์การกระทำที่เป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการทำให้สถาบันฯ สูญเสียสถานะที่จะต้องอยู่เหนือการเมือง หรือดำรงความเป็นกลางทางการเมือง ย่อมเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันฯ เป็นเหตุให้ชำรุด ทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง

ลักษณะที่สอง ผู้ถูกร้องทั้งสอง มีการกระทำอันมีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบบพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่มีความสำคัญของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ชำรุด ทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง

สำหรับ 6 พฤติการณ์ที่ปรากฏในคำร้องดังกล่าวประกอบด้วย 1.ทักษิณได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณให้อภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ  เหลือโทษจำคุกต่อไป 1 ปี โดยพบว่าทักษิณใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน สั่งการผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ ให้เอื้อประโยชน์แก่ทักษิณระหว่างต้องโทษจำคุก ได้พักอาศัยอยู่ที่ห้องพักชั้นที่ 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อไม่ต้องรับโทษในเรือนจำแม้แต่วันเดียว

โดยเป็นการฝ่าฝืนการรับโทษในเรือนจำตามพระบรมราชโองการ การกระทำของทักษิณจึงเป็นการกระทำที่ไม่บังควรอย่างยิ่ง อันอาจเป็นการกระทำที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท และเป็นการกระทำที่อาจเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ส่งผลให้เกิดการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันฯ ในที่สุดได้

2.ทักษิณมีพฤติกรรมฝักใฝ่ร่วมคิดกับ สมเด็จฮุน เซน อดีตผู้นำทางการเมืองประเทศกัมพูชา ซึ่งมีระบอบการปกครองที่ฝ่ายการเมืองมีอำนาจเหนือสถาบันฯ และทักษิณมีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการให้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือการบริหารราชการแผ่นดิน สั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์กับผู้นำกัมพูชา กรณีอาจละเมิดอธิปไตยทางทะเลของไทย โดยให้มีการเจรจาพื้นที่ทางทะเลที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าเป็นเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (MOU ปี 2544) เพื่อแบ่งผลประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติและก๊าซในทะเล ซึ่งเป็นอธิปไตยทางทะเลของไทยให้แก่กัมพูชา

3.ทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยร่วมมือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองที่เป็นพรรคก้าวไกลเดิม ซึ่งมีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองฯ ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และทักษิณมีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการให้พรรคเพื่อไทยเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ทักษิณและพรรคพวก

4.ทักษิณมีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการให้พรรคเพื่อไทย ในการเจรจากับแกนนำของพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เพื่อหารือเสนอบุคคลที่สมควรเป็นนายกฯ คนใหม่ เมื่อ 14 ส.ค. ที่บ้าน "จันทร์ส่องหล้า"

5.ทักษิณมีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการให้พรรคเพื่อไทยมีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยให้พรรคเพื่อไทยยินยอมกระทำการตามที่ทักษิณสั่งการ

6.ทักษิณมีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ให้นำนโยบายของทักษิณ ซึ่งแสดงวิสัยทัศน์ไว้เมื่อ 22 ส.ค. ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายคณะรัฐมนตรี ที่แถลงต่อรัฐสภาเมื่อ 12 ก.ย.

นอกจากนี้ในท้ายคำร้องของ "ธีรยุทธ" ได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งการใน 8 ประเด็น โดยสรุปคือ ให้ "ทักษิณ" ยกเลิกการกระทำที่ร้องมาข้างต้นทั้งหมด และขอให้ "พรรคเพื่อไทย" เลิกยินยอมให้ทักษิณครอบงำ รวมถึงใช้เป็นเครื่องมือสั่งการต่างๆ

แต่การร้องของ "ธีรยุทร" เหมือนว่าภาพเก่ากำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะการยื่นร้องครั้งนี้ เป็นการขอให้ยกเลิกการกระทำ คล้ายๆ กับกรณีที่เคยยื่นร้องขอให้พรรคก้าวไกลเลิกการกระทำใช้การแก้ไขประมวลกฎหมายมาตรา 112 เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง พอหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้เลิกการกระทำ วันต่อมาเข้ายื่นร้องต่อ กกต.เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ เผด็จศึกยุบพรรคก้าวไกลจนทำสำเร็จ

มาครั้งนี้กูรูการเมืองยังคงมองแบบเดิมว่า ถ้าศาลวินิจฉัยให้ทักษิณและพรรคเพื่อไทยเลิกการกระทำ เชื่อว่าการยื่นร้องเชือดพรรคเพื่อไทยจะเกิดขึ้นตามมา หรืออาจจะนำมาเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมืองหรือไม่ เพื่อให้ทักษิณเพลาๆ การเมืองไปก่อน เพราะยิ่งเปิดหน้าแลก ยิ่งมีความเสี่ยง

แต่ถ้าย้อนกลับไปดูผลงาน "ธีรยุทธ" ต้องเรียกว่า ไร้พ่าย เพราะนับตั้งแต่เรื่องแรกที่ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กับม็อบราษฎรเรื่องล้มล้างการปกครอง, พรรคก้าวไกล ปมใช้นโยบาย 112 ยังชนะรวดอยู่

ทำให้พรรคเพื่อไทยและแพทองธารต้องปาดเหงื่อเสาะหายุทธวิธีมาต่อสู้กับคำร้อง ซึ่งเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องง่าย!.