นายกฯเคาะเลือก'ผบ.ตร.'คนที่ 15 ฟ้าไม่ผ่าปทุมวัน คอนเฟิร์ม'บิ๊กต่าย'

การแต่งตั้งโยกย้ายหน่วยงานความมั่นคงระดับสูงเสร็จไปเกือบทุกหน่วย โดยเฉพาะเหล่าทัพ วันที่ 1 ต.ค.เริ่มงานได้ทันที เหลือเฉพาะ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ที่ต้องเริ่มคัดเลือกตัว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนที่ 15 แทนที่ “บิ๊กต่อ”-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ที่เกษียณอายุราชการหลังวันที่ 2 ต.ค.นี้

  การสรรหาตัว “ผบ.ตร.” ที่ต้องล่าช้ากว่าทุกปี จากเดิมไม่เกินปลายเดือนกรกฎาคมก็รู้แล้วว่าใครจะได้เป็นเจ้า “กรมปทุมวัน” ด้วยการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจปีนี้ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ 2565 ฉบับใหม่ กำหนดให้มีกฎของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งบังคับใช้ ประกาศราชกิจจานุเบกษาวันที่ 5 เม.ย.67 ให้มีผลบังคับใช้ใน 180 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 2 ต.ค.นี้ ทำให้กระบวนการการแต่งตั้ง “พิทักษ์ 1” จะเริ่มได้คือวันที่ 3 ต.ค.เป็นต้นไป

เพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศภายในรั้ว “กรมปทุมวัน” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 335/2567 แต่งตั้ง “บิ๊กต่าย”-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับหนึ่ง เป็นผู้รักษาการแทนในตำแหน่ง ผบ.ตร. มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2567 เป็นต้นไป

ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติบอบช้ำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เมื่อเกิดความขัดแย้งภายในของผู้บริหารองค์กรระหว่าง “บิ๊กต่อ”-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.และ “บิ๊กโจ๊ก”-พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่สู้รบกันเพื่อแย่งชิงเก้าอี้ “ผบ.ตร.” กลายเป็นสงครามลากไส้ให้กากิน เป็นคดีขายขี้หน้าชาวบ้าน พานให้ลูกน้องทั้ง 2 ฝั่ง กลายเป็นคู่ขัดแย้งจำใจต้องเลือกฝ่ายเพื่อความเจริญในหน้าที่ของตัวเอง หลายเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย จนนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ต้องเด้งทั้งคู่ไปประจำที่สำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนที่ “บิ๊กต่อ” จะได้กลับมาเกษียณตำแหน่ง ผบ.ตร. แต่ “บิ๊กโจ๊ก” กระอักเลือดถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน

ถึงแม้ “บิ๊กโจ๊ก”-พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ จะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่งรอง ผบ.ตร. ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.67 แล้ว หลังจากคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ “ก.พ.ค.ตร.” ที่เปรียบเสมือนศาลปกครองชั้นต้น มีมติคำสั่งให้ออกจากราชการชอบด้วยกฎหมาย แต่ยังหายใจได้อีกเฮือกซึ่งเป็นช่องทางสุดท้าย อดีตรอง ผบ.ตร.ฟ้องศาลปกครองเพิกถอนคำสั่งของ ก.พ.ค.ตร.เพื่อกลับเข้ารับราชการตำรวจ

ซึ่งมีรายงานว่าได้ยื่นเรื่องขอไต่สวนฉุกเฉิน แต่ศาลปกครองสูงสุดไม่เล่นด้วย ให้เป็นไปตามกระบวนการ เป็นอันว่าการกลับเข้าสู่แคนดิเดต “ผบ.ตร.” วาระนี้จบแล้ว ส่วนจะได้คืนวงการอีกหรือไม่ หรือยุติอาชีพตำรวจไว้เพียงแค่นี้ ต้องจับตาดูกันต่อไป

การคัดเลือก “ผบ.ตร.” ตาม พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่นี้ จะต่างจากที่ผ่านๆ มา เดิมที ผบ.ตร.คนที่จะเกษียณจะทำการเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนต่อไปให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร.เป็นผู้พิจารณา หากนายกฯ เห็นชอบเป็นอันเสร็จ หากไม่เห็นชอบเหตุและผลที่ต้องถกกันต่อ แต่การแต่งตั้งครั้งนี้ นายกฯ ในฐานะประธาน ก.ตร.จะเป็นผู้เสนอชื่อ ผบ.ตร.คนต่อไปให้คณะกรรมการ ก.ตร.เป็นผู้ร่วมพิจารณาเห็นชอบ โดยคุณสมบัติผู้ที่จะได้รับเลือกจะต้องมียศเป็น “พล.ต.อ.” ตำแหน่งรอง ผบ.ตร. หรือ จเรตำรวจแห่งชาติ ต้อง คำนึงถึงความอาวุโสและความสามารถประกอบกัน โดยเฉพาะหน้างานสืบสวนสอบสวนและงานป้องกันปราบปราม     

ฉะนั้น แคนดิเดต “ผบ.ตร.” จึงเหลืออยู่แค่ 3 คน อาวุโสอันดับหนึ่ง "บิ๊กต่าย” พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ นรต.รุ่น 41 เกษียณอายุราชการปี 69 เหลือเวลาอีก 2 ปี สายตรง “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีต ผบ.ตร.เริ่มรับราชการ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองระยอง เติบโตมาตามสายงาน เป็น ผกก.ทางหลวง 6 ทางหลวง 8, ผกก.เรือน้ำ, ผกก.ท่องเที่ยว รองผู้การทางหลวง, ผู้การตำรวจสันติบาล 1, ขึ้นรอง ผบช.สกพ., เป็น ผบช.ประจำ ส.ผบ.ตร., ผบช.ภ.8., ผู้ช่วย ผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร. ได้รับความไว้วางใจรับผิดชอบหน้างานป้องกันและปราบปราม โดยเฉพาะการปราบปรามยาเสพติดซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล ขณะที่เกิดสงครามภายในรั้วปทุมวัน “บิ๊กต่าย” ได้รับความไว้วางใจเป็น รรท.ผบ.ตร. ผลงานเข้าตาผู้ใหญ่     

อาวุโสอันดับสอง "บิ๊กบึก”-พล.ต.อ. ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ นรต.รุ่น 39 เกษียณราชการปี 68 เหลือเวลาอีก 1 ปี เริ่มรับราชการที่ ผบ.มว.ร้อย 8 กก.ตชด.เขต 3, เป็น ผกก.อก.ผง.1, ผกก.กบ.บก.อก.บช.ปส., ผกก.1 บก.ตม., รอง ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร., รอง ผบก.ทพ., ผบก.ผอ., รอง ผบช.สยศ.ตร., ผบช.สยศ.ตร., ผู้ช่วย ผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติ ได้รับความไว้วางใจ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปนม.ตร.) ปราบปราบแก๊งค้าน้ำมันเถื่อน รวมถึงคดีเรือน้ำมันเถื่อนหายที่ท่าเรือตำรวจน้ำ จ.ชลบุรี

อาวุโสอันดับสาม "บิ๊กนา”-พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.นรต.รุ่น 42 เกษียณอายุราชการปี 2569 เริ่มรับราชการ รอง สวส. สภ.ละหานทราย จว.บุรีรัมย์, ผกก.อก.ภ.จว.สมุทรปราการ, ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ, นว.(สบ 5) ผบ.ตร., รอง ผบก.สส.ภ.1, รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ, ผบก.สท., ผบก.ภ.จว.นครนายก, รอง ผบช.ภ.1, ผบช.ภ.7, ผู้ช่วย ผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร.กำกับดูแลงานสืบสวนสอบสวน ดูแลงานสืบสวนคดีสำคัญระดับประเทศมาแล้วหลายคดี

แต่นอกจาก 3 นายตำรวจในไลน์แคนดิเดตแล้ว บิ๊กตำรวจที่กำลังถูกจับตามองจะเป็นม้ามืดเข้าวินคว้าเก้าอี้ ผบ.ตร. คือ "บิ๊กจวบ”-พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. "คนสนิทนายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า" ที่กำกับดูแลภาคเหนือมาตลอดชีวิตราชการ ที่หลายกระแสชี้ว่าฝ่ายการเมืองพยายามแหกประเพณี ดันเป็น ผบ.ตร.คนต่อไปให้ได้ โดยให้ “บิ๊กต่าย” รรท.ผบ.ตร.รอเวลา “บิ๊กจวบ” อาวุโสอันดับหนึ่งขึ้น รอง ผบ.ตร.เต็มตัว แล้วแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร. แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย น.ส.แพทองธาร นายกฯ จะกล้าเสี่ยงหรือไม่

นาทีนี้ “บิ๊กต่าย” คือตัวเต็งอันดับหนึ่งด้วยคุณสมบัติอาวุโส ความรู้ความสามารถ ที่จะคว้าเก้าอี้ “พิทักษ์ 1” คนที่ 15 ซึ่งการคัดเลือก ผบ.ตร.คนต่อไปเริ่มขยับ

มีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. แจ้งนัดประชุม ก.ตร.นัดพิเศษ ในวันจันทร์ที่ 7 ต.ค.67 นี้ เพื่อพิจารณาวาระพิเศษคัดเลือกแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถ้าไม่พลิกโผ "บิ๊กต่าย” คือว่าที่ ผบ.ตร.คนที่ 15. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แจกเฟส 2 หวังผลการเมือง ส่อผิดกฎหมายหลายกระทง?

ปี่กลองอึกทึกครึกโครม ในสนามเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงนี้จึงอยู่ในช่วงงัดไม้เด็ดเดิมพันให้ได้คว้าชัยชนะ เพื่อเป็นอีกก้าวปูทางไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่

ปักธง1ภาค1เก้าอี้นายกอบจ. ส้มเก็บชัยหรือระเนระนาด

นับถอยหลังสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ระหว่าง นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน และนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย