ถกนัดแรก‘5กุนซือ’นายกฯอิ๊งค์ ปักธง‘ไทยพ้นยากจน’รัฐบาลนี้

ได้ฤกษ์รัฐบาล “นายกฯ อิ๊งค์”-แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถกนัดแรก “คณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี” ที่ บ้านพิษณุโลก บ้านพักประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเรือนรับรองแขกสำคัญของรัฐบาล

พร้อมนำทีมคณะที่ปรึกษาฯ มี นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษา นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษา นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษา นายธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษา นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่ปรึกษา พร้อมด้วย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านพิษณุโลก เอาฤกษ์เอาชัย

โดยแม่ทัพคนสำคัญนอกจากนายหญิงแพทองธารแล้ว ที่หลายฝ่ายจับตาคือ “พันศักดิ์ วิญญรัตน์” ที่มีความใกล้ชิดกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จนถูกมองว่าเป็นกุนซือคนสำคัญ ได้ถูกเชิญมานั่งประธานที่ปรึกษาชุดดังกล่าว มีโปรไฟล์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

เคยดำรงตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษา พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรีมาก่อน และอยู่เบื้องหลังนโยบายที่มีชื่อเสียงของรัฐบาลชาติชาย คือ “นโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า”

และเคยดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา นพ.สุรพงษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ที่สำคัญเป็นอดีตประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านนโยบายเศรษฐกิจ ในรัฐบาลนายทักษิณ อดีตนายกฯ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังนโยบายสำคัญหลายนโยบายในรัฐบาลทักษิณ 1 และทักษิณ 2

เช่น นโยบายพัฒนาเศรษฐกิจแบบคู่ขนาน (Dual Track) หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า "ทักษิโณมิกส์"

สำหรับ คณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรีชุดนี้ แม้เป็นรุ่นเก่าเก๋าประสบการณ์ แต่ยังมีข้อกังขาเรื่องการใช้คนรุ่นเก่าทั้งหมดมาระดมสมองขับเคลื่อนประเทศ จะสร้างความเชื่อใจและความเชื่อมั่นให้กับคนรุ่นใหม่ในยุคสมัยปัจจุบันได้อย่างไร แต่ได้รับการการันตีจาก 5 ที่ปรึกษาฯ แล้วว่า

“ทั้ง 5 คนไม่ตกสมัยแน่นอน มีไฟแรงในการทำงานเต็มที่ และจะเป็นสารตั้งต้นสู่การพัฒนาประเทศภาพใหญ่” โดยจะมีการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนด้วย

ทั้งนี้ การทำงานของคณะที่ปรึกษาฯ ชุดนี้ในแต่ละด้านจะแบ่งกันตามความถนัดและประสบการณ์ โดย นายธงทองจะดูด้านการปฏิรูประบบราชการให้ง่ายต่อการรับใช้ประชาชน นายพงศ์เทพเชี่ยวชาญกฎหมายมหาชน ดูด้านกฎหมายต่างๆ เพื่อเอื้ออำนวยต่อการขับเคลื่อนระบบราชการ นายศุภวุฒิมีความถนัดด้านเศรษฐกิจ จะนำเสนอนโยบายเศรษฐกิจ นายสุรพงษ์ดูเชิงสาธารณสุขและซอฟต์พาวเวอร์

และนายพันศักดิ์ ประธานที่ปรึกษาฯ มีประสบการณ์ด้านการเมืองมาก มีความเชี่ยวชาญด้านภูมิทัศน์โลก การต่างประเทศ ส่งเสริมเอสเอ็มอี จะดูภาพรวมทั้งหมดในการทำงานขับเคลื่อนกับที่ปรึกษาคนอื่นๆ

อำนาจหน้าที่ของคณะที่ปรึกษาฯ จะมีข้อเสนอแนะต่างๆ ให้นายกฯ รัฐมนตรี ต้องทำงานร่วมกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะที่ปรึกษาฯ สามารถเชิญหน่วยงานรัฐมาประชุมได้ ขอเอกสารมาดูได้ พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะและปัญหาต่างๆ จากภาคเอกชน ซึ่งหลังจากนี้จะเปิดบ้านพิษณุโลกในการประชุมเรื่องต่างๆ อีกหลายวง

โดยมาตรการเบื้องต้นที่เตรียมเสนอนายกฯ หลังถกนัดแรกกว่า 2 ชั่วโมงคือ 1.การออกมาตรการเศรษฐกิจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งมีแนวคิดเบื้องต้นแล้ว ผู้ได้รับผลกระทบจะได้รับประโยชน์โดยเร็ว 2.มาตรการแก้หนี้ที่ได้ผล ไม่ได้มองเพียงการสนับสนุนเรื่องเงินอย่างเดียว แต่ต้องเป็นมาตรการสร้างรายได้

และ 3.ทำอย่างไรให้เอสเอ็มอีไทยส่งออกต่างประเทศได้จริงจัง โดยการเจาะตลาดต่างประเทศ ซึ่งในที่ประชุมมีมาตรการที่ชูว่าเป็นจิ๊กซอว์ตัวที่หายไป พร้อมเตรียมนำเสนอนายกฯ พิจารณา

นอกจากนี้จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาช่วยศึกษารายละเอียดด้านต่างๆ พร้อมดึงข้าราชการบางส่วนมาช่วยงาน โดยคณะที่ปรึกษาฯ ชุดนี้ไม่ได้กำหนดกรอบการประเมินผลการทำงาน หรือ KPI แต่จะเริ่มงานเลย มีกำหนดประชุมทุกวันพฤหัสบดีของทุกสัปดาห์ โดยนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธานรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ

ซึ่ง นายกฯ อิ๊งค์ ดำริไว้ว่า “พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะทุกอย่าง โดยขอให้นำเสนอความเห็นตรงไปตรงมา ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพื่อให้รับข้อมูลที่รอบด้าน”

สำหรับเป้าหมายแรกที่คณะ 5 อรหันต์นายกฯ อิ๊งค์ตั้งไว้ ต้องสำเร็จในรัฐบาลนี้คือ “คนไทยจะต้องพ้นความยากจน ประเทศหลุดพ้นปัญหาเศรษฐกิจ นำไปสู่ทิศทางที่ชัดเจนในการสร้างเศรษฐกิจกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง”

ส่วนแนวคิดของคนรุ่นเก่าจะนำพาได้สำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่ คงต้องดูกันต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หริรักษ์' ชี้เพื่อไทยขว้างงูไม่พ้นคอ เล่นเกมเขย่าแบงก์ชาติ แต่คนหน้าแหกคือ นายกฯอิ๊ง

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี นักข่าวตั้งคำถามเรื่อง

พท.ชิดซ้าย พรรคส้มดีดกว่า สุดซอยจ้องโละ 'จริยธรรมรมต.'

ถอยร่นไม่เป็นขบวนไปแล้วสำหรับ พรรคเพื่อไทย เมื่อแสดงท่าที โยนผ้าขาว-ไอ้เสือถอย ส่ออาการไม่ไปต่อ เลิกกลางคันกับการเร่งรัดเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ที่ยื่นร่างต่อรัฐสภาไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เมื่อกระแสสังคมนอกจากไม่เอาด้วย แรงต้านมีมากขึ้นเรื่อยๆ