ถอยร่นไม่เป็นขบวนไปแล้วสำหรับ พรรคเพื่อไทย เมื่อแสดงท่าที โยนผ้าขาว-ไอ้เสือถอย ส่ออาการไม่ไปต่อ เลิกกลางคันกับการเร่งรัดเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ที่ยื่นร่างต่อรัฐสภาไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เมื่อกระแสสังคมนอกจากไม่เอาด้วย แรงต้านมีมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะสังคมเห็นชัดว่า เพื่อไทยมีเจตนาซ่อนเร้นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ที่มุ่งเน้น เซาะกร่อนบ่อนทำลายจุดแข็งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่เป็น รธน.ฉบับปราบโกง เพราะเป็นการเสนอแก้ไขที่มีแต่นักการเมือง-พรรคการเมืองได้ประโยชน์ ประชาชนไม่ได้อะไร แรงหนุนเลยไม่มี มีแต่เสียงก่นด่า-คัดค้าน
ที่สำคัญ พรรคร่วมรัฐบาล ทั้งภูมิใจไทย-รวมไทยสร้างชาติ-ประชาธิปัตย์ ก็ไม่ร่วมสังฆกรรม ไม่ขอลงเรือลำเดียวกับเพื่อไทย โดยพรรคร่วมต่างรู้ดีว่า การเล่นบทไม่เอาด้วยกับเพื่อไทย ยังไงก็มีแต้มต่อทางการเมือง เพราะกระแสสังคมหนุนหลัง ทำให้ไม่ต้องกลัวว่าเพื่อไทยจะไม่พอใจ จนเตรียมคิดบัญชีภายหลัง แบบ ตระกูลวงษ์สุวรรณ-พรรคพลังประชารัฐ ด้วยการถีบออกไปเป็นฝ่ายค้าน พรรคร่วมรัฐบาลเลยกล้าขัดคอเพื่อไทย
สถานการณ์เป็นแบบนี้ เลยทำให้เพื่อไทยขาดแนวร่วมในฝั่งเดียวกัน
ยิ่งเมื่อ พรรคสีน้ำเงิน-ภูมิใจไทย มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ สว.สีน้ำเงิน ที่มีร่วม 150 เสียง ที่เสียงของ สว.ถือเป็นตัวแปรสำคัญ เพราะการจะทำให้ร่างแก้ไข รธน.ไปได้ตลอดรอดฝั่ง ต้องได้เสียง สว.โหวตเห็นชอบด้วย ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 คือ 67 เสียงตั้งแต่วาระแรก แต่เมื่อภูมิใจไทยไม่เอาด้วยกับเพื่อไทย
ในทางการเมือง อ่านทางได้ไม่ยาก ยังไงท่าที-การโหวตของ สว.สีน้ำเงิน ย่อมเดินไปในแนวเดียวกับภูมิใจไทย
ปัจจัยการเมืองทั้งหมดจึงบ่งชี้ไปในทางที่ว่า มันแทบปิดประตูตาย ที่ร่างแก้ไข รธน.ของเพื่อไทยจะฝ่าด่านผ่านไปได้ตั้งแต่วาระแรกขั้นรับหลักการ ถ้าพรรคร่วมรัฐบาล-สว.ไม่กลับลำกลางคัน
มันเลยทำให้เพื่อไทยถอยร่นไม่เป็นขบวน เสียหน้าทางการเมืองย่อยยับ ตอนนี้ก็แค่หาทางลงอย่างไรไม่ให้เสียหน้ามาก
จะใช้วิธีถอนร่างฯ ออกหมด หรือถอนมาแล้วปรับแก้-ตัดออกเรื่องที่คนคัดค้าน แล้วเสนอกลับไปใหม่ ให้ทันการพิจารณาในเดือนตุลาคม ตรงนี้ต้องดูท่าทีเพื่อไทยจะเอาอย่างไรต่อไป เพราะถึงตอนนี้ชัดเจนว่า เพื่อไทยน่าจะถอยแล้ว ดันต่อให้สุดซอยไม่ไหว ดูได้จากท่าทีของ สส.เพื่อไทย เช่น
“อดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย-อดีตประธานวิปรัฐบาล ย้ำว่า การแก้ไขจริยธรรมเป็นเรื่องที่เปราะบางอ่อนไหว เพื่อไทยต้องรับฟังความเห็นของประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาล
“จึงคิดว่าหลังจากนี้พรรคเพื่อไทยจะถอยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มองว่าไม่ได้เป็นมาตรการเร่งด่วน เพื่อไทยถอยก่อนเพื่อดำเนินการตามนโยบายเศรษฐกิจที่เร่งด่วน เช่น การแก้ไขเรื่องน้ำท่วม เรื่องปากท้อง ยาเสพติด”
อย่างไรก็ตาม การเสนอร่างแก้ไข รธน.ถึงต่อให้เพื่อไทยถอยร่น แต่ตอนนี้มีการเสนอร่างแก้ไข รธน.รายมาตราของ พรรคประชาชน ที่เสนอต่อรัฐสภาเข้าไปรอการพิจารณาแล้ว
ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ พรรคประชาชนเคยเสนอร่างแก้ไข รธน.ล็อตแรกไปแล้ว ที่เรียกว่าแพ็กเกจแรก ซึ่งเดิมทีมีคิวจะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา วันที่ 25 ก.ย. แต่เลื่อนไป
ล็อตแรกดังกล่าวเป็นร่างแก้ไข รธน.รวม 3 ฉบับ ที่พรรคประชาชนใช้แคมเปญว่า “ลบล้างผลพวงรัฐประหาร-ภารกิจแรกของ สว.ชุดใหม่” มีเนื้อหาหลักๆ คือ
1.ยกเลิกมาตรา 279 เพื่อเร่งรัดยกเลิกประกาศและคำสั่ง คสช.
2.เพิ่มหมวดป้องกันและต่อต้านรัฐประหาร
3.ยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนการปฏิรูปประเทศฉบับ คสช.
และขณะนี้พรรคประชาชนก็ยื่นร่างแก้ไข รธน.รายมาตรา แพ็กเกจที่ 2 เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา โดยรัฐสภาได้นำร่างดังกล่าวมาเผยแพร่-เปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชน
ที่เนื้อหาหลักๆ เป็นร่างแก้ไข รธน.รายมาตราว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ-แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานจริยธรรม เป็นต้น โดยมีรายละเอียดที่สำคัญคือ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมใน 4 ประเด็น คือ คุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ บทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานจริยธรรม การเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และกระบวนการร้องเรียนกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่รวมทั้งหมดเป็นการเสนอแก้ไข 10 มาตรา ได้แก่
-มาตรา 160 ว่าด้วยคุณสมบัติของรัฐมนตรี โดยตัด (4) มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และ (5) ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงออกไป
-แก้ไขมาตรา 168 ว่าด้วยการให้คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ภายใต้เงื่อนไขต่างๆ โดยได้ตัดถ้อยคำที่โยงกับมาตรา 160 (4) และ (5) ออกไป
-แก้ไขมาตรา 186 ในหมวดการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ซึ่งกำหนดให้นำเงื่อนไขที่กำหนดให้ สส.และ สว.ปฏิบัติหน้าที่ มาบังคับใช้กับรัฐมนตรี โดยได้ตัดถ้อยคำในวรรคท้าย ที่ระบุโยงการกระทำที่กำหนดไว้ในมาตรฐานทางจริยธรรมออกไป
-แก้ไขมาตรา 201 ว่าด้วยคุณสมบัติของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยตัด (4) มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ออกไป รวมถึงมาตรา 202 ว่าด้วยลักษณะต้องห้ามของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยตัด (10) มีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงออกไป
-แก้ไขมาตรา 234 ว่าด้วยหน้าที่และอำนาจของ ป.ป.ช. โดยตัดถ้อยคำใน (1) ที่กำหนดให้ ป.ป.ช.มีอำนาจไต่สวนและมีความเห็นกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงออก และตัด (4) หน้าที่และอำนาจอื่นที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายออกทั้งวงเล็บ
-แก้ไขมาตรา 235 ว่าด้วยการตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดขั้นตอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ โดยได้ตัด (1) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย
-นอกจากนั้นยังแก้ไขในส่วนของบทกำหนดโทษ ที่ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ที่ถูกพิพากษา จากเดิมที่กำหนดเวลา 10 ปี เป็น 5 ปี และตัดการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งออก ทำให้บทลงโทษดังกล่าวเหลือเพียงการเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 5 ปีเท่านั้น
-แก้ไขมาตรา 236 ว่าด้วยการตรวจสอบ ป.ป.ช.ที่ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งให้สิทธิ สส. สว. หรือประชาชนไม่น้อยกว่า 2 หมื่นคนเข้าชื่อ และยื่นต่อประธานรัฐสภา ได้เสนอแก้ไขเป็น หลังประธานรัฐสภารับเรื่อง ต้องเสนอเรื่องไปยังประธานศาลฎีกาเพื่อตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระโดยอัตโนมัติ จากเดิมให้ประธานรัฐสภาใช้ดุลยพินิจพิจารณาว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำตามที่ถูกกล่าวหา ก่อนส่งไปยังประธานศาลฎีกา ให้ตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระ ซึ่งการแก้ไขตรงนี้ต้องยอมรับว่าเป็นหลักการที่ดี
ซึ่งหลังมีการเปิดเผยเนื้อหา-รายละเอียดของร่างแก้ไข รธน.ของ พรรคส้ม-ประชาชน ก็เกิดเสียงวิจารณ์ตามมาทันที ว่า เนื้อหา เผลอๆ จะหนักกว่าของเพื่อไทยหรือไม่ โดยมีข่าวว่า พรรคประชาชนจะแถลงข่าวชี้แจงรายละเอียด-หลักการ-เหตุผลในการเสนอร่างแก้ไข รธน.แพ็กเกจที่ 2 ดังกล่าวภายในไม่เกินสุดสัปดาห์นี้
ทว่า ประเมินแล้ว ร่างแก้ไข รธน.ล็อต 2 ของพรรคส้ม น่าจะฝ่าด่านยากลำบากพอสมควร ทั้งด่าน สส.-สว. โดยเฉพาะหากไม่สามารถแจงได้ถึงเหตุผลในการเข้าไปแตะเรื่อง มาตรฐานจริยธรรม เช่นเดียวกับร่างฯ ของเพื่อไทย
ที่หากแจงไม่ได้ สังคมไม่เอาด้วย ก็ส่อแววจะโดนคว่ำตั้งแต่ยกแรก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รู้ไว้ซะ 'ปิยบุตร' เผย 'ทักษิณ' ได้กลับบ้าน เพราะก้าวไกลชนะเลือกตั้ง!
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาถกเถียงกันอีกครั้ง
ยากจะขวาง‘โต้ง’นั่งปธ.บอร์ดธปท. แนวต้านขอสกัดจนนาทีสุดท้าย!
แม้จะมีข่าวว่า กรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติเลือก เสี่ยโต้ง-นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่
'ปชน.' ฮึด! ลุยปักธงภูมิภาค เปิดตัว 'ผู้สมัครนายกอบจ.' 12 จว. ชู 5 นโยบายหลัก
'ปชน.' หวังปักธงทุกภูมิภาค เปิดตัว 'ผู้สมัคร นายก อบจ.' 12 จังหวัด ชู นโยบาย 5 ด้าน ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย 'ศรายุทธิ์' ย้ำ ทำได้จริง ไม่ใช่เทคนิคหาเสียงแน่นอน 'ณัฐพงษ์' ยัน ไม่ได้ชกใต้เข็มขัด แค่ชี้แจงทำความเข้าใจ
สุดลิ่ม! ‘วันชัย’ มั่นใจ ‘ทักษิณ-พท.’ ตั้งหลักได้อะไรก็ฉุดไม่อยู่ ปล่อยนักร้องอกแตกตาย
ถ้าคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทยตั้งหลักได้เมื่อไร อะไรก็รั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ถึงกับกล้าประกาศว่าเลือกตั้งคราวหน้าจะคว้าให้ได้ถึง 200 เสียงขึ้น
มีสะดุ้ง! เทพไท บอก ‘ทักษิณ’ อยู่ดีไม่ว่าดี ให้เด็กรุมถอนหงอก
การปราศรัยปะทะคารมกันครั้งนี้ จะมีผลต่อการเลือกนายกอบจ. อุดรธานีหรือไม่ ไม่สามารถวัดได้ แต่ถ้าการเมืองระดับชาติ การปราศรัยตอบโต้กันแบบนี้ ถือว่าพรรคประชาชนได้เปรียบ ทักษิณขาดทุน
โค้งสุดท้ายศึกนายกอบจ.อุดรฯ เดิมพันสูง พท.VSปชน.แพ้ไม่ได้
นับจากวันจันทร์ที่ 18 พ.ย.ก็เหลืออีกเพียง 7 วันเท่านั้น ก็จะถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ศึกนายกฯ อบจ.อุดรธานี ทำให้ตอนนี้ถือว่าเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายที่จะได้รู้กันแล้วว่า