จบ-จัดทัพบิ๊กทหาร ถึงคิวผบ.ตร.-เลขาฯสมช.

เหลืออีกเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น ก็จะถึงวันที่ 30 กันยายน ที่เป็นวันสิ้นสุดปีงบประมาณ และเป็นวันสุดท้ายของข้าราชการที่เกษียณอายุ ทำให้หลายหน่วยงานภาครัฐต้องมีการจัดทัพด้วยการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีให้เสร็จโดยเร็ว แต่หากไม่ทันก็รอไปถึงเดือนตุลาคมได้ โดยให้ผู้อยู่ในตำแหน่งรองฯ ปฏิบัติราชการแทนไปก่อน จนกว่าการแต่งตั้งโยกย้ายจะเสร็จสิ้น แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่เกินเดือนตุลาคม

สำหรับหน่วยงานด้านความ มั่นคง-การข่าว ตอนนี้ เริ่มจัดทัพกันไปบ้างแล้ว โดยเฉพาะ กองทัพ ที่ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ จำนวน 808 นาย ตั้งแต่ 1 ต.ค.2567 เป็นต้นไป

โดยมีตำแหน่งหลักๆ หลายตำแหน่ง ให้ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในการจัดทัพบิ๊กท็อปบู๊ตประจำปีนี้ โดยเฉพาะใน กองทัพบก-กองทัพเรือ ที่ฝ่ายการเมืองคือ บิ๊กอ้วน ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ไม่ได้เข้าไปล้วงโผ-ปรับเปลี่ยนใดๆ เพราะเข้ามาหลังโผทหารทั้งหมดผ่านการพิจารณาจากบอร์ดแต่งตั้งนายพลที่เสนอโดยผู้บัญชาการแต่ละเหล่าทัพเรียบร้อยแล้ว

 ทำให้ บิ๊กอ้วน ภูมิธรรม ที่เข้ามาช้าและยังไม่มีข้อมูลเรื่องการทหารก็เลยไม่ได้เข้าไปพิจารณาปรับเปลี่ยนใดๆ โดยเฉพาะตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ก่อนหน้าจะมีการประกาศรายชื่อดังกล่าวไม่กี่ชั่วโมง มีข่าวลือทำนอง จะมีการทบทวนชื่อ ผบ.ทร.ที่ถูกเสนอชื่อมาคือ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ เป็นบิ๊กกองทัพเรือคนอื่น เพราะถูกแรงต้านภายในกองทัพเรือ จากเหตุไม่ได้จบโรงเรียนนายเรือ แต่ไปจบจากเยอรมัน คือโรงเรียนนายเรือเยอรมัน เมอร์วิค (MARINESCHULE MURWIK) จนถึงขั้นลือกันว่า ใบปลิวต้าน-หนังสือร้องเรียน ว่อนทั่วกองทัพเรือ

แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดขึ้น พล.ร.อ.จิรพลเข้าวินเป็น ผบ.ทร.คนใหม่ ที่ถือว่าเป็นการเริ่มต้นการทำงานที่ดี ระหว่างบิ๊กอ้วนกับบิ๊กทหารต่อจากนี้ ที่แสดงให้เห็นว่าฝ่ายการเมือง จะไม่ให้เข้าไปแทรกแซงล้วงลูกใดๆ

และเมื่อเสร็จจากการจัดขุมกำลังในกองทัพแล้ว ตำแหน่งหลักๆ อื่นในหน่วยงานด้าน ความมั่นคง-การข่าว-การดูแลความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ที่ยังจัดทัพไม่เสร็จ หลังจากนี้ก็คงจะเริ่มมีการจัดทัพทำโผตามมา อาทิ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนใหม่ที่จะมาแทน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.

ซึ่งการตั้ง ผบ.ตร.ปีนี้ เหตุที่ล่าช้า ส่วนหนึ่งเพราะต้องรอเงื่อนไขข้อกฎหมายเพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 และต้องเป็นไปตามกฎ ก.ตร. ซึ่งมีรายละเอียดเรื่องวันเวลา การกำหนดความอาวุโส ที่ประกาศเมื่อ 5 เมษายน 2567 โดยให้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้น 180 วันนับตั้งแต่วันที่มีการประกาศใช้กฎ ก.ตร.ดังกล่าว จึงทำให้ใช้กฎนี้ได้หลังวันที่ 2 ต.ค.2567

ทำให้การตั้ง ผบ.ตร.และบิ๊กสีกากีประจำปี ทั้งหมดในปีนี้ เริ่มต้นตั้งแต่ 3 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป

ซึ่งปีนี้บิ๊กตำรวจยศ พล.ต.อ.ที่เป็นแคนดิเดตชิง ผบ.ตร.ใหม่ มี 3 คน คือ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจ และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.

โดยแม้ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติที่เขียนล็อกไว้ว่า ประธาน ก.ตร.ต้องเป็นนายกฯ เท่านั้น รวมถึงคนเสนอชื่อ ผบ.ตร.ต้องเป็นนายกฯ ทำให้ อุ๊งอิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ จะต้องเป็นคนเสนอชื่อ ผบ.ตร.ต่อที่ประชุม ก.ตร.

แต่ในความเป็นจริง เป็นที่รู้กัน ผบ.ตร.คนใหม่ คนที่เคาะและส่งชื่อยัดใส่มืออุ๊งอิ๊งค์ ก็คือ ทักษิณ ชินวัตร ที่ลือกันว่า เรียกว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ เข้าไปคุยที่บ้านจันทร์ส่องหล้าและตึกชินวัตร 3 แล้ว!  

นอกจากการจัดทัพสีกากีแล้ว ก็ยังมีตำแหน่ง เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) คนใหม่ที่จะมาแทน พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ที่ยังไม่ชัดว่า สุดท้าย ฝ่ายการเมืองในรัฐบาลโดยเฉพาะ จันทร์ส่องหล้า-ทักษิณ ชินวัตร จะเปิดโอกาสให้ลูกหม้อตึกแดง-ซีไอเอเมืองไทย ได้ขึ้นมาเป็นเลขาธิการ สมช.หรือไม่

หลังปีที่ผ่านมา ฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการ สมช. ต้องพลาดหวังในเก้าอี้เลขาธิการ สมช.เพราะฝ่ายการเมืองเอาบิ๊กรอยข้ามห้วยจากตำรวจมาคุมงานการข่าว  

ท่ามกลางกระแสข่าวที่ยังออกมาเป็นระยะว่า เลขาธิการ สมช.คนใหม่ปีนี้ ไม่แน่อาจจะเป็น บิ๊กสีกากี ข้ามห้วยมาอีกรอบ เช่นลือกันว่า อาจจะเป็น บิ๊กจวบ-พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร. ปฏิบัติราชการ รักษาราชการแทนรอง ผบ.ตร.ที่จะได้ติดยศ พล.ต.อ. เป็นรอง ผบ.ตร.เต็มตัว ในการแต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กสีกากีปีนี้ จากนั้นรออีกสัก 1-2 เดือน ค่อยโยกมาเป็นเลขาธิการ สมช. โดยช่วงรอก็ให้รองเลขาธิการ สมช.อันดับ 1 รักษาราชการไปก่อน

ซึ่งก่อนหน้านี้บิ๊กจวบถูกจับตามองว่า อาจจะได้เป็น ผบ.ตร.คนใหม่ ภายใต้การผลักดันจากจันทร์ส่องหล้า เพราะได้แรงหนุนจากนักการเมืองเพื่อไทยภาคเหนือหลายคนที่คุ้นเคยกับบิ๊กจวบ ที่เป็นบิ๊กสีกากีคนเหนือ เคยเป็น ผบช.ตำรวจภูธรภาค 5 คุมพื้นที่ภาคเหนือตอนบน จึงทำให้คุ้นเคยกับนักการเมืองเพื่อไทยสายภาคเหนือเป็นอย่างดี ทั้งเจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์-สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่พอดีว่าดันไม่สำเร็จ เพราะติดขัดเรื่องปัญหาข้อกฎหมายหลายอย่าง แผนเลยสะดุด

กระนั้นบ้างก็ลือว่า เลขาธิการ สมช.อาจเป็น บิ๊กกองทัพ ซึ่งก่อนหน้านี้มีชื่อ บิ๊กปั้น-พล.อ.ไพบูลย์ วรวรรณปรีชา ผอ.สำนักนโยบายและแผนกลาโหม ตท.24 เป็นตัวเต็ง จะข้ามห้วยมาอยู่ตึกแดง สมช.ในทำเนียบรัฐบาล เป็นต้น  

ขณะเดียวกัน หากไปดูการจัดทัพบิ๊กท็อปบู๊ตปีนี้ ก็มีความน่าสนใจไม่น้อย เช่น กองทัพบก พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ บิ๊กปู (ตท.26) เสนาธิการทหารบก ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. โดยเหลืออายุราชการอีก 3 ปี  

ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ก็เช่น บิ๊กต้น พล.อ.ณัฐวุฒิ นาคะนคร ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. เป็นรอง ผบ.ทบ., บิ๊กช้าง-พล.อ.เอกรัตน์ ช้างแก้ว ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. ขึ้นเป็นประธานคณะที่ปรึกษา ทบ., พล.อ.วสุ เจียมสุข (ตท.25) รองผู้อำนวยการสำนักงานปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงภายในกองทัพบก เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ., พล.ท.ชิษณุพงษ์ รอดศิริ (ตท.26) แม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ พล.ท.ธงชัย รอดย้อย (ตท.25) รอง เสธ.ทบ. ขึ้นเป็น เสธ.ทบ.

โดยที่เรียกเสียงฮือฮาก็คือ รอบนี้ตำแหน่งระดับแม่ทัพภาคมีการเปลี่ยนแปลง-โยกย้ายหมดทั้ง 4 ภาค แยกเป็น

 พล.ท.อมฤต บุญสุยา (ตท.27) แม่ทัพน้อยที่ 1 ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.วรยศ เหลืองสุวรรณ (ตท.28) รองแม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพน้อยที่ 2 ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพน้อยที่ 3 ขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 3 พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นต้น

และแน่นอนว่า ปีนี้ กองทัพเรือ กลายเป็นจุดสนใจสำหรับการจัดทัพบิ๊กทหารในปีนี้ ซึ่งตำแหน่งหลักๆ ก็มีดังนี้ บิ๊กแมว พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ (ตท.23) ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ ผงาดขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้เป็นแม่ทัพนาวีคนใหม่โดยจะอยู่ในตำแหน่ง 1 ปี

ขณะที่ตำแหน่งอื่นๆ ก็เช่น พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ (ตท.23) ผู้ช่วย ผบ.ทร.ที่ก็เคยเป็นหนึ่งในแคนดิเดตชิง ผบ.ทร.คนใหม่ด้วย แต่สุดท้ายพลาดหวัง ได้แค่ขึ้นเป็นรอง ผบ.ทร., พล.ร.อ.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง (ตท.24) ผู้ช่วย ผบ.ทร. ขึ้นเป็นประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ, พล.ร.ท.พิจิตต ศรีรุ่งเรือง ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ทร., พล.ร.ท.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ รองเสธ.ทร. ขึ้นเป็น เสธ.ทร., พล.ร.ท.ณัฏฐพล เดี่ยววานิช เจ้ากรมข่าวกองทัพเรือ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ

รวมถึงตำแหน่งอื่นๆ ก็น่าสนใจ เพราะเห็นได้ชัดว่าเป็นการจัดวางขุมกำลังในระยะยาวของกองทัพ เช่น บิ๊กหยอย พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ (ตท.24) ผู้ช่วย ผบ.ทบ. โยกออก ทบ.ไปเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด เพื่อเตรียมขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนใหม่ในปีหน้า แทน พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี และส่งบิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ (ตท.24) ผู้ช่วย ผบ.ทบ. โยกออก ทบ.ไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อเตรียมขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมคนใหม่แทน พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ในปีหน้า 2568 เป็นต้น

นี่แค่จุดเริ่มต้นของการจัดทัพ วางขุมกำลัง ในส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวกับงานด้านความมั่นคง-การข่าว-การดูแลความสงบเรียบร้อยในประเทศ และที่สำคัญ ฝ่ายการเมืองในเพื่อไทยก็ต้องการให้ทุกตำแหน่งคอยช่วยค้ำจุนรัฐบาลให้มีเสถียรภาพจนอยู่ได้ครบเทอมด้วย. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน

ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49

แจกเฟส 2 หวังผลการเมือง ส่อผิดกฎหมายหลายกระทง?

ปี่กลองอึกทึกครึกโครม ในสนามเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงนี้จึงอยู่ในช่วงงัดไม้เด็ดเดิมพันให้ได้คว้าชัยชนะ เพื่อเป็นอีกก้าวปูทางไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่

ปักธง1ภาค1เก้าอี้นายกอบจ. ส้มเก็บชัยหรือระเนระนาด

นับถอยหลังสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ระหว่าง นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน และนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย

ทร. เตรียมจัดเสวนาเรื่องเส้นเขตแดนทางทะเล ปม MOU 44 หวังสื่อสารให้สังคมเข้าใจ

พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวภายหลังทำพิธีวันสถาปนากองทัพเรือ ครบรอบ 118 ปี เมื่อถามว่า อดีต ผบ.ทร. ได้ฝากถึงกรณี MOU 44