หลังจากมีการโปรดเกล้าฯ ครม.ชุดใหม่ตาม “โพย” ที่ถูกจัดจากฐานบัญชาการ “ชิน 3” เรียบร้อยแล้ว กระแสต้านตัวบุคคล 2-3 ตำแหน่งในเรื่องความเหมาะสมก็เบาบางลงทันที หนึ่งในนั้นก็คือ “อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ ที่ควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม
ภูมิธรรม สหายใหญ่ ทหารพิทักษ์ของเขตงานหลวงน้ำทา สปป.ลาว เมื่อปี 2520-2524 ก็โดนฟาดหนักจากการเปิดหัวของ พล.อ.สนั่น มะเริงสิทธิ์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ที่เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงเหตุการณ์ในช่วงการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ในเขตอีสานใต้ ซึ่งมีนักศึกษาคนเดือนตุลาเข้าป่ามาเป็นกองกำลังในช่วงนั้น ตามมาด้วยการขยายผลของ “ทหารแก่” ในเครือข่าย สว.ของสาย บ้านป่าฯ เปิดปฏิบัติการเขย่า “ทักษิณ” หลังจากเป็นหัวเชื้อโค่น “เศรษฐา” ลงได้
แต่เมื่อย้อนดูจากไทม์ไลน์แล้ว “อ้วน ภูมิธรรม” อยู่อีสานใต้ประมาณ 3 เดือน แต่เข้าไปที่หลวงน้ำทา ทำหน้าที่เป็น “คนขับรถ” ให้สหายนำอย่าง “ธง แจ่มศรี-อุดม ศรีสุวรรณ” โดยอยู่ในโครงสร้างของกองทัพแดง พรรคคอมมิวนิสต์ ไม่ใช่เป็นแค่แนวร่วมเหมือนแกนนำนักศึกษาคนอื่น
เรียกได้ว่าเป็นคนที่เข้าถึงข้อมูลวงใน รู้ใครเป็นใครในโครงสร้างพรรค ใครที่เดินทางไปจีนก็จะใช้เส้นทางนี้ โดยมี “สหายใหญ่” ผู้นี้เป็นคนนำพา
คุณลักษณะเช่นนี้เลยทำให้ “ทักษิณ” ดึงมาร่วมเป็นลูกจ้างเพื่อทำพรรคการเมือง และเคยใช้เป็นแกนหลักในการจัดตั้งมวลชนและเครือข่ายภาคประชาชน ก่อนแปรสภาพเป็นหัวคะแนน และโหวตเตอร์ของพรรคไทยรักไทย
ขณะที่ “สุทิน” อดีตครูบ้านนอก “นักไฮด์ปาร์ก” คนสำคัญ และนักจัดรายการของช่อง Peace TV ทำหน้าที่ รมว.กลาโหมได้อย่าง ไม่ขี้เหร่ ทำงานใหญ่ที่คั่งค้างได้อย่างราบรื่น
แต่ด้วยปัญหาคนรอบตัวเป็นพิษ และปัญหาโควตาเก้าอี้ของพรรคการเมืองที่ไม่พอกับคน ประกอบกับสถานการณ์ในกองทัพมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น หมากบางตัวเกินกว่า “สุทิน” จะเอาอยู่ จึงต้องมีการเปลี่ยนตัว
และการส่ง “อ้วน” ภูมิธรรม มานั่งก็เหมือนกับการที่ “ทักษิณ” นั่งบัญชาการเอง สามารถกำหนดอะไรได้ง่าย ส่วนเรื่องที่อ่อนไหวและต้องระมัดระวังก็ปล่อยให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ซึ่งเป็นมือทำงานของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาตลอด มานั่งเป็น รมช.กลาโหม และทำหน้าที่ตอบคำถามฝ่ายค้านในสภา โดยที่คนของพรรคเพื่อไทยไม่ต้องเปลืองตัว และไม่เสียคะแนนนิยม
อย่าลืมว่าที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยเสียฐานคะแนนคนที่อยู่ตรงข้ามกองทัพให้กับ “พรรคก้าวไกล” รวมไปถึงเยาวชนคนรุ่นใหม่ แม้กระทั่งในเขตทหาร พลทหาร-ตท.-นร.เหล่าก็โหวตให้พรรคส้มอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
เป้าหมายของ “ทักษิณ” นอกจากการกวาดต้อน บ้านใหญ่ แล้ว ยังต้องการดึงเครือข่ายมวลชน คนรากหญ้า คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในกองทัพให้กลับมาเลือกพรรคเพื่อไทย ซึ่งเชื่อว่าการเข้าไปดูเรื่องการปฏิรูปกองทัพและความเป็นอยู่ของพลทหาร-ทหารชั้นผู้น้อย จะได้คะแนนส่วนนี้กลับมา
จึงต้องดูต่อไปว่าในการแถลงนโยบายในด้านความมั่นคงของรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” จะเป็นนโยบาย รูทีน ที่ส่งตรงจากฝ่ายอำนวยการของกระทรวง หรือส่งตรงมาจากฝ่ายยุทธศาสตร์ “ตึกชิน 3”
นอกจากนั้นคือการเฝ้าติดตามข่าวสารของกองทัพในการขยับสับเปลี่ยนกำลัง ที่มีความผิดปกติหรือไม่
แต่ภารกิจเฉพาะหน้าที่ “งวด” เข้ามาและต้องทำให้เสร็จตามกรอบเวลาคือ “โผทหาร” โดยข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการแต่งตั้งทหารชั้นนายพล ในข้อ 10 ระบุไว้ว่า คณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลของกระทรวงกลาโหม ให้พิจารณาแต่ละวาระให้แล้วเสร็จและเสนอนายกรัฐมนตรี ไม่น้อยกว่า 15 วันทำการ ก่อนวันที่ 1 ตุลาคม หรือ 1 เมษายน แล้วแต่กรณี
ทำให้ “เดดไลน์” ของคณะกรรมการฯ ในการส่งโผต้องลงเลขหนังสือฯ ไปที่สำนักงานเลขาธิการนายกฯ ก่อนวันที่ 10 สิหาคมนี้ ตามที่ พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการฯ ชี้แจงในที่ประชุม ซึ่งวันประชุมคณะกรรมการฯ เป็นวันเดียวกับที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ครม.ชุดใหม่ ซึ่งไม่มีชื่อ “สุทิน” เป็น รมว.กลาโหมแล้ว
โดยโผใน “ดราฟต์แรก” ที่ส่งไปเพื่อสอบทานในเรื่องความถูกต้องของรายชื่อ และรอ รมว.กลาโหมคนใหม่มาลงนาม เพื่อส่งให้นายกฯ นำขึ้นทูลเกล้าฯ เดินหน้าไปก่อน
ถ้าไม่มีเหตุให้ต้องสะดุด หรือต้องพิจารณาใหม่ จากปัญหาที่ไม่ลงตัวในโผของกองทัพเรือ หลังจากที่ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เสนอชื่อ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ที่ปรึกษาพิเศษ ทร. เป็น ผบ.ทร.คนใหม่ พร้อมให้เหตุผลต่อคณะกรรมการฯ ว่าทำไมไม่เลือก 3 แคนดิเดตจาก 5 เสือ ทร.
ถ้าทุกอย่างเป็นที่ยุติ ทาง “ภูมิธรรม” ก็จะได้เซ็น “โผทหาร” เป็นงานแรก
แต่หากมีการทักท้วง หรือมี “ข้อมูลใหม่” ก็ต้องพิจารณาร่วมกับ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ว่าจะมีการเปิดประชุมคณะกรรมการฯ หรือไม่ และก็ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนจะสิ้นเดือนกันยายนนี้ ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยมีโผทหารคลอดสิ้นเดือนกันยายนหรือต้นเดือนตุลาคมมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม โผ ผบ.ทร. รอบนี้เรียกได้ว่า เรียกเสียงฮือฮาจากทุกทิศทุกทาง แม้กระทั่ง “สุทิน” ที่ทำการบ้านมาอย่างดี คงอ้าปากค้างในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในวงประชุม 3 ชม.ที่เหมือนจะจบ แต่ยังไม่จบ
และหากในกองทัพยังแก้ไขปัญหาไม่เรียบร้อย ก็สุ่มเสี่ยงที่จะกลายเป็นการเรียกแขก เปิดช่องให้การเมืองเข้ามาล้วงลูกในอนาคตได้ แม้จะมี พ.ร.บ.กลาโหม อุปโลกน์ขึ้นมาเป็นเกราะป้องกันก็ตาม
คงต้องติดตามต่อไปว่า เริ่มงานแรกของ รมต.อ้วน ในการเคาะโผทหาร จะจบลงแบบไหน เพราะยังมีงานใหญ่ในเรื่องการเดินหน้าโครงการเรือดำน้ำที่รัฐบาลต้องอนุมัติเปลี่ยนแปลงสัญญารออยู่.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แจกเฟส 2 หวังผลการเมือง ส่อผิดกฎหมายหลายกระทง?
ปี่กลองอึกทึกครึกโครม ในสนามเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงนี้จึงอยู่ในช่วงงัดไม้เด็ดเดิมพันให้ได้คว้าชัยชนะ เพื่อเป็นอีกก้าวปูทางไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่
ปักธง1ภาค1เก้าอี้นายกอบจ. ส้มเก็บชัยหรือระเนระนาด
นับถอยหลังสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ระหว่าง นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน และนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
จับตาคลอดโผแต่งตั้ง“นายพลใหญ่” ตำรวจคนสนิทฝั่งรัฐบาลพรึบยกแผง
จับตาบ่ายวันนี้ การแต่งตั้งโยกย้ายล็อตแรก “นายพลใหญ่” ระดับรอง ผบ.ตร. จเรตำรวจ-ผบช. ที่นายกฯ อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นัดประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 10/2567 เพื่อพิจารณาบัญชีรายชื่อ “พล.ต.อ.-พล.ต.ท.” วาระประจำปี 2567
1แสนชื่อจี้นายกฯเลิกMOU44
“ภูมิธรรม” ลั่้นไม่มีใครเลิกเอ็มโอยู 44 ได้ ไม่ว่าประชาชนหรือสภาฯ
ยากจะขวาง‘โต้ง’นั่งปธ.บอร์ดธปท. แนวต้านขอสกัดจนนาทีสุดท้าย!
แม้จะมีข่าวว่า กรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติเลือก เสี่ยโต้ง-นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่
‘ภูมิธรรม’ มั่นใจนายกฯกลับมาประชุมตั้ง ‘เจทีซี’ เสร็จ ชงเข้าครม.19 พ.ย.ทันที
‘ภูมิธรรม’ ระบุ หากนายกฯกลับมา เรียกถก ตั้ง เจทีซี วันนี้ก็ เข้าครม.ทันพรุ่งนี้ โยน กต.เคาะรายชื่อ ลั่น เกาะกูดไม่จบซํ้ารอยเขาพระวิหารแน่ ยัน ไม่มีเหตุผลต้องยกเลิกเอ็มโอยู 44