การเมืองไทยยังอยู่ภายใต้ ‘ระบบครอบครัว’ จาก ‘พ่อ’ สู่ ‘ลูก’ จาก ‘พี่’ สู่ ‘น้อง’ จาก ‘สามี’ สู่ ‘ภรรยา’ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสนามเล็ก หรือสนามใหญ่ มักเป็นในรูปแบบนี้มาตลอด
เช่นเดียวกับการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ดูเหมือนจะมี ‘บรรทัดฐาน’ ใหม่เกิดขึ้น นั่นคือ การตรวจสอบเรื่องจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ของบุคคลที่ถูกเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างเข้มข้น
แต่เข้มข้นที่ว่า ไม่ได้เกิดจากเจตนารมณ์ของผู้นำรัฐบาลที่ต้องการให้เกิดมาตรฐานใหม่ หากแต่มาจากบรรทัดฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญวางเอาไว้ในกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
และการตรวจสอบที่เข้มข้นโดยหลายหน่วยงานของผู้นำรัฐบาล ไม่ได้เกิดเพราะต้องการหน้าตาคณะรัฐมนตรีที่สง่างาม แต่มาจากการกลัวถูกลงโทษเหมือนกับนายเศรษฐา
อย่างไรก็ดี แม้จะเต็มใจ หรือไม่เต็มใจ แต่การระมัดระวังเรื่องการแต่งตั้งบุคคลเป็นรัฐมนตรีมากกว่าเดิม ย่อมเป็นเรื่องดี ที่อย่างน้อยจะไม่ได้เอาคนที่มีมลทิน หรือสังคมไม่ยอมรับมาเป็นเสนาบดี เหมือนในอดีตที่ว่าตั้งใครก็ได้ ไม่ต้องแคร์สายตาประชาชน
เพียงแต่มันยังไม่เกิดมิติใหม่ทางการเมืองอยู่ดี เมื่อเหตุผลในการเลือกบุคคลมาเป็นรัฐมนตรียังเป็น ‘ระบบโควตา’ มากกว่าความรู้ความสามารถ
แต่ละพรรคได้สัดส่วนรัฐมนตรี โดยใช้หลักคณิตศาสตร์ นั่นคือ มี สส.เท่าไหร่ และลึกเข้าไปของแต่ละพรรค คนได้เป็นรัฐมนตรีจะมาจากจำนวน สส.ในมุ้ง หรือเป็นตัวแทนของ ‘ทุน’
ลึกลงไปอีก หากบุคคลใดไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้ ก็จะส่งตัวแทนที่เป็น ‘คนในครอบครัว’ หรือคนในมุ้งตัวเองมาดำรงตำแหน่งแทน
‘ครม.แพทองธาร 1’ กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างหนัก ตั้งแต่ตัวนายกฯ เอง เหตุผลที่ได้ถือธงนำ เพราะเป็นลูกของคนชื่อ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกฯ ซึ่งทุกวันนี้ประเทศไทยเหมือนมีผู้นำ 2 คน คนหนึ่งอยู่ตึกไทยคู่ฟ้า อีกคนหนึ่งอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า
ขณะที่ใน ครม.เอง ขณะนี้โดนค่อนแคะอย่างหนักว่า ไม่ต่างอะไรจาก ‘ครม.ครอบครัว’
รัฐมนตรีหลายคนใน ครม.แพทองธาร 1 ได้เป็นเพราะระบบครอบครัว โดยนอกจาก น.ส.แพทองธารแล้ว กรณีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ มีลักษณะเป็นเช่นนั้น
ร.อ.ธรรมนัสถูกตั้งแท่นขวาง จากบรรทัดฐานเรื่องจริยธรรมของศาลรัฐธรรมนูญ จึงส่งนายอัครา พรหมเผ่า อดีตรองนายก อบจ.พะเยา มาเป็นแทน รมช.เกษตรและสหกรณ์
ไม่ต่างจากนายอรรถกร ศิริลัทยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่เลือกไม่ดำรงตำแหน่งต่อ เพราะยังเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เพื่อป้องกันข้อกฎหมาย จึงให้นายอิทธิ ศิริลัทยากร อดีตรัฐมนตรี และนักการเมืองชื่อดังแปดริ้วผู้เป็นพ่อมาดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์แทน
หรือล่าสุด นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย เจอบรรทัดฐานเดียวกับ ร.อ.ธรรมนัส ที่สุดตัดสินใจแก้ปัญหา โดยการส่ง น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ ลูกสาวมาเป็น รมช.มหาดไทยแทนตัวเอง
ขณะที่สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายชาดาที่มีโควตารัฐมนตรีในพรรคภูมิใจไทย ก็เคยเจอปัญหาคล้ายคลึงกัน ไม่สามารถดำรงตำแหน่งเองได้ สุดท้ายจึงส่ง น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ น้องสาว มาเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์
และหากรวม ครม.นายเศรษฐา มีหลายคนที่ได้เป็นรัฐมนตรีเพราะเป็นคนในครอบครัวของเจ้าของพรรค เจ้าของโควตา อย่างเช่น พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ที่ได้มาอยู่ตรงนี้ เพราะนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นน้องชายตนเองไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้ เพราะติดเรื่องคดี ซึ่งโควตานี้จริงๆ แล้วเป็นของ ‘เนวิน ชิดชอบ’ พี่ใหญ่ของบ้าน
ขณะที่รัฐมนตรีหลายๆ คนก็สืบทอดการเมืองจากรุ่นพ่อ ไม่ว่าจะเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่เดินตามรอยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีต รมว.มหาดไทย ผู้เป็นพ่อ นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ลูกชายนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้ากลุ่มวังน้ำเย็น
น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม ลูกสาวนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีต รมช.คมนาคม นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ลูกชายนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ลูกชายนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
จะเห็นว่า แม้นายกฯ จะพยายามระมัดระวังการแต่งตั้งบุคคลสุ่มเสี่ยง แต่สุดท้ายก็เป็นแค่การเลี่ยงกระทำผิด
และที่สำคัญ เกณฑ์การเลือกบุคคลก็ยังเป็นระบบแฟมิลี่ ใช้บุคคลในครอบครัวมาเป็นแทน
ข้อครหาเกิดขึ้นตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้นทำงาน หลังจากเข้าถวายสัตย์ฯ และแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จ ‘แพทองธาร’ คงต้องเร่งปั่นผลงาน เพื่อสยบเสียงค่อนแคะและเสียงถากถาง
ไม่มีเวลาให้ฮันนีมูน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ภท.-ปชน.' แตกหักปม112 'พท.' ตัวแปรรอร่วมรัฐบาล
การเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 กำลังเดินหน้าเข้าสู่ช่วงโค้งสำคัญ พรรคการเมืองต่างเร่งนำเสนอนโยบาย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และทีมรัฐมนตรี เพื่อขอโอกาสประชาชนเข้ามาบริหารประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้า
ภูมิใจไทยพลัส-เปิดเกมใหญ่ ชูรัฐมนตรีคนนอก ลุยเลือกตั้ง
บรรยากาศการเมืองปลายปี 2568 ต่อเนื่องต้นปี 2569 เดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มรูปแบบ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งเตรียมเปิดรับสมัคร สส.ปลายเดือนธันวาคม ก่อนจะหย่อนบัตรในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 พรรคการเมืองต่างเร่งเปิดตัวผู้สมัคร นโยบายหาเสียง และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในช่วงโค้งสุดท้าย
‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’
‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้
คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568
‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง
ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ
'โอ๊ค' เข้าเยี่ยม 'ทักษิณ' คุยเรื่องหลานๆ พร้อมฝากให้กำลังใจ 'ยศชนัน'
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพมหานคร ระหว่างการเดินทางเข้าเยี่ยม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการเข้าเยี่ยมครั้งที่ 27 ภายหลังถูกคุมขังครบ 3 เดือน เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา การเข้าเยี่ยมครั้งนี้มี นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค บุตรชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร

