“นอกจากระบอบทักษิณจะคืนชีพแล้ว ยังกินรวบ เหลิงลม เป็นพยัคฆ์ติดปีก เหมือนหลังชนะคดีซุกหุ้น 3 ส.ค.2544 ผ่านมา 23 ปี กลับสู่บรรยากาศแบบเดิมอีก นโยบายประชานิยม การทุจริตเชิงนโยบายก็กลับมาอีก"
การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่มี อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เป็นการผสมพันธุ์ข้ามขั้ว ทรยศหักหลัง สางแค้นคู่ปรับทางการเมือง โดยไม่สนใจมารยาทและจริยธรรมทางการเมืองแต่อย่างใด
ตั้งแต่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเข้าไปหารือเรื่องแคนดิเดตนายกฯ ในช่วงเย็นวันที่ 14 ส.ค. ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าของ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเคยเป็น นักโทษเด็ดขาดชาย
และมีการเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่ น.ส.แพทองธารยังติดภารกิจศึกษาดูงานอยู่ที่ประเทศจีน วันถัดมามีการแถลงการจัดตั้งรัฐบาลที่อาคารชินวัตร 3 โดยพรรคร่วมรัฐบาลชุดเดิม และพรรคเล็ก รวม 11 พรรค สนับสนุนให้ น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ หลังจากนั้นวันที่ 16 ส.ค. ที่ประชุมสภาผู้แทนฯ ลงมติ 319 เสียง โหวตเลือกให้ น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ คนที่ 31 ของประเทศไทย
ในการจัดโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) กลับไม่เป็นไปตามที่สัญญาประชาคมไว้ โดยพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เสนอรายชื่อบุคคลซึ่งพรรคเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคไปให้นายกฯ จำนวน 4 คน คือ 1.พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ดำรงตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ 2.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ 3.นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข และ 4.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์
แต่ในโผ ครม.ไม่มี 4 รายชื่อดังกล่าว กลับมีชื่อรายชื่อรัฐมนตรีฝั่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการ พปชร. คือ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็น รมว.เกษตรฯ นายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ และ นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ ซึ่งต่อมาพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงว่าไม่เอาพรรค พปชร.ร่วมรัฐบาล
ด้านพรรค พปชร. โดย นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ได้อ้างการเสนอชื่อบุคคลให้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตามข้อบังคับพรรค และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง รวมทั้งสัญญาประชาคม และกฎหมายแพ่งด้วย ว่าเป็นการไม่รักษาคำมั่นต่อสาธารณะ อาจขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 14 ส.ค.
ส่วนเหตุที่เพื่อไทยไม่เอาพลังประชารัฐ เนื่องจาก นายทักษิณ ชินวัตร พ่อของนายกฯ อิ๊งค์ ไม่เอาตระกูล วงษ์สุวรรณ ร่วมรัฐบาล ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์ถึงการร่วมรัฐบาลว่าต้องเป็นคนที่ให้ความร่วมมือกับเรา ซึ่งไม่พอใจที่ บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ไม่ร่วมโหวตให้นายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ และมองว่าอยู่เบื้องหลัง 40 สว.ยื่นถอดถอนนายกฯ เศรษฐา
แต่ในเมื่อเพื่อไทยร่วมแถลงจัดตั้งรัฐบาลกับพลังประชารัฐ และ พปชร.ก็ร่วมโหวตให้ น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ ยกเว้น บิ๊กป้อม ที่ติดงานเลี้ยงนักกีฬาโอลิมปิก เสร็จแล้วกลับถีบหัวส่งกลุ่ม สส.ของบิ๊กป้อม แล้วจัดสรรโควตารัฐมนตรีให้กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส โดยการหลบเลี่ยงกฎหมายพรรคการเมือง ตามที่ พปชร.ท้วงติง
ในการเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ร่วมรัฐบาล นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรค พท. ได้ยื่นหนังสือเทียบเชิญแก่ นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา ในฐานะเลขาธิการพรรค ปชป. อ้างว่าเพื่อมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน ปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ประเทศชาติถอยหลังไปมาก ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเดินหน้าร่วมกัน ความขัดแย้งต้องทิ้งไว้ข้างหลัง
ขณะที่ สส.ปชป.กลุ่มหนึ่งไม่เห็นด้วย ได้ส่งเสียงคัดค้านมาตลอด ประกอบด้วย นายชวน หลีกภัย, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และ 3 อดีตหัวหน้าพรรค รวมทั้ง นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา
โดยให้เหตุผลว่า พรรค ปชป.ต่อสู้กับระบอบทักษิณที่มีการเลือกปฏิบัติ แบ่งแยกประชาชน มีการทุจริตคอร์รัปชัน เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องและกลุ่มทุน สร้างความเสียหายให้ประเทศถึงขั้นต้องหนีออกนอกประเทศ และปัจจุบันระบอบนี้ก็ยังอยู่ ซึ่งการจะเข้าร่วมถือเป็นการละทิ้งอุดมการณ์ของพรรค และการละเลยฐานเสียงสนับสนุนพรรค จะทำให้ฐานเสียงผู้สนับสนุนพรรคน้อยลง เสมือนทำการเมืองแบบไม่รับผิดชอบ
แต่ในที่สุดก็ขวางไม่อยู่ ที่ประชุม กก.บห.และ สส.ปชป.ลงมติ 43 เสียง 4 เสียงให้เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย พร้อมเสนอชื่อ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค ให้เป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค ให้เป็น รมช.สาธารณสุข ตามโควตาที่เพื่อไทยจัดให้
การเทียบเชิญ ปชป.มาร่วมรัฐบาลด้วยข้ออ้างที่สวยหรู ทั้งที่จำนวน สส.พรรคร่วมรัฐบาลก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องดึง ปชป.ก็ได้ แต่เบื้องลึกที่ซ่อนไว้ก็คือ การเสี้ยมให้ ปชป.แตกแยกกันภายใน เพราะ ปชป.มีจุดยืนตรงกันข้าม แกนนำ ปชป.บางคนได้ร่วมต่อต้านระบอบทักษิณมาอย่างหนักหน่วง
ขณะที่มวลชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้รับไม่ได้กับการผสมพันธุ์ข้ามขั้วครั้งนี้ ในเพจ พรรคประชาธิปัตย์-Democrat Party, Thailand มีการวิพากษ์วิจารณ์แกนนำ ปชป.ที่ร่วมรัฐบาลอย่างเผ็ดร้อน จนต้องปิดแสดงความเห็น และยังคาดการณ์กันว่าเลือกตั้งคราวหน้า ปชป.จะสูญพันธุ์หรือไม่
ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ส่ง นายเอกนัฐ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ดำรงตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะที่เป็นอดีตโฆษกกลุ่ม กปปส.ที่ต่อต้านระบอบทักษิณ แต่กลับยอมร่วมรัฐบาลระบอบทักษิณ และถูกเปิดโปงว่านายเอกนัฐไปเป็นพยานให้นายทักษิณในคดี ม.112 ซึ่งเชื่อว่ามีการเตี๊ยมกันล่วงหน้าแล้ว เพราะจำเลยต้องอ้างพยานที่เป็นคุณกับตัวเอง และมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันหรือไม่
การยอมศิโรราบให้ระบอบทักษิณของอดีตโฆษ กปปส.ถูกมวลชนถล่มยับ เช่นเดียวกับ ปชป.ที่โดนถล่มว่าเป็นการทรยศหักหลังประชาชนที่ร่วมต่อสู้กับระบอบทักษิณ ได้รับบาดเจ็บล้มตาย ติดคุกตะรางจำนวนมาก
แม้จะอ้างเรื่องก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่ที่ผ่านมามีการเรียกร้องสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ให้นิรโทษกรรมคดีทางการเมือง รัฐบาลเพื่อไทยก็ซื้อเวลาไปวันๆ จึงเป็นการปรองดองบนซากศพของประชาชน เพื่อประโยชน์ของนักการเมืองไม่กี่คนเท่านั้น ยิ่งจะทำให้ประเทศถอยหลังมากกว่าเดินหน้า
ปรากฏการณ์ใน พปชร. ปชป. และ รทสช. อาจจะมองเป็นเรื่องปกติทางการเมือง แต่เป็นเจตนาที่ต้องการ แบ่งแยกแล้วปกครอง ทำลายคู่แข่งทางเมืองให้หมดความเชื่อถือศรัทธา หมดต้นทุนในการทำงานการเมืองในอนาคต
นอกจาก ระบอบทักษิณ จะคืนชีพแล้ว ยังกินรวบ เหลิงลม เป็นพยัคฆ์ติดปีก เหมือนหลังชนะคดีซุกหุ้น 3 ส.ค.2544 ผ่านมา 23 ปี กลับสู่บรรยากาศแบบเดิมอีก นโยบายประชานิยม การทุจริตเชิงนโยบายก็กลับมาอีก การสร้างวาทกรรม ไม่ครอบงำ แต่ครอบครอง (บุตรสาว) ยิ่งชัดเจนว่าพ่อของนายกฯ เป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยที่บงการรัฐบาลได้
ทักษิณจึงยังมีพฤติกรรมแบบเดิม เรียกว่า สันดานไม่เคยเปลี่ยน ตั้งแต่หนีคดีทุจริต 8 ปี กลับเข้าประเทศ ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี จัดฉาก ป่วยทิพย์ ไปอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ไม่ยอมติดคุกจริงแม้แต่วันเดียว เป็น นักโทษเทวดา ไม่ได้ สำนึกผิดในการกระทำ ตามที่ขอพระราชทานอภัยลดโทษแต่อย่างใด
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แถลงถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย และเปิดเผยว่า ได้เข้าพบนายทักษิณที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ถึง 2 ครั้ง ช่วงเดือน พ.ย.2566 และเดือน ก.พ.67 พร้อมเปิดแชตไลน์ที่มีการติดต่อจากตัวแทนกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ขอให้ถอนเรื่องการร้องเรียนนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ และนัดหมายเข้าพบนายทักษิณ
"หลังจากนี้ให้รอดู ป.ป.ช.จะเชิญผมไปให้ข้อมูลหรือไม่ ขอบอกเลยว่าจะต้องติดคุกกันทั้งหมด ตั้งแต่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผบ.เรือนจำ และแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว พร้อมขู่ว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ยิ่ง นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่าไม่เคยอนุญาตให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เข้าเยี่ยม น.ช.ทักษิณ เท่ากับสารภาพว่ามีการกระทำผิดต่อหน้าที่แล้ว และต้องมีคนรับผิดชอบ
กรณี น.ช.ทักษิณป่วยทิพย์บนชั้น 14 กลุ่มองค์กรต่างๆ ได้ร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบแล้ว เมื่อผลัก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไปอยู่ฝั่งตรงข้าม อดีต ผบ.ตร.ฉายาวีรบุรุษนาแก ที่กุมหลักฐานไว้มากมาย หากงัดออกมาเล่นงาน น.ช.ทักษิณ และ จนท.ที่เกี่ยวข้อง ก็เสี่ยงติดคุกกันระนาว
เช่นเดียวกับที่ถีบหัวส่ง บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร ทหารแก่ไม่เคยตาย ที่ยังมีบารมีไม่น้อย มีมือกฎหมายชั้นเซียน นักร้องในสังกัด พร้อมยื่นเอาผิดนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคดีความ ขนาดยังไม่ได้ทำงานอย่างเป็นทางการก็โดนร้องไปหลายเรื่องแล้ว เมื่อเข้ามาทำงานอย่างเต็มตัวจะโดนร้องอีกเพียบ ที่บอกว่าจะไม่ให้ซ้ำรอย พ่อ-อาปู คงต้องลุ้นกันทุกช็อต ทั้งเรื่องการครอบงำพรรค ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ผิดจริยธรรมร้ายแรง ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ฯลฯ
รวมทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แม้ยังเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แต่ใจไปอยู่กับ บิ๊กป้อม พร้อมกับ ลูกชาย-วัน อยู่บำรุง ที่ถูกกดดันจนลาออกจาก พท.ไปอยู่ พปชร. หาก เหลิม ออกหมัดชกกับใครแล้วรับมือยากแน่
ผนวกกับ นายชวน หลีกภัย, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นักการเมืองรุ่นลายคราม พร้อมชำแหละระบอบทักษิณทั้งในสภาและนอกสภา
โดยเฉพาะมวลชนที่เคยต่อต้านระบอบทักษิณ กับประชาชนที่รักความยุติธรรม รับไม่ได้กับพฤติกรรมการเล่นการเมืองน้ำเน่า เพียงเพื่อสนองประโยชน์และความแค้นของตัวเอง และยังให้บุตรสาวที่อ่อนด้อยประสบการณ์ในการบริหารประเทศมาเป็นนายกรัฐมนตรี นำพาชาติบ้านเมืองในยามวิกฤต เสมือนการถูกถีบหน้าและสาดน้ำใส่หน้าอีก!
เป็นความคับแค้นของประชาชนที่รอวันรัฐบาลระบอบทักษิณเพลี่ยงพล้ำ จะร่วมสหบาทาเอาคืนรัฐบาลนายกฯ อิ๊งค์ ที่เริ่มต้นก็มีแผลเต็มตัว พร้อมศัตรูทางการเมืองรอบทิศ แล้วจะไปได้สักกี่น้ำ!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชนักติดหลัง-หอกดาบ ที่ค้างอยู่ของ"ทักษิณ"
แน่นอนว่า ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ย่อมต้องถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่ต้องตกอยู่ในสถานะ ผู้ถูกร้อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ หลังศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง-ไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัยในคดีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือ "คดีล้มล้างการปกครอง" ที่ศาล รธน.มีมติยกคำร้องไปเมื่อ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา
'ดร.ณัฏฐ์' ชี้กรณี 'ทักษิณ-พท.' รอดคดีล้มล้างฯ ไม่ตัดอำนาจ 'กกต.' ไต่สวนยุบพรรคได้
ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน กล่าวถึงกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยกคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร เพื่อให้พิจารณาวินิจฉัยว่าการกระทำของนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยเป็นการ
'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน
ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49
'นันทเดช' ลั่น! อย่ากลัว 'ทักษิณ' จะใหญ่โตไปกว่านี้
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ อย่ากลั
ชูศักดิ์ดิ้นหนัก ลุยล็อบบี้กมธ. ปั้นกม.การเงิน
“นายกฯ อิ๊งค์” บอกไม่ได้จบกฎหมายมา โยน “ชูศักดิ์” ดูแลเรื่องรัฐธรรมนูญ
'ทวี' ยันให้ข้อมูลความจริงที่ไม่มีกฎหมายห้าม ใครเห็นต่างก็หาหลักฐานมาหักล้าง ปมทักษิณชั้น 14
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร