พลิกสถานการณ์กลับมาชนะสำหรับ “นายใหญ่เพื่อไทย”-ทักษิณ ชินวัตร หลังจาก “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกฯ ถูกสอยปมตกเก้าอี้ จากการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ในเรื่องความซื่อสัตย์และจริยธรรม
“ทักษิณ” ในฐานะผู้ครอบครองลูกสาว “อุ๊งอิ๊ง”-แพทองธาร ชินวัตร รีบใช้กลยุทธ์ปิดเกมเร็วดันเป็นนายกฯ คนที่ 31 ด้วยจำนวนเสียงโหวต 319 เสียง
พร้อมเร่งรีบให้แต่ละพรรคร่วมรัฐบาลส่งรายชื่อ ครม.ใหม่ และถือโอกาสล้างไพ่ ด้วยมาตรฐานใหม่คำนึงถึงความซื่อสัตย์และจริยธรรม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางการเมืองข้างหน้าแก่รัฐบาลสืบทอด ตระกูลชินวัตรคนที่ 3
โดยหลายพรรคที่ดิ้นพล่านส่อทำให้พรรคแตกออกเป็นสองฟากก็คือ พลังประชารัฐ (พปชร.) ที่บัดนี้เปลี่ยนเป็น “พลังประชาเละ”
เมื่อ “ลุงป้อม”-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. จากสายมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ถูกกดดันจากพรรคเพื่อไทยให้สยบยอมแก่ “ทักษิณ” หลังก่อนหน้านี้วางตัวเป็นที่ไม่ไว้วางใจ เสมือน “หอกข้างแคร่” ทั้งเรื่องเมาธ์อยากเป็นนายกฯ หรือไม่ยับยั้งกรณีให้กลุ่ม 40 สว.ยื่นตรวจสอบอดีตนายกฯ เศรษฐา และแม้กระทั่งการโหวตอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ ก็ไม่ยอมร่วมสังฆกรรมด้วย
แต่เมื่อสถานการณ์จวนตัวและถูกเป่าหูจากคนรอบข้างลุง จึงประกาศกลางอากาศขอร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และตัดชื่อ “ผู้กองเมืองพะเยา”-ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ออกจากโผ พปชร. โดยระบุว่า “พรรคเพื่อไทยไม่เอา” และเสนอชื่อ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุขและรองหัวหน้าพรรค เสียบแทน
เป็นเหตุให้ “ร.อ.ธรรมนัส” ขน สส.พปชร. 29 ชีวิต และ สส. 5 พรรคเล็ก แถลงข่าวโชว์ขุมกำลัง ประกาศอิสรภาพแยกตัวจากบ้านป่าฯ และส่งรายชื่อ รมต.ในซุ้มของตัวเองคู่ขนานเพื่อให้แกนนำพรรคเพื่อไทยตัดสินใจ ประกอบด้วย ร.อ.ธรรมนัส รมว.เกษตรฯ, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีต รมช.แรงงาน ที่แยกตัวจากป่าฯ ไปก่อนใคร เข้าร่วมไปด้วย
ซึ่ง “ลุงป้อม” เมื่อทราบว่าตัวเองเพลี่ยงพล้ำเกมนี้ก็พยายามดึง สส.จากกลุ่มผู้กองกลับมา แต่เนื่องจาก สส.เหล่านี้มองว่าฝั่งธรรมนัสมีโอกาสไปต่อทางการเมืองมากกว่า
จึงเป็นเหตุให้ “ป.สุดท้าย” ทิ้งไพ่ตาย ยอมกลืนน้ำลาย “ง้อผู้กอง” ด้วยการออกแถลงการณ์จาก พปชร.อย่างเป็นทางการไปถึงพรรคเพื่อไทยว่า จะส่งรายชื่อรัฐมนตรี 4 คนเช่นเดิมในสมัยรัฐบาลเศรษฐา
ประกอบด้วย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข
การยอมถอยสุดทางเลื่อน โดยยอมให้มีชื่อ “ร.อ.ธรรมนัส” รวมอยู่ด้วย ไม่ทราบว่าอดีตลูกน้องเก่าที่ทำงานมาร่วมกัน 6 ปีจะใจอ่อนหรือไม่
หากไม่อยากเชื่อว่า “ครม.อุ๊งอิ๊ง” จะไม่มีชื่อคนในตระกูล “วงษ์สุวรรณ” ร่วมรัฐบาล ถือเป็นการปิดสวิตช์ ป.สุดท้ายจากยุค 3 ป.ไปโดยปริยาย ให้อยู่ในป่าฯ อย่างเดียวดาย
เช่นเดียวกับสัญญาณของพรรคเพื่อไทยก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าถือหางข้าง “ผู้กอง” สะท้อนจาก “ทักษิณ” ที่ระบุว่าไม่เคยคุยกับ พล.อ.ประวิตรเพื่อเคลียร์ใจตามกระแสข่าวปล่อยแต่อย่างใด
โดยจะเลือก “ฝ่ายที่ทุ่มเทให้กับรัฐบาลมาตลอด” พร้อมฝากสื่อฯ ไปถาม “ลุงป้อม“ ว่า ทำไมไม่มาโหวตแพทองธารเป็นนายกฯ
สอดคล้องกับ “เสี่ยอ้วน”-ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล ยอมรับว่าคุยปัญหาภายใน พปชร.กับ ร.อ.ธรรมนัส และอยากทำงานกับคนที่ไม่มีปัญหาและไม่ต้องระวังแทงกันข้างหลัง
ทั้งนี้ หากกลุ่มบ้านป่าฯ ถูกขับออก และเพื่อให้รัฐบาลเกิดเสถียรภาพที่เข้มแข็ง จึงต้องเติมเสียงจากฝั่ง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จำนวน 21 สส. นำโดย “เสี่ยต่อ”-นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค ปชป.เข้ามาเสียบแทน และทิ้งให้ 4 สส. นำโดย นายชวน หลีกภัย, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และนายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ซึ่งดีลดังกล่าวนี้ “นายใหญ่” ก็ไม่ได้ติดขัดอะไร พร้อมระบุว่า “เป็นไปได้อยู่แล้ว”
แม้แกนนำ ปชป. “เสี่ยต่อ” ที่กำลังเปิดดีลกับฝั่งเพื่อไทย โดยมีข่าวว่าจะได้โควตา 2 เก้าอี้ คือ 1 รัฐมนตรีว่าการ และ 1 รัฐมนตรีช่วย ยังไม่ออกมายอมรับหรือปฏิเสธ
แต่ผู้ที่ร้อนใจมากที่สุดคือ “ชวน หลีกภัย” ที่ประกาศจุดยืนส่วนตัว ไม่สยบยอมต่อ ระบอบทักษิณ ที่ตัวเองต่อสู้มาตลอด 20 ปี เพราะไม่ต้องการถูกประณามว่าทรยศชาวบ้าน เพราะเคยหาเสียง ที่ทำให้ภาคใต้ไม่มี สส.เพื่อไทยแม้แต่คนเดียว
“ขณะนี้ยังไม่ได้มีมติว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ แต่กลับมีการนำเสนอข่าวว่าเป็นเหมือนพรรคอะไหล่ รอจะเสียบ ทำให้ผู้ที่สนับสนุนพรรคเสียใจ จึงอยากให้แยกแยะ ระหว่างพฤติกรรมของพรรค กับพฤติกรรมของคนบางคน” อดีตนายกฯ 2 สมัย และหัวหน้า ปชป. กล่าวยอมรับอย่างเจ็บปวด
อย่างไรก็ตาม ท้ายสุดไม่ว่า “ลุงป้อม” หรือ 21 สส.ค่ายสีฟ้า นำโดย “เสี่ยต่อ” จะได้ร่วมหรือหลุดโคจรเป็นรัฐบาลหรือไม่
แต่นาทีนี้ถือว่า “ทักษิณ” เป็นผู้ชนะศึก และชำระแค้นสองตัวเอ้ทางการเมือง ด้วยการทุบ บ้านป่าฯ แตก และกดดันให้ “ลุงป้อม” สยบยอมอ้อนวอนขอเป็นรัฐบาล เช่นเดียวกับพฤติกรรมของคนในพรรค ปชป. ที่ถูกล่อด้วยอำนาจและผลประโยชน์ ทำให้ “ผู้เฒ่าชวน” ต้องกระอักอย่างเจ็บปวด
แต่อนาคต “นายใหญ่” อย่าเพิ่งย่ามใจว่าจะชนะสงครามใหญ่ได้ เพราะต้องไม่ลืมว่าบัดนี้ “ลูกสาว” ก็ได้เข้ามาอยู่ในโซนอันตรายทางการเมือง ที่จะเกิดความเสี่ยง และถูกวางยาคืนได้ทุกเมื่อ และต้องดูว่าจะมีรายการหัวเราะทีหลังดังกว่าหรือไม่?.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แจกเฟส 2 หวังผลการเมือง ส่อผิดกฎหมายหลายกระทง?
ปี่กลองอึกทึกครึกโครม ในสนามเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงนี้จึงอยู่ในช่วงงัดไม้เด็ดเดิมพันให้ได้คว้าชัยชนะ เพื่อเป็นอีกก้าวปูทางไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่
พลิก!สยามผบช.น. สันติไปปส.น้องเสธ.หิคุมไซเบอร์/ประสบการณ์ใหม่‘อิ๊งค์’
"นายกฯ" นั่งหัวโต๊ะ ก.ตร. ลากยาว 4 ชม. ถกแต่งตั้ง 41 นายพลสีกากีระดับรอง
ปักธง1ภาค1เก้าอี้นายกอบจ. ส้มเก็บชัยหรือระเนระนาด
นับถอยหลังสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ระหว่าง นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน และนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
นายกฯอิ๊งค์ แถลงผลงานรัฐบาลรอบ 100 วัน 12 ธ.ค.นี้
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 100 วันจะเป็นช่วงใด ว่า ประมาณเดือน ธ.ค.
ครม.ไร้วาระโต้ง ชื่อยังไม่ถึงคลัง ผวาขัดกฎหมาย
นายกฯ เมินเสียงวิจารณ์ "กิตติรัตน์" นั่ง ปธ.บอร์ด ธปท.
‘อิ๊งค์’ตีปี๊บผลงาน100วัน
“นายกฯ อิ๊งค์” ต่อสายยินดี “ทรัมป์” พร้อมชวนมาเมืองไทย นายกฯ