“ลุง”กับ“อา”ใจถึงพึ่งได้ เฮือกสุดท้ายใน”บ้านป่า”?

พอพูดถึง “บ้านป่าฯ” เมื่อหลายปีก่อน ก็คงขนลุก-ขนพอง ไปกับอำนาจบารมีเจ้าของ “ลุงป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  ที่ล้นเหลือ และอาจใช้ไม่มีวันหมด หลังจากทำหน้าที่เป็นนั่งร้านให้ “นายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้บริหารประเทศมาพักใหญ่

แต่เมื่อการเดินเกมการเมือง “ผิดพลาด” ไม่สามารถนั่งเป็นนายกรัฐมนตรีเองได้ ในการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งที่ผ่านมาได้  แถมโดน “ทักษิณ ชินวัตร” ลูบคม ชี้เป้าว่าเป็นศูนย์กลางความวุ่นวายทางการเมือง  แต่ไม่สามารถตอบโต้หรือทำอะไรได้ เพราะพรรคพลังประชารัฐ ก็ยังอยู่ร่วมรัฐบาล

 จึงคาดเดาได้ว่า “ลุงป้อม” คงได้แต่เก็บความคับแค้นใจนี้ไว้ในอก  และใช้พละกำลังที่มีอยู่  ทุ่มไปกับการสะสม “ไพร่พล” และใช้เครื่องมือ กลไก ในองค์กรอิสระในกำมือ รอจังหวะเช็คบิล “ศัตรู”ทางการเมืองไปเรื่อยๆ  และหวังเดินเข้าฮอร์สเมื่อเกมจบ

เพราะฉะนั้น “บ้านป่าฯ” จึงไม่ได้ปิดตายเสียทีเดียว  ยังคงมีความเคลื่อนไหวเปิดรับนักการเมืองเข้าคอกอย่างต่อเนื่อง อย่าวเช่น “วัน อยู่บำรุง” ที่เพิ่งสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐ กลายเป็น “วัน อยู่กับลุง” หลังจากเกิดปัญหา ตั้งแต่คู่ “ลูก” มายัน คู่“พ่อ”

เมื่อ “ศัตรูทางการเมือง” เป็นคนๆ เดียวกัน  การเปิดฉากด้วยการแถลงข่าวของ ร.ต.อ.เฉลิม จึงเต็มไปด้วยการลากไส้ เปิดแผลเรื่องราวในอดีต ที่ตัวเองก็มีส่วนในการ “ทำคลอด” ธุรกิจของชินวัตร ด้วยส่วนหนึ่ง

จะเรียกว่าเป็นการ “ทวงบุญคุณ” ที่เคยมีกันมาในอดีต  และยัง “ขู่”ที่จะ “แฉ” อย่างต่อเนื่อง ถ้ายังมีการตอบโต้ พร้อมท้าให้ไล่ออกจากพรรค เพราะพร้อมไป “ซบลุง”เหมือนกับ “ลูกวัน”ทุกเมื่อ

นั่นเป็นเพราะแน่ใจว่า “บ้านป่าฯ”  เปิดต้อนรับ นักการเมืองเทรนด์เดียวกัน ที่รสนิยมในเรื่องของ “พรรคพวก เพื่อนฝูง พี่น้อง” ต้องมาก่อน เรื่องคำมั่นสัญญา การไม่หักหลังกัน เปรียบเหมือน ปฏิญญา-กฎเหล็ก ในการคบหากัน  ในแวดวง “คนใจนักเลง” 

ต่างจากวิถีของนักธุรกิจผูกขาด ที่มองเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทน และ “มันนี่ ทอล์ค” เป็นแกนกลางในการคบหา และเป็นสูตรสำเร็จ  เมื่อแจกบำเหน็จ ความดี ความชอบ โบนัส ตอบแทนผ่านโอกาสทางการเมืองไปแล้ว หรือ แม้แต่ “วัน” ซึ่งนั่งเป็น กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ยุค “หมอชลน่าน ศรีแก้ว” กำลังเพิ่งเริ่มโปรเจ็คส์  “หยุดบุหรี่ไฟฟ้า”มาเมื่อไม่นานเหมือนกัน

เรื่องของ “บุญคุณ” จึงมีวันหมด  เพราะฉะนั้นการจะอยู่แบบกินบุญเก่า โดยไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพรรค  ในยุคที่ “รุ่นลูก”กำลังขึ้นมาเป็น “นางพญา” จึงถูกมองว่า น่าจะมากเกินพอแล้ว

ยิ่งเมื่อพรรคกลายเป็น “มรดก”ของชินวัตร ส่งต่อมาถึงมือ “แพทองธาร ชินวัตร” ในการขึ้นบริหารจัดการ ถนนทุกสายจึงวิ่งเข้าหา “คุณอุ๊งอิ๊ง”  สร้างผลงานให้เข้าตา “นายน้อย” ดังเช่นที่ส่งภาพของ “วัน” ในอาณาบริเวณของ  “บิ๊กแจ๊ส” จนกลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับที่ต้อง “ลงดาบ-จัดการ” โดยไม่เห็นหัวหงอก-หัวดำ บานปลายกลายเป็นปัญหา

เพราะเมื่อผู้สื่อข่าวไปถาม “อุ๊งอิ๊ง”ว่าจะไม่เดินทางไปพูดคุยกับร.ต.อ.เฉลิมเหมือนครั้งที่ผ่านมา แต่จะให้ร.ต.อ.เฉลิมมาคุยที่พรรคใช่หรือไม่

อุ๊งอิ๊ง ตอบทันควันว่า “เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งการมาคุยที่พรรคเป็นกิจลักษณะ และควรมีเลขาธิการหรือใครอยู่ด้วยกัน เพราะเป็นเรื่องที่ควรคุยกันอย่างเป็นทางการ”

เมื่อถามต่อว่า จะมีโอกาสขับร.ต.อ.เฉลิมออกจากพรรคเหมือนที่เขาต้องการหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “เอาออกจากกลุ่มไลน์อย่างเดียว ไม่มีนโยบายขับออกจากพรรค”

อาการไม่แยแสดังกล่าว  ทำให้“อยู่บำรุง” กลายเป็นสินค้า“ไร้ราคา” เหมือน “โทรศัพท์มือถือตกยุค” ไม่สามารถต่อยอดอะไรได้อีก จึงไม่ได้สนใจว่าจะอยู่หรือไปจากพรรคเพื่อไทย

ยิ่งเมื่อ “วัน” ไปยืนในแถว “นักการเมือง” ที่ไปสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับนักการเมืองแถวสอง  โดยบางคนเคยไปอยู่ก้าวไกล เมื่อย้ายวิกมาอยู่ภูมิใจไทย ก็สอบตกเพราะต้านกระแสส้มไม่ไหว  บางคนเป็นเด็กพลังประชารัฐเก่า แต่หวังกระแส “ลุงตู่”ในการเลือกตั้งเลยย้ายไปอยู่รวมไทยสร้างชาติ  ครั้งนี้ก็กลับมา “ซบลุง”อีกระลอก เพื่อรอสถานการณ์พลิกผัน

และน่าจะเป็นการต่อสู้ “เฮือกสุดท้าย” ในยุทธจักรของ  “คนใจนักเลง”  หรือ  “ใจป๋า” ที่พร้อมเปย์ นักการเมือง เลี้ยงคนตั้งซุ้ม หรือ มุ้ง เพื่อต่อรองโควต้า

ในทางกลับกัน  เมื่อการเมืองคือการ “ดีดลูกคิด” วัดกันด้วยสถิติ ผลงาน ในการเปิดบิล “ปิดจ็อบ” ของการลงสนามแต่ละครั้งว่าคุ้มทุน  “นักการเมือง” จึงต้องมีต้นทุนเป็นฐานในการเล่นการเมืองอยู่ด้วย

 แม้กระทั่งการไหลไปปรากฎตัวของ “สฤษดิ์พงษ์ เกี่ยวข้อง “ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ที่ถูก “โมเดลวัดผล” เข้ามาจัดการ  ทำให้เก้าอี้ ส.ส.ที่กระบี่ทั้งหมด  กลายเป็น แต้มต่อในฐานะ “บ้านใหญ่” จึงไปนอนเล่นที่ “ศาลาพักใจ” เป็นพักๆ รอดูสถานการณ์ในอนาคตไปพลางก่อน 

ดังนั้น การเมืองจึงไม่มีสูตรสำเร็จ เคยใหญ่ได้ ตกต่ำได้ กลับมาได้ ก็ไม่มีอะไรการันตีว่า “ชินวัตร” ในทางการเมืองก็จะอยู่ยงคงกระพันตลอดไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชนักติดหลัง-หอกดาบ ที่ค้างอยู่ของ"ทักษิณ"

แน่นอนว่า ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ย่อมต้องถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่ต้องตกอยู่ในสถานะ ผู้ถูกร้อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ หลังศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง-ไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัยในคดีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือ "คดีล้มล้างการปกครอง" ที่ศาล รธน.มีมติยกคำร้องไปเมื่อ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา

'ดร.ณัฏฐ์' ชี้กรณี 'ทักษิณ-พท.' รอดคดีล้มล้างฯ ไม่ตัดอำนาจ 'กกต.' ไต่สวนยุบพรรคได้

ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน กล่าวถึงกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยกคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร เพื่อให้พิจารณาวินิจฉัยว่าการกระทำของนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยเป็นการ

'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน

ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49

'ทวี' ยันให้ข้อมูลความจริงที่ไม่มีกฎหมายห้าม ใครเห็นต่างก็หาหลักฐานมาหักล้าง ปมทักษิณชั้น 14

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร

'เด็จพี่' ได้ทีจวกเหล่านักร้อง ทำให้เกิดความปั่นป่วน ขู่เมื่อร้องผิดคีย์ต้องโดนลงโทษ

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยอ้างว่าอดีตนายกฯ ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้าง