เปิดศักราชใหม่ต้อนรับปี “เสือ” 2565 ที่มาพร้อมกับมรสุมครั้งใหม่ของรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่เหมือนจะเจอวิกฤตซ้อนวิกฤตก่อนครบเทอม นอกจากจะต้องรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 5 กับเชื้อโอมิครอนแล้ว
ล่าสุดยังต้องเจอกับปัญหาราคาสินค้าที่เรียงคิวกันขึ้นราคา ซ้ำเติมวิกฤตเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิดที่มีอยู่เดิม จน “บิ๊กตู่” ถึงกับต้องให้กำลังใจคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการทำงาน ที่ต้องเหนื่อยมากขึ้นในช่วงนี้
ทั้งราคาหมูที่ปรับตัวสูงสุดในรอบ 10 ปี จากกรณีหมูล้มตายยกฟาร์มเพราะโรคระบาด ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันจากรัฐบาลว่าเกิดจากโรคอหิวาต์แอฟริกาหมู (AFS) หรือไม่ แต่ผู้เลี้ยงหมูหลายรายตัดสินใจปล่อยฟาร์มล้าง ทำให้หมูขาดตลาด ส่งผลให้ราคาเนื้อหมูปรับสูงขึ้น ปัจจุบันขยับที่กิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 200 บาท และคาดการณ์ราคาอาจแตะถึง 250-300 บาทได้ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะถึงนี้
และจากราคาเนื้อหมูที่แพงขึ้นส่งผลให้ประชาชนหันมาบริโภคเนื้อสัตว์อื่นๆ ทดแทน ซึ่งผลักดันให้ราคาเนื้อสัตว์อื่น โดยเฉพาะเนื้อไก่ปรับสูงขึ้นตาม ขณะที่ราคาไข่ไก่ก็ปรับขึ้นด้วย หลังสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ได้ออกประกาศจะมีการปรับขึ้นราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม ฟองละ 3 บาท รวมถึงสมาคมผู้ค้าไข่ไก่ก็ปรับราคาจำหน่ายต่อแผงด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีราคาก๊าซหุงต้มที่รัฐบาลตรึงราคาไว้นั้น นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2565 เป็นต้นไป กระทรวงพลังงานจะปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม LPG แบบขั้นบันได จากเดิมที่คุมราคาไว้ที่ระดับ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม รวมถึงราคาน้ำมันที่ปัจจุบันก็ยังคงปรับขึ้นเป็นระยะ
ทั้งนี้ จากปัญหาราคาเนื้อหมูและสินค้าต่างๆ ที่ดาหน้าปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าครองชีพของประชาชน จนรัฐบาลแก้ไม่ตก ถึงขั้นมีการวิเคราะห์กันว่าเรื่องของ “หมูอาจจะล้มรัฐบาล” ได้ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเร่งเครื่องทำงานแก้ไขปัญหา สั่งแก้ราคาสินค้าแพงทุกชนิดแบบครบวงจร หากเรื่องไหนจำเป็นให้ทำรายละเอียดเข้ามาเพื่อของบประมาณ พร้อมเน้นย้ำต้องดูแลประชาชนให้ดีที่สุด ให้หามาตรการแก้ไขระยะสั้น ระยะยาว ไม่ให้เกิดความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนในช่วงเวลานี้
รวมทั้งให้คาดการณ์ไปในอนาคตว่า เมื่อสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาสูงขึ้นหลายชนิดอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ จะส่งผลให้ราคาสินค้าชนิดใดสูงขึ้นตามมาอีกหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน
และล่าสุดมาตรการแรกที่รัฐบาลเคาะช่วยเหลือประชาชนแบบทันท่วงที คืออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 574.11 ล้านบาท เพื่อป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร และโรคระบาดร้ายแรงในสุกรหรือหมูป่า ซึ่งเป็นโรคติดต่อในสุกรที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่รุนแรง
โดยจะจ่ายเป็นค่าชดใช้ราคาสุกรที่ถูกทำลายตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. 64 - 15 ต.ค.64 ตาม ม.13 (4) แห่ง พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการประเมินตามกฎกระทรวง กำหนดค่าชดใช้ราคาสัตว์ที่ถูกทำลายอันเนื่องจากโรคระบาด หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคระบาด หรือสัตว์หรือซากสัตว์ที่เป็นพาหนะของโรคระบาด พ.ศ.2560 แล้ว
สำหรับการอนุมัติงบกลางดังกล่าว เป็นการของบประมาณเพื่อจ่ายเป็นค่าชดใช้ราคาสุกรที่ถูกทำลาย ในพื้นที่ 56 จังหวัด แบ่งเป็น ภาคกลาง 10 จังหวัด ภาคตะวันออก 1 จังหวัด ภาคตะวันตก 3 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ภาคเหนือ 12 จังหวัด และภาคใต้ 10 จังหวัด ทั้งนี้ มีเกษตรกรที่กรมปศุสัตว์ได้ทำลายสุกรไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงินค่าชดใช้ราคาสุกรที่ถูกทำลาย จำแนกเป็นเกษตรกร 4,941 ราย และสุกร 159,453 ตัว
ขณะที่ในส่วนของ “กระทรวงพาณิชย์” จัดโครงการพาณิชย์ลดราคา ที่กำหนดราคาหมูเนื้อแดงไว้ที่กิโลกรัมละ 150 บาท กว่า 600 จุด จนถึงสิ้นเดือน ม.ค.นี้
นอกจากนี้เจ้ากระทรวงอย่าง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ผู้ดูแลกลไกราคาสินค้า ยังออกมาเบรกการขึ้นราคาไข่ไก่และเนื้อไก่ พร้อมเปรยกับนายกฯ อาจต้องของบกลางเพื่อแก้ไขปัญหาราคาสินค้าในหลายชนิดที่แพงขึ้น ไม่ใช่เฉพาะราคาเนื้อหมูเท่านั้น ทั้งน้ำมันแพง ไฟฟ้าแพง ก็จำเป็นต้องอุดหนุน เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องขอ ไม่เช่นนั้นจะแก้ปัญหาไม่ได้ ซึ่งในส่วนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ก็พร้อมพิจารณาข้อเสนอ
จากนี้คงต้องดูผลลัพธ์และมาตรการต่างๆ ที่กำลังทยอยออกมาแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนที่รุมเร้ารัดแน่นรัฐบาล หาก “บิ๊กตู่” แก้ได้ถูกจุด ประชาชนส่วนใหญ่พอใจ เรื่องของหมูก็คงไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ในเวลานี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ ปลุกทุกภาคส่วน ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีทุกรูปแบบ
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านวีดิทัศน์ว่า เนื่องในเดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ประจำปี 2567
ความจริง 'ชั้น 14' ชี้ชะตา 'รัฐบาลอิ๊งค์'
นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อายุรัฐบาลขึ้นกับความจริงบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.)
ชนักติดหลัง-หอกดาบ ที่ค้างอยู่ของ"ทักษิณ"
แน่นอนว่า ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ย่อมต้องถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่ต้องตกอยู่ในสถานะ ผู้ถูกร้อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ หลังศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง-ไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัยในคดีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือ "คดีล้มล้างการปกครอง" ที่ศาล รธน.มีมติยกคำร้องไปเมื่อ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา
'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน
ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49
ชูศักดิ์ดิ้นหนัก ลุยล็อบบี้กมธ. ปั้นกม.การเงิน
“นายกฯ อิ๊งค์” บอกไม่ได้จบกฎหมายมา โยน “ชูศักดิ์” ดูแลเรื่องรัฐธรรมนูญ
แจกเฟส 2 หวังผลการเมือง ส่อผิดกฎหมายหลายกระทง?
ปี่กลองอึกทึกครึกโครม ในสนามเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงนี้จึงอยู่ในช่วงงัดไม้เด็ดเดิมพันให้ได้คว้าชัยชนะ เพื่อเป็นอีกก้าวปูทางไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่