การขยับทางการเมืองของ บ้านป่ารอยต่อฯ ภายใต้การนำของพี่ใหญ่ตระกูล วงษ์สุวรรณ บิ๊กป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในช่วงนี้น่าสนใจไม่น้อย
ทั้งกระแสข่าวดึงสมาชิกวุฒิสภา (สว.) หลายคน ให้เข้าบ้านป่ารอยต่อฯ เพื่อตั้งกลุ่ม สว.สายบ้านป่าฯ หรือ สว.สีเขียว เพื่อไว้เป็นฐานอำนาจของบ้านป่าฯ ในสภาสูงชุดปัจจุบัน หลังก่อนหน้านี้ สว.บ้านป่าฯ ในวุฒิสภาชุดที่แล้ว มีร่วมๆ 50-60 คน แต่กับ สว.ชุดปัจจุบัน ข่าวล่าสุดบอกว่า เช็กยอดกันแล้ว สว.สายบ้านป่าฯ น่าจะมีไม่ถึง 15 คน จากเดิมที่มีข่าวว่าตั้งเป้าไว้ที่ 30 คน และส่วนใหญ่ก็เป็น สว.สายบ้านป่าฯ เดิมอยู่แล้ว เช่น อภินันท์ เผือกผ่อง อดีต ผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช ที่แนบแน่นกับกลุ่มอดีต สส.นครศรีธรรมราช พลังประชารัฐ เช่น ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ จนทำให้พ้นจากกรุผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ไปนั่งเป็น ผวจ.นครศรีธรรมราชก่อนเกษียณ หรือ พล.ต.ท.วันไชย เอกพรพิชญ์ อดีตจเรตำรวจ ที่อยู่ในสายของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ น้องชายบิ๊กป้อม สมัยเป็น ผบ.ตร., ชาญวิทย์ บรรจงการ อดีตผู้สมัคร สส.พลังประชารัฐ เป็นต้น
โดยมีข่าวว่าที่ผ่านมา บ้านป่าฯ พยายามต่อยอดหา สว.มาเข้ากลุ่ม สว.บ้านป่าฯ ให้มากขึ้น ลือกันว่ามี เสธ.โย อดีตขุนทหาร ทีมการเมืองบ้านป่าฯ เป็นผู้ประสานดึง สว.หลายคนเข้าบ้านป่าฯ แต่ก็เจอปัญหา สว.ส่วนใหญ่โดนดึงเข้ากลุ่ม สว.สีน้ำเงินหมดแล้ว
ลือกันในตลาด สว.ชุดปัจจุบันว่า มี สว.บางคนไปพบลุงป้อมที่บ้านป่าฯ แต่ก็แค่มาทำความรู้จัก-แนะนำตัว แต่พอเดินออกจากบ้านป่าฯ ก็แจ้งกับทีมงานผู้ประสานว่า ผมอยู่สีน้ำเงินเรียบร้อยแล้ว
ทำให้ความพยายามตั้งกลุ่ม สว.สีเขียว บ้านป่าฯ เลยได้ยอด สว.ในกลุ่มไม่เข้าเป้า ส่งผลให้ ไม่สามารถไปต่อรองกับ สว.สีน้ำเงิน-บ้านใหญ่บุรีรัมย์ เพื่อขอโควตารองประธานวุฒิสภา 1 เก้าอี้ และประธาน กมธ.วุฒิสภาเกรดเอตามที่ต้องการได้
แต่มันก็เป็นสัญญาณการเมืองให้เห็นว่า บิ๊กป้อม-บ้านป่าฯ ไม่ใช่เป็นแค่ เสือเฝ้าถ้ำ รอวันปลดระวาง ไม่เอาอะไรแล้ว จะอยู่บ้านเลี้ยงหลาน-เลี้ยงเหลน เลือกตั้งใหญ่เมื่อไหร่ก็ประกาศวางมืออย่างที่ร่ำลือกัน เพราะการขยับ ต้องการมีฐานอำนาจการเมืองในสภาสูง ด้วยการเซตกลุ่ม สว.สีเขียว ก็แสดงให้เห็นว่า บิ๊กป้อม-บ้านป่าฯ ยังต้องการอยู่ในสมการอำนาจทางการเมืองต่อไป
และการขยับการเมืองล่าสุด ที่เรียกเสียงฮือฮาไม่น้อยก็คือ การที่บ้านป่าฯ ปิดดีลกับ บ้านริมคลอง ตระกูล อยู่บำรุง เรียบร้อย หลังบ้านริมคลองแตกหักกับทักษิณ-แพทองธาร ชินวัตร และเพื่อไทย จากผลพวงบ้านริมคลองไปออกตัวเชียร์บิ๊กแจ๊ส พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ตอนช่วงเพื่อไทยทำศึกเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี
จน วัน อยู่บำรุง ลาออกจากกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข-สมาชิกพรรคเพื่อไทย และจะมาเปิดตัวเข้าพรรคพลังประชารัฐ ในวันอังคารที่ 23 ก.ค.นี้
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แม้ตอนนี้ยังเป็น สส.ปาร์ตี้ลิสต์ แต่ใจไม่อยู่กับเพื่อไทยแล้ว อยากไปนั่งกินกาแฟอเมซอนที่ตึกพลังประชารัฐ ถนนรัชดาฯ ทุกสัปดาห์ในฐานะ สส.พลังประชารัฐ แต่ยังทำไม่ได้ เพราะยังเป็น สส.เพื่อไทยอยู่ แต่ก็เรียกร้องให้เพื่อไทยขับออกจากสมาชิกพรรค แต่เพื่อไทยคงไม่สนองตอบให้ ก็ปล่อยให้อยู่กันไปแบบนี้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาแวดวงการเมืองมองกันว่า บ้านใหญ่อยู่บำรุง-บ้านริมคลอง ว่าเป็นพวกนักการเมือง ตกยุค-หมดยุค ขุนศึกฝั่งธนฯ ไปทะเลเจอฉลาม มาสภาฯ เจอเฉลิม แล้ว โดยดูจากผลการเลือกตั้ง สส.ล่าสุดปี 2566 โดยที่ วัน อยู่บำรุง สอบตก แพ้เลือกตั้งให้ไอซ์-รักชนก ศรีนอก จากพรรคก้าวไกลแบบย่อยยับ จนคนมองกันว่าเฉลิมหมดน้ำยาแล้ว ขนาดลูกชายยังสอบตก พาเข้าสภาฯ ไม่ได้
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิมเอง สถานภาพในเพื่อไทยตอนนี้ก็เป็นได้แค่ สส.อาวุโส ไม่มีบทบาทอะไรในพรรค เรื่องจะได้เป็นรัฐมนตรีไม่มีหวังมานานแล้ว แถมเลือกตั้งรอบหน้า หากอยู่เพื่อไทยต่อไป ก็มีโอกาสไม่ได้เป็น สส.
เพราะเลือกตั้งรอบนี้เฉลิมได้เป็น สส.ก็เพราะทักษิณใช้ระบบเอาพวกนักการเมืองอาวุโส-ขึ้นหิ้ง ไปไว้ในบัญชีรายชื่อผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์อันดับต้นๆ แต่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ทักษิณจะใช้ระบบนี้ เพราะเห็นแล้วว่าหากยังใช้ระบบนี้ สู้กับพรรคก้าวไกลไม่ได้แน่ ดังนั้นเลือกตั้งรอบหน้า พวกอาวุโสจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังหมด ไม่ได้อยู่ในลำดับต้นๆ แบบเลือกตั้งที่ผ่านมา รวมถึงเฉลิมด้วย
เรื่องนี้นักการเมืองรุ่นลายคราม-อาวุโสของเพื่อไทยต่างรู้ตัวดี เห็นได้จาก สส.อาวุโสระบบเขตของเพื่อไทยหลายคน ก็เตรียมส่งลูก-หลานลงสมัครรับไม้ต่อ ไม่อย่างนั้นพื้นที่หาย โดนคนอื่นมาแซะไป
เช่นเดียวกับที่เฉลิมคงอ่านทักษิณออก ทำให้ต้องเริ่มคิดถึงอนาคตการเมืองของคนในบ้านริมคลอง แล้วว่าจะตัดสินใจอย่างไร
แต่พอดีมาเกิดกรณี อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตำหนิ วัน อยู่บำรุง กลางตึกพรรคเพื่อไทย ทำให้ ความไม่พอใจที่สะสมอยู่ก่อนแล้วของเฉลิมกับทักษิณ-เพื่อไทย มาถึงจุดแตกหักอย่างที่เห็น
จนเฉลิม-บ้านริมคลองได้ที่พักใจใหม่ที่บ้านป่ารอยต่อฯ ยิ่งบิ๊กป้อมเป็นคนสไตล์พูดน้อย แต่เข้าประเด็นแบบทหาร เลยยิ่งถูกใจบ้านริมคลองที่ชอบสไตล์ใจถึงพึ่งได้ จนคุยกันลงตัว วัน อยู่บำรุง ก็เลยซบพรรคพลังประชารัฐ ขณะที่เฉลิมคงมาอยู่กับพลังประชารัฐตอนเลือกตั้ง เว้นแต่ถูกเพื่อไทยขับออกช่วงต่อจากนี้ ก็จะทำให้ได้มาที่พลังประชารัฐเร็วขึ้น พร้อมกับความลับของทักษิณ-เพื่อไทยหลายอย่างที่เฉลิมกุมเอาไว้
สำหรับตัวเฉลิม เลือกตั้งรอบหน้าคงทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยให้ วัน-ลูกชาย กลับเข้ามาเป็น สส.กทม.ให้ได้ จะได้ไว้ลายก่อนวางมือการเมือง อีกทั้งคงเข้าไปเป็นกุนซือการเมืองให้บ้านป่าฯ ในการเดินเกมการเมืองหลังจากนี้
จากการขยับทั้งสองจังหวะดังกล่าว คือ ตั้งกลุ่ม สว.บ้านป่าฯ และดึงบ้านริมคลอง-อยู่บำรุงเข้าพลังประชารัฐ
คือสิ่งที่เห็นได้ชัดว่า บิ๊กป้อมเห็นเงียบๆ แต่ไม่อยู่นิ่ง ในการสร้างขุมข่ายการเมือง ถือเป็นสัญญาณได้ว่า บิ๊กป้อมยังไม่วางมือการเมือง อย่างที่มีกระแสข่าวในตลาดการเมือง
เข้าทำนอง “ลุงยังไหว-ใจบันดาลแรง” ขอสู้อีกสักตั้ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พ่อบงการ ลูกตามสั่ง
“พ่อบงการ ลูกตามสั่ง” ผ่าน “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” คงไม่เกินเลยความเป็นจริง เพราะเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ มีคำบัญชาผ่านเวทีต่างๆ รัฐบาลชุดนี้ก็สนองนโยบายทันที โดยไม่สนใจว่ารัฐบาลจะขาดความน่าเชื่อถือ และยำเกรงต่อกฎหมายมิให้คนนอกเข้ามาครอบงำแต่อย่างใด”.
ทักษิณไฟสุมขอน ‘รทสช.’ เขย่าบัลลังก์ ‘พีระพัง’
“สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” มอตโตขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จนถึงปัจจุบัน จากพรรคน้องใหม่ตอนนี้ทำงานมากว่า 3 ปีแล้ว โดยการนำของ “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค กุมทัพ 36 สส.ในปัจจุบัน
“รัฐบาล”ไฟลต์บังคับ “ทักษิณ”ได้แค่กร่าง
ดรามาปม “อีแอบ” อาจเป็นแค่ประเด็นโชว์กร่าง หวังกดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลสยบยอม หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ ที่มีสถานะเป็นพ่อนายกรัฐมนตรี ได้พ่นไฟระหว่างงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่ อ.หัวหิน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา
“พ่อเลี้ยง”เปลี่ยนสนามรบเป็นทุน “ดับไฟใต้-สันติภาพเมียนมา”
“ฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง” นับเป็นภาพการเมืองในฝ่ายบริหารที่ “วิญญูชน” พึงประจักษ์ได้ว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการขยับตัวและคำพูดของ “ทักษิณ ชินวัตร” วิทยากร-นักวิชาการของพรรคเพื่อไทย
47 เก้าอี้นายกฯอบจ. บ้านใหญ่ ลุ้นเข้าวิน-กินเรียบ!
คิกออฟ นับหนึ่งตั้งแต่จันทร์ที่ 23 ธ.ค.ที่เป็นวันแรกของการรับสมัครบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งนายกฯ อบจ. 47 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงที่ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ 76 จังหวัด
‘แม้ว’ ไล่ทุบ- ‘ภูมิใจไทย’ ไม่หมู ‘แดง-น้ำเงิน’ ทนอยู่แบบตบจูบ
นาทีนี้ศึกฝ่ายค้าน-รัฐบาลยังไม่เดือดเท่ากับศึกรัฐบาลด้วยกันเอง แรงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการขบเหลี่ยมของพรรคอันดับ 1 และพรรคอันดับ 2