ส.ค."ทักษิณ"ติดปีกพ้นพักโทษ รอชักใยเศรษฐา-พท.เต็มตัว

ช่วงที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกเรียกขาน นายกฯ ตัวจริง-หัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริง แม้จะอยู่ในช่วงการ พักโทษ แต่ก็ออกมาเคลื่อนไหวการเมืองทั้งในส่วนของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย แบบเปิดเผย จนแย่งซีน เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ไปเกือบหมด ทำให้ยิ่งตอกย้ำว่าประเทศไทยมีนายกฯ 2 คน คือทักษิณ นายกฯ ตัวจริง เศรษฐา นายกฯ หุ่นเชิด ซึ่งดูได้จากหลายซีนการเมืองของทักษิณ

 เช่น ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ที่อยู่ในช่วงปรับ ครม. ที่ทักษิณไปเชียงใหม่ รัฐมนตรีของเพื่อไทยเกือบทั้งหมดก็ไปตามติดทักษิณตลอดเวลาเพื่อวิ่งรักษาเก้าอี้ และบางคนที่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี แต่รอเสียบก็ไปเสนอหน้าให้ทักษิณเห็น ซึ่งช่วงดังกล่าว เศรษฐาที่วางคิวงานราชการไปตรวจเชียงใหม่ไว้แล้ว ก็ยังต้องไปรายงานตัว-ร่วมวงกินข้าวกับทักษิณ ที่บ้านของ เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่เชียงใหม่ ก่อนที่จะกลับมาพักผ่อนแบบเดียวดาย มองเกลียวคลื่นอยู่ที่บ้านพักส่วนตัว ชายหาดหัวหิน โดยไม่มีคนของเพื่อไทย-รัฐมนตรี มาพบแม้แต่คนเดียว ผิดกับทักษิณ ที่คนเพื่อไทยตามติดทุกฝีก้าว  

หรือการที่ทักษิณเดินทางไปยังพรรคเพื่อไทย เมื่อ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อไปเป็น วิทยากรในงานที่พรรคเปิดคอร์สเพื่อไทยอคาเดมี ที่มี สส.รุ่นใหม่เข้าร่วมจำนวนมาก ซึ่งทักษิณพูดกับ สส.ของเพื่อไทยวันนั้นว่า 

“หลังจากนี้ หากไม่ติดอะไรแล้วก็พร้อมมาเป็นผู้ช่วยหัวหน้าพรรคและให้คำปรึกษา อะไรที่เกี่ยวกับพรรคก็จะเข้ามาช่วยดูหากมีโอกาสหรือจังหวะ”

และก่อนหน้านั้น 5 เมษายน 2567 ในการประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทย ณ ที่ทำการพรรคที่มี เศรษฐานายกฯ ไปด้วย 

ก็ปรากฏว่า พรรคเพื่อไทยเปิดวีดิทัศน์ของ ทักษิณ ชินวัตร กลางงานที่มีรัฐมนตรี-สส.ของเพื่อไทย นั่งฟังกันพร้อมเพรียง โดยมีเนื้อหาเช่น บอกว่าเพื่อไทยไม่ใช่พรรคอนุรักษนิยมใหม่อย่างที่คนพูดกัน เพราะไม่ได้อยู่ในดีเอ็นเอของพรรคเพื่อไทย รวมถึงทักษิณยังสั่งให้ สส.ของพรรคต้องเข้าถึงประชาชน ทำงานในสภาฯ ให้เข้มแข็ง เป็นต้น

ซึ่งหากเป็นเมื่อก่อน ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย คงไม่กล้าเปิดหน้าเคลื่อนไหวกันขนาดนี้ เพราะเกรงจะถูกคนไปร้องกับ กกต.ให้เอาผิดพรรคเพื่อไทย ว่าปล่อยให้ทักษิณที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพราะมีลักษณะต้องห้าม แต่เข้ามายุ่งเกี่ยว-ครอบงำ-ชี้นำพรรคทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งเป็นข้อห้ามตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 28 และมาตรา 29 ที่ถึงขั้นสั่งยุบพรรคการเมือง และเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค  

เพราะก่อนหน้านี้ แค่มีคลิป “ทักษิณ” วิดีโอคอลเข้าไปในงานเลี้ยงกินข้าวพรรคเพื่อไทย ที่ในคลิปดังกล่าวมี เกรียง กัลป์ตินันท์ ที่เป็น รมช.มหาดไทยเวลานี้ ตอนนั้นเป็นตัวหลัก-ตัวแทนของ สส.เพื่อไทย พูดคุยกับทักษิณในคลิปดังกล่าว ก็ยังมีคนไปยื่นเรื่องร้อง กกต.ให้เอาผิดพรรคเพื่อไทยมาแล้ว หรือกรณีการเลือกตั้งนายกฯ อบจ.ที่เชียงใหม่ เมื่อเกือบ 4 ปีที่แล้ว ที่ทักษิณ เขียนจดหมายขอให้ชาวเชียงใหม่เลือกผู้สมัครนายกฯ อบจ.ของเพื่อไทย ก็มีคนไปร้องกับ กกต.เช่นกัน

แต่ปรากฏว่า นับแต่ทักษิณเดินทางกลับมาและพอออกจาก รพ.ตำรวจ อยู่ในช่วงการพักโทษ ก็ปรากฏว่าทักษิณก็ไปปรากฏตัวที่พรรคเพื่อไทยอย่างน้อยที่มีข่าว-ภาพก็ 2 ครั้ง และน่าจะอีกหลายครั้งที่แวะไปเงียบๆ รวมถึงอีกหลายฉากการเมือง เช่น มีข่าวว่าทักษิณไปร่วมวงกินข้าววางแผนเลือกตั้งนายกฯ อบจ.ปทุมธานี ให้กับชาญ พวงเพ็ชร์ ที่ข่าวว่าทักษิณ นัดแกนนำบ้านใหญ่ 8 ตระกูลของจังหวัดปทุมธานี ไปวางแผนเลือกตั้งที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานีถึง 2 รอบ โดยไม่เกรงว่าจะมีใครไปร้อง กกต.ให้เอาผิด ที่แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของทักษิณ-เพื่อไทยทางการเมือง จนกล้าขยับอย่างที่เห็น

แม้บางซีนอาจจะเป็นฝ่ายตรงข้ามหาช่องเอาผิดบ้าง แต่ทักษิณ-เพื่อไทยก็คงไม่แคร์ อย่างที่ในคำร้องของกลุ่ม 40 สว.ที่ยื่นถอดถอนเศรษฐา ที่เป็นคดีอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญเวลานี้ ก็จะพบว่าคำร้องดังกล่าว สว.ก็ยกกรณีเศรษฐาไปหาทักษิณถึง 3 ครั้ง ก่อนปรับ ครม.เอาพิชิต ชื่นบาน มาเป็น รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี  เพียงแต่ทักษิณ-เพื่อไทยก็อาจต้องระวังตัวมากขึ้น แต่ทักษิณคงไม่ยอมที่จะหยุดการเคลื่อนไหวการเมือง เพื่ออยู่เบื้องหลังรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย 

ดูได้จากล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา ทักษิณก็เดินทางไปยังจังหวัด สุรินทร์ พื้นที่เลือกตั้งอีสานใต้ ซึ่งเดิมเพื่อไทยเป็นแชมป์ สส.เขตสุรินทร์มาตลอด

ทว่าผลเลือกตั้งล่าสุดที่ผ่านมา เพื่อไทยพลาดท่าให้กับ "ครูใหญ่" เนวิน ชิดชอบ และพรรคสีน้ำเงิน ภูมิใจไทย เพราะจากที่มี 8 เก้าอี้ ภูมิใจไทยกวาด สส.เขตสุรินทร์ไป 5 เก้าอี้ ส่วนเพื่อไทยได้มาแค่ 3 เก้าอี้ ผิดเป้าที่ทักษิณวางไว้

การไปสุรินทร์ของทักษิณเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยมีรัฐมนตรี-แกนนำพรรคเพื่อไทย-สส.อีสานใต้ของเพื่อไทยหลายคนไปรอต้อนรับ ที่เป็นงานสำคัญคือ ประธานในโครงการบรรพชาอุปสมบทพระ 334 รูป ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ที่จัดขึ้นที่วัดสุวรรณวิจิตร อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ที่มีประชาชนชาวสุรินทร์ไปร่วมงานจำนวนมาก ซึ่งแน่นอนว่าในทางการเมือง ย่อมมีผลบวกต่อ สส.สุรินทร์ เพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ตามมาแน่นอน กับการที่ทักษิณยกทัพใหญ่ไปสุรินทร์

โดยทักษิณกล่าวปราศรัยภายในงานตอนหนึ่งว่า ห่างจากประเทศไทยไป 17 ปี ปราศรัย​ไม่ค่อยเป็นแล้ว แต่ห่วงใยและผูกพันกับคนไทยตลอดเวลา

"เชื่อว่าหลังจากเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป รัฐบาลคงจะทำงานเป็นรูปธรรมออกมา เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อคนไทย”

และเชื่อได้ว่า หลังจากนี้ทักษิณจะขยับทางการเมือง เพื่อช่วยงานรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยแบบเต็มตัวมากขึ้น เพราะใกล้ถึงวันที่จะปลดแอก ชนักติดหลัง การเป็นนักโทษที่ได้รับการพักโทษแล้ว

เพราะล่าสุด สหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ออกมาเปิดเผยว่า นายทักษิณจะครบกำหนดการพักโทษในเดือนสิงหาคมนี้

“กระบวนการขั้นตอนของผู้พ้นโทษจากเหตุครบกำหนดการพักการลงโทษ คือ ทางราชทัณฑ์จะดำเนินการออกใบบริสุทธิ์ให้กับอดีตนายกฯ โดยทางกรมคุมประพฤติจะเป็นหน่วยงานรับเอกสารดังกล่าวเพื่อประสานกับผู้ถูกคุมประพฤติ ซึ่งอดีตนายกฯ เมื่อครบกำหนดพักโทษก็ไม่ต้องมาที่ราชทัณฑ์อีกแล้ว ให้ได้รับการปล่อยตัวจากสถานที่ที่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน หรือเรียกว่าเป็นผู้พ้นโทษได้รับการปล่อยตัวตามกฎหมายได้เลย” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ระบุ

คาดการณ์ได้ว่า จากที่ก่อนหน้านี้ที่ทักษิณทั้งคุม-สั่งการเศรษฐาและพรรคเพื่อไทยมาตลอด แต่หลังจากพ้นการพักโทษ จะยิ่งทำให้ทักษิณขยับหนักมากขึ้น เพื่อคอนโทรลรัฐบาล-เพื่อไทยแบบเปิดเผยเต็มที่ ซึ่งตัวเศรษฐาแม้ภายนอกไม่แสดงออกอะไร แต่ในใจคงไม่แฮปปี้แน่นอน!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน

ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49

'ทวี' ยันให้ข้อมูลความจริงที่ไม่มีกฎหมายห้าม ใครเห็นต่างก็หาหลักฐานมาหักล้าง ปมทักษิณชั้น 14

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร

'เด็จพี่' ได้ทีจวกเหล่านักร้อง ทำให้เกิดความปั่นป่วน ขู่เมื่อร้องผิดคีย์ต้องโดนลงโทษ

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยอ้างว่าอดีตนายกฯ ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้าง

'จตุพร' ตอกย้ำศาลรธน.รับคำร้องคดีล้มล้าง เพื่อหยุดอหังการอำนาจ เริ่มจุดเปลี่ยนบ้านเมือง

ลุ้นศาล รธน.พิจารณาคำร้อง 'จตุพร' เชื่อรับไว้วินิจฉัยเพื่อหยุดอหังการอำนาจ ลั่นจะเริ่มจุดเปลี่ยนบ้านเมือง เปิดความหวังประเทศก้าวเดินสู่ผลประโยชน์ชาติ