เป็นช่วงโค้งสุดท้ายก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนที่กองทัพอากาศจะคัดเลือกแบบเครื่องบินรบฝูงใหม่ทดแทน เพื่อนำเข้าประจำการแทนเครื่องที่กำลังปลดประจำการ
หากเริ่มนับหนึ่งตั้งแต่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เข้ารับตำแหน่งเดือน ต.ค.2566 ได้ตั้งคณะกรรมการฯ รวบรวมข้อมูลจากผู้ผลิตเครื่องบินรบที่เข้าตามเงื่อนไขที่กองทัพอากาศต้องการ ซึ่งมี พล.อ.อ.เสกสรร คันธา เสนาธิการทหารอากาศ เป็นประธาน รวมระยะเวลาทำงานแล้ว 9 เดือน
สรุปแล้วเหลือเพียง 2 แบบที่เข้าตามเงื่อนไขความต้องการ คือ gripen E/F ของบริษัท SABB สวีเดน และ F-16 block70 ของบริษัท Lockheed Martin สหรัฐ ซึ่งเป็นรุ่นที่สหรัฐเสนอว่าเหมาะกับศักยภาพของ ทอ.ไทย หลังจากสหรัฐปฏิเสธขายเครื่องบิน F-35 เครื่องบินรบเจเนอเรชันที่ 5 ให้ไทยในตอนนี้ เนื่องจากยังไม่มีความพร้อมในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและองค์ประกอบอื่น
หลายเดือนที่ผ่านมา คณะทำงานได้พูดคุยลงในรายละเอียดกับทั้งสองชาติที่ ทอ.ดูเรื่องผลตอบแทนทางด้านยุทธการเป็นหลัก พร้อมรับข้อเสนอผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ หรือ offset policy เป็นส่วนประกอบ จนเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ผบ.ทอ.ได้เดินทางไปคุยกับผู้บริหาร SABB ที่สวีเดน และ Lockheed Martin ที่สหรัฐ เพื่อนำมาเวิร์กช็อป และขณะนี้ทั้งสองบริษัทได้ส่งข้อเสนอเป็นเอกสารเรียบร้อยแล้ว พร้อมส่งให้คณะกรรมการคัดเลือกแบบ ที่มี พล.อ.ท.วชิรพล เมืองน้อย เจ้ากรมยุทธการทหารอากาศ เป็นประธาน พิจารณา
โดยมีรายงานว่า ก่อนที่ “สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม จะนำทีมปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการสูงสุด และ ผบ.เหล่าทัพ ไปชี้แจงงบประมาณให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาฯ งบประมาณ ในช่วงประมาณสัปดาห์ที่ 2 หรือที่ 3 ของเดือน ก.ค.นี้ ซึ่ง ทอ.ตั้งเป้าไว้ว่าจะตัดสินใจเคาะแบบเครื่องบินให้ได้ก่อนไปชี้แจงให้คณะกรรมาธิการฯ ได้รับทราบ เพราะจะได้ลงรายละเอียดในงบฯ ตั้งต้นปี 2568 และงบผูกพันให้ชัดเจน
เนื่องจากในตารางงบฯ ที่สำนักงบประมาณส่งให้สภา ได้กำหนดไว้กว้างๆ ว่า วงเงินผูกพันงบฯ 4 โครงการตั้งไว้ประมาณ 3,500 ล้านบาท จึงเป็นไฟลต์บังคับที่ต้องสรุปจบในเรื่องแบบให้ได้
แต่ในเรื่องของ “ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ” หรือ “การค้าต่างตอบแทน” หรือ “การลงทุนแบบแลกเปลี่ยน” เป็นหัวข้อในระดับรัฐบาลที่ต้องหารือในขั้นสุดท้าย ซึ่งในเบื้องต้นมีทั้งส่วนที่กระทรวงกลาโหมรวบรวมส่งขึ้นไป และมีการส่งข้อมูลโดยตรงถึงนายกรัฐมนตรี เช่น กรณีของทูตสหรัฐที่ได้ส่งจดหมายไปเมื่อสัปดาห์ก่อน หรือแม้กระทั่งในระดับรัฐมนตรีของสวีเดนก็เคยหยิบยกขึ้นมาหารือกับนายกรัฐมนตรีของไทยมาแล้ว
เมื่อดูจากข้อมูลและขั้นตอนการทำงานของ ทอ.ที่เตรียมมาดี คาดว่าโครงการคงไม่ถูก “แช่แข็ง” อีก ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพอากาศกับรัฐบาลในยุคนี้ถือว่า “ไม่ได้ติดลบ” ท่าทีในการตอบรับนโยบายของรัฐบาล และการสนับสนุนภารกิจทุกด้านก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาต่อต้าน ขณะที่การปรับเปลี่ยนกองทัพให้สอดคล้องกับกระแสการเมืองก็เป็นไปอย่างราบรื่น
อีกทั้ง พล.อ.อ.พันธ์ภักดียังมี “ตัวเชื่อม” อย่าง พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อน ตท.24 ร่วมเป็นแรงผลักดันข้อมูลให้กับนายกรัฐมนตรีด้วย
แต่บทสรุปสุดท้ายก็อยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ 2568 ถึงจะรู้ได้ว่า “รัฐบาล” ไฟเขียวหรือติดเบรกกันแน่ แต่ในเบื้องต้นยังไม่มีสัญญาณลบว่า กมธ.เสียงข้างมากซึ่งเป็นเสียงของรัฐบาลจะโหวตคว่ำงบฯ รายการนี้เหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับเรือฟริเกตของกองทัพเรือในงบปี 2567 มาแล้ว
หันมาดูโครงการ “เรือดำน้ำจีน S26T” หลังจากที่คณะทำงานที่มี พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม ได้หารือกับ SEMITECH หน่วยงานกลางด้านอาวุธของจีน จนได้ข้อสรุปยอมรับเครื่องยนต์จีนเพื่อติดตั้งในเรือดำน้ำ S26T พร้อมทั้งรายการชดเชยเพิ่มเติมที่ไม่สามารถหาเครื่องยนต์เยอรมันมาได้ตามสัญญาฯ
ช่วงที่ผ่านมา นายกฯ ได้ให้ทีมกฎหมายดูเรื่องข้อกฎหมายอีกครั้งเพื่อความรอบคอบ และได้ส่งเรื่องกลับมาที่กระทรวงกลาโหม โดยสัปดาห์ที่ผ่านมากระทรวงกลาโหมเพิ่งส่งเรื่องไปที่รัฐบาลเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป ระหว่างนี้ทางสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีต้องส่งหนังสือไปสอบถามความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเพื่อประกอบการพิจารณา
โดยวาระที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาคือ การแก้ไขสัญญา การมอบอำนาจให้ ผบ.ทร. การขยายเวลาของสัญญาออกไป เป็นต้น ตามแนวทางที่กระทรวงกลาโหมของไทย และ SEMITEC ได้ตกลงกันไว้ ก่อนเดินหน้าในเรื่องข้อเสนอเรื่องการค้าต่างตอบแทน ซึ่งเป็นส่วนที่กระทรวงพาณิชย์จะรับไม้ต่อเพื่อไปหารือกับทางการจีนอีกครั้ง
ซึ่งก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีได้เรียก รมว.กลาโหมมาคุยเป็นการส่วนตัวแล้ว ทั้งเรื่องเครื่องบินและเรือดำน้ำ พร้อมทั้งแสวงหาข้อมูลทางวิชาการอย่างรอบด้าน เพื่อต้องการให้การพิจารณาเป็นไปอย่างรอบคอบ และเป็นไปตามข้อกฎหมาย พร้อมกำชับให้ดูเรื่องข้อดี-ข้อเสีย ความคุ้มค่าที่ประเทศจะได้รับ หลังจากต้องใช้งบประมาณจำนวนมากไปซื้ออาวุธ
หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็คาดว่าจังหวะเวลาที่จะได้ข้อสรุปอาจจะทันก่อนที่ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือคนปัจจุบันจะเกษียณอายุราชการ ซึ่งเจ้าตัวก็มีความหวังว่าจะแก้ไขปัญหาได้จบในยุคของตัวเอง เพื่อให้ผู้บัญชาการทหารเรือคนต่อไปจะเดินหน้าในโครงการอื่นต่อไป ไม่ต้องมามัวแต่แก้ปัญหาเดิมๆ
ที่สำคัญคือ สังคมต้องยอมรับเหตุผลในการใช้งบฯ เพื่อซื้ออาวุธในภารกิจป้องกันประเทศ ภายใต้กระบวนการจัดซื้อที่โปร่งใส เป็นไปตามกฎหมาย คุ้มค่า ตอบโจทย์เศรษฐกิจของประเทศ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แจกเฟส 2 หวังผลการเมือง ส่อผิดกฎหมายหลายกระทง?
ปี่กลองอึกทึกครึกโครม ในสนามเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงนี้จึงอยู่ในช่วงงัดไม้เด็ดเดิมพันให้ได้คว้าชัยชนะ เพื่อเป็นอีกก้าวปูทางไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่
ปักธง1ภาค1เก้าอี้นายกอบจ. ส้มเก็บชัยหรือระเนระนาด
นับถอยหลังสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ระหว่าง นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน และนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
จับตาคลอดโผแต่งตั้ง“นายพลใหญ่” ตำรวจคนสนิทฝั่งรัฐบาลพรึบยกแผง
จับตาบ่ายวันนี้ การแต่งตั้งโยกย้ายล็อตแรก “นายพลใหญ่” ระดับรอง ผบ.ตร. จเรตำรวจ-ผบช. ที่นายกฯ อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นัดประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 10/2567 เพื่อพิจารณาบัญชีรายชื่อ “พล.ต.อ.-พล.ต.ท.” วาระประจำปี 2567
ยากจะขวาง‘โต้ง’นั่งปธ.บอร์ดธปท. แนวต้านขอสกัดจนนาทีสุดท้าย!
แม้จะมีข่าวว่า กรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติเลือก เสี่ยโต้ง-นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่
โค้งสุดท้ายศึกนายกอบจ.อุดรฯ เดิมพันสูง พท.VSปชน.แพ้ไม่ได้
นับจากวันจันทร์ที่ 18 พ.ย.ก็เหลืออีกเพียง 7 วันเท่านั้น ก็จะถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ศึกนายกฯ อบจ.อุดรธานี ทำให้ตอนนี้ถือว่าเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายที่จะได้รู้กันแล้วว่า
‘แม้ว’ ย่ามใจไม่เลี้ยงหลาน ทำตัวเป็น ‘ส่วนหนึ่งของปัญหา’
แม้แต่ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ประธานคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยังตั้งคำถามต่อ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี