ไม่จบ ก.ตร.เคาะ“บิ๊กโจ๊ก”ออกจากราชการ เผือกร้อน“ก.พ.ค.ตร.”เร่งชี้ขาดยุติขัดแย้ง

สถานการณ์ความขัดแย้งใน “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ทวีความรุนแรงลุกลามบานปลาย จากเหตุความขัดแย้งระหว่าง “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่ดูเหมือนจะจบ แต่ไม่จบ หลังคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายสรุปผลสอบ

 “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับ “กรมปทุมวัน” ปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งเดิม แต่คู่กรณีถูกแขวนด้วยคำสั่ง “ให้ออกจากราชการไว้ก่อน” สงครามภายในรั้วปทุมวันจึงปะทุอีกครั้ง การปฏิบัติตรงกันข้ามกับที่ “เนติบริกร” นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย ระบุสถานการณ์จะเบาลง ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เชื่อ “ถ้ากลับไปแล้วเขาน่าจะรักกันและดีกันแล้ว”

 “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดหน้ารบอีกครั้ง ตั้งการ์ดสูงหลังพิงคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เสนอแนะเพิ่มเติมท้ายผลสอบของคณะกรรมการฯ มติ 10 ต่อ 0 คำสั่งที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.67 ให้ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน ที่ “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร.เซ็นอนุมัติไม่ชอบด้วยกฎหมาย เหตุไม่ทำตามคำแนะนำหรือข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสอบสวน ตาม พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ปี 65 และขั้นตอนยังไม่สมบูรณ์ อยู่ระหว่างนำกราบบังคมทูล ถือว่า “บิ๊กโจ๊ก” ยังเป็นรอง ผบ.ตร. มีสิทธิได้รับการคัดเลือกเป็น “ผบ.ตร.” คนที่ 15

งานนี้จึงฟ้องดะ บุก ป.ป.ช. เอาผิด “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ อดีต รรท.ผบ.ตร. พ่วงด้วย 2 นายพล พล.ต.ท.อภิชาติ สุริบุญญา ผบช.สำนักงานกฎหมายและคดี พล.ต.ต.อภิสัณห์ หว้าจีน ผู้การกองวินัย ที่เสนอความเห็นให้ออกจากราชการ และรับทราบคำวินิจฉัยของกฤษฎีกาตีความแล้วกลับไม่มีการแก้ไขเพิกถอนคำสั่ง

ต่อด้วยยื่นฟ้องศาลเอาผิด พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมตรวจสอบชุดปลัดฉิ่ง หมิ่นประมาทให้สัมภาษณ์ชี้นำให้คนเข้าใจผิดมีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ รวมถึง “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. หมิ่นประมาทถึง 3 คดี

เลือดเข้าตา ใครขวางเป็นฟาด แม้แต่ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เห็นแย้งข้อเสนอคณะกรรมการกฤษฎีกา คำสั่งให้ออกจากราชการของ “บิ๊กต่าย” ชอบด้วยกฎหมาย มติกฤษฎีกาเป็นเพียงข้อสังเกต ที่อ้างคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด หากเป็นข้อสังเกตเป็นดุลพินิจของแต่ละหน่วยงานว่าจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็ได้ ทำให้เจ้าตัวไม่พอใจ ชี้นำ ก.ตร.ค้านมติกฤษฎีกาเตรียมฟ้องเช่นกัน

ศึกครั้งนี้มีเก้าอี้ “ผบ.ตร.” เป็นเดิมพัน “บิ๊กโจ๊ก” เดินเครื่องเต็มสูบ อ้างถ้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเอง ส่งตัวแทนยื่นหนังสือจี้ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ให้เพิกถอนคำสั่ง ชี้เป็นการประวิงเวลาเพื่อผลประโยชน์สำหรับตนเองและผู้อื่น ทำให้ได้รับความเสียหายจากการใช้ดุลยพินิจโดยไม่ชอบ หากเพิกเฉยถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่สนหน้าอินหน้าพรหม ไม่วายแม้แต่นายกฯ เศรษฐา ยื่นหนังสือเตือนหากไม่มีคำสั่งให้ “บิ๊กต่อ” เซ็นเพิกถอนหรือยังเพิกเฉย เตรียมฟ้องเอาผิดมาตรา 157 นายวิษณุต้องออกมาเบรกตัวโก่ง

ประเด็นความขัดแย้งภายใน สตช. กลายเป็นวาระด่วนนำเข้าถกในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 5/2567 ที่มีนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรีนั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน เพื่อชี้ขาดคลี่คลายปมปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ “บิ๊กโจ๊ก” ก็เหมือนจะรู้ตัวคอพาดเขียง ก่อนการประชุม ก.ตร. อนุ ก.ตร.ด้านวินัย ที่มี พล.ต.อ.วินัย ทองสอง เป็นประธาน ได้เรียกประชุมคณะกรรมการ 19 คน ร่วมกันถกข้อกฎหมาย เสียงส่วนใหญ่ คำสั่งชอบด้วยกฎหมาย ตรงกันข้ามกับมติกฤษฎีกา ซึ่งผลก็เป็นอย่างที่คาด ก.ตร.มีมติเอกฉันท์ 12 ต่อ 0 เสียง คำสั่งให้ “บิ๊กโจ๊ก” ออกจากราชการ ชอบด้วยกฎหมาย

ถึงแม้ ก.ตร.จะมีมติแล้ว แต่ยังมีช่องทางให้ “บิ๊กโจ๊ก” ได้หายใจ มติ ก.ตร. และมติของคณะกรรมการกฤษฎีกา จะต้องส่งไปยังคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. ที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย เพื่อวินิจฉัยคำอุทธรณ์ของ “บิ๊กโจ๊ก” จึงจะเป็นที่สิ้นสุด

 “ก.พ.ค.ตร.” เสมือนเป็นศาลปกครองชั้นต้น “บิ๊กโจ๊ก” ยื่นอุทธรณ์คำสั่งตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย. ซึ่งคณะดังกล่าวมีกรอบระยะเวลาในการทำงาน 120 วัน แต่หากยังไม่แล้วเสร็จสามารถขยายได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 60 วัน ซึ่งขั้นตอนการพิจารณา เมื่อรับคำอุทธรณ์ไว้พิจารณาแล้ว 1 ใน 7 คณะกรรมการจะเป็นเจ้าของสำนวน จากนั้นเจ้าของสำนวนจะแจ้งให้ “บิ๊กต่าย” ทราบถึงเหตุแย้งคำสั่ง และให้ทำคำแก้อุทธรณ์ของ “บิ๊กโจ๊ก” ให้เสร็จภายใน 30 วัน

ซึ่งขณะนี้ คำสั่งแก้อุทธรณ์เสร็จแล้วส่งถึงมือเจ้าของสำนวน และคำสั่งแก้อุทธรณ์จะส่งไปให้ “บิ๊กโจ๊ก” พิจารณา จะเห็นแย้งหรือไม่ หากไม่มีคำแย้งหลักฐานพยานครบถ้วนทั้ง 2 ฝ่าย เจ้าของสำนวนจะกำหนดวันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริงและกำหนดวันวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์ หากเป็นบวก “บิ๊กโจ๊ก” กลับเข้าตำแหน่งเดิมได้ แต่หากไม่เป็นที่พอใจ “บิ๊กโจ๊ก” สามารถยื่นร้องต่อศาลปกครองสูงสุดได้อีกทาง

ถึงแม้ “ก.พ.ค.ตร.จะมีกรอบในการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่ง แต่เวลามีไม่มากสำหรับ “บิ๊กโจ๊ก” ที่ต้องเร่งกลับ สตช.ให้ทันเดดไลน์แคนดิเดต “ผบ.ตร.” เปิดหน้าถ้าสู้ทุกคนที่ขวาง หวั่นจะส่งผลให้การบริหารราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติสะดุด ส่งผลกระทบต่อประชาชน เผือกร้อนใหญ่นี้ “ก.พ.ค.ตร.” จะต้องอัปสปีดเร่งมีคำสั่งชี้ขาดให้มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายโดยเร็ว ยุติปัญหาเรื้อรัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้กลับมาเป็นที่พึ่งของประชาชนอีกครั้ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สภาฮั้วค่าย 'สีน้ำเงิน' ยึดสว. วงจรอุบาทว์การเมืองไทย

ผลการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับประเทศ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ได้รายชื่อว่าที่ สว.จำนวน 200 คน และสำรอง 100 คน ครบแล้ว โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

กลุ่มไลน์ตร.เฮลั่น! 'รองผกก.สอบสวน' ชี้ชัด ม.131 ให้ตร.ออกจากราชการไว้ก่อนได้ แยกอิสระกับ ม.120

'พ.ต.ท.สุริยา' เผยกลุ่มไลน์ตร.เฮลั่น! หลังมติก.ตร.ให้ 'โจ๊ก' ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกม. ชี้ชัดม.131 กับ ม.120 แยกอิสระต่อกัน ถ้าทุกกรณีต้องฟังกก.สอบสวนก่อน จะมีมาตรา 131 ไว้ทำไม ที่มีปัญหาเมื่อคนมีกองเชียร์เยอะ โดยเฉพาะนักกฎหมายศรีธนญชัย-อัยการคนใต้

ค่าย 'สีน้ำเงิน 'คุมสภาสูง จับตาประธานสว.คนใหม่

ประเทศไทยมีรายชื่อสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) 200 คน อย่างเป็นทางการ หลังจากเมื่อวันพุธที่ผ่านมาใช้เวลาดำเนินการคัดเลือกสว.ระดับประเทศที่อิมแพค หลังจากใช้เวลาดำเนินการคัดเลือกสว.ระดับประเทศที่อิมแพค ฟอรัม เมืองทองธานี ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ลากยาวไปถึงเช้ามืดวันถัดไป ทำเอาผู้สมัครสว. ผู้ติดตาม รวมถึงผู้สื่อข้าวที่ตามเกาะติดชิดห้องประชุมตาคล้ำราวกับหมีแพนด้า

'เศรษฐา' ขึงขังชี้ปม 'บิ๊กโจ๊ก' ให้ความเป็นธรรมและไตร่ตรองดีแล้ว

นายกฯ ลั่นปม 'บิ๊กโจ๊ก' ไตร่ตรองดีแล้ว ยันให้ความเป็นธรรม เผย ที่ประชุม ก.ตร.ยังไม่นำคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนขึ้นทูลเกล้าฯ ต้องรอ มติ 'ก.พ.ค.ตร.' คาด 30 วัน รู้ผลสอบ