ใกล้เคียงกับคำว่า สัปดาห์นรก สำหรับช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับกับหลายๆ เรื่อง ทั้งนอกทั้งในรัฐบาล
ประเดิมตั้งแต่คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ ที่หลายฝ่ายโหมประโคมกันหนักว่า วันที่ 18 มิถุนายน จะเป็นวันโลกาวินาศ เพราะมีหลายคดีสำคัญทางการเมืองเดินมาสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
โดยเฉพาะคดีถอดถอนผู้นำจากกรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี แต่สุดท้ายนอกจากไม่ได้บทสรุป แต่กลายเป็นว่าเพิ่งจะเริ่มต้นได้ไม่นาน ศาลรัฐธรรมนูญขอหลักฐานเพิ่ม
ส่อลากยาวคล้ายกับคดียุบพรรคก้าวไกลที่พิจารณามาแล้วหลายครั้ง แต่ศาลรัฐธรรมนูญยังเรียกข้อมูลเรื่อยๆ กินเวลากันมาหลายเดือน ยังไม่สามารถเดาได้ว่าอีกนานหรือไม่จะได้ชี้ชะตาพรรคสีส้ม
ดูแล้วคดีถอดถอนนายเศรษฐาไม่น่าจะได้บทสรุปใน 1-2 สัปดาห์นี้ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าคงจะหายใจหายคอได้โล่งมากขึ้น
แต่อีกทางหนึ่งก็น่าหวาดระแวง เพราะตราบใดที่คดียังไม่จบ นายเศรษฐาไม่มีวันนอนหลับสนิท เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีขบวนการที่ต้องการล้างกระดานการเมืองกันใหม่ดำรงอยู่
ฉะนั้น ตราบใดที่ยังอยู่ในมือศาลรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างมัน 50:50 เอาแน่เอานอนไม่ได้
ขณะที่คดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ของนายใหญ่พรรคเพื่อไทย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สุดท้ายได้ประกันตัว ไปสู้กันต่อในศาล
ประเมินกันว่า คดีน่าจะลากยาวเหมือนกัน และน่าจะลากยาวกว่าของนายเศรษฐาในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ เพราะหลายฝ่ายมองว่าเป็นคดีพันธนาการนายทักษิณไม่ให้กล้าอหังการ หรือแหกดีลลับ หักหลังกลุ่มอำนาจเก่าที่ต้องการใช้เป็นตัวละครในการสกัดพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ถ้าปล่อยนายทักษิณหลุดเร็ว เกรงกันว่า จะคอนโทรลไม่ได้ เพราะขนาดยังมีชนักปักหลัง ยังทำตัวยิ่งใหญ่ ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม เที่ยวแขวะคนอื่นไปทั่ว
ส่วนคดีการเลือก สว. ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยรวดเร็วฉับไว ไม่ขัด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. การเลือก สว.ระดับประเทศเดินต่อไปได้
คดีนี้ไม่ค่อยมีผลทางการเมืองเท่าไหร่ ต่อจะให้ล้มหรือไม่ล้มการเลือก สว.ที่ผ่านมา นั่นเพราะอำนาจโหวตนายกรัฐมนตรีของ สว.หมดไปแล้วตามบทเฉพาะกาลที่มีอายุแค่ 5 ปี
ต่อให้จะได้ สว.ชุดใหม่ช้าหรือเร็ว สว.ชุดรักษาการที่ทำหน้าที่อยู่ อาจจะมีอำนาจหน้าที่ทุกอย่างตามรัฐธรรมนูญ แต่อำนาจโหวตนายกรัฐมนตรีไม่มีอีกแล้ว
การอยู่ของ สว.ชุดเก่า เต็มที่ก็สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้รัฐบาลบ้าง อย่างเช่น ที่มีการไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนนายเศรษฐา แต่พลานุภาพไม่ได้รุนแรงจนทำให้รัฐบาลทำงานลำบากอะไร
ที่สำคัญยังไม่มีสัญญาณชัดๆ ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำในเร็วๆ วันนี้
ขณะที่ศึกอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ที่ตบท้ายสัปดาห์นรก หลายฝ่ายค่อนแคะจืดชืดกว่าที่คิด มีแต่วาทกรรมเสียดสี แต่เนื้อหาที่จะขอหั่นงบฯ ยังไม่ถึงขั้นที่ทำให้สังคมหันมาช่วยจับตา
แต่เป็นธรรมดาของการอภิปรายกฎหมายงบประมาณ ที่ความดุเดือดเลือดพล่านไม่ได้สูงเท่ากับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่เป็นการตรวจสอบการทุจริต หรือการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้
แต่อย่างไรก็ดี การอภิปรายครั้งนี้ของฝ่ายค้านก็ชำแหละภาพการจัดงบประมาณของรัฐบาลได้ดีไม่น้อย โดยเฉพาะการพยายามตัดนู่น ผสมนี่ เพื่อให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท เดินหน้าได้
ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นว่า ไม่ได้จัดงบประมาณเพื่อความเหมาะสม แต่กำลังจัดงบประมาณเพื่อสนองความต้องการของตัวเองเป็นหลัก
เหมือนที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ชำแหละตรงๆ ว่ารัฐบาลไม่สนอะไร เพียงเพราะจะทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตให้ได้
“รอบนี้เราไม่ได้เสี่ยงแค่คนเดียว เพราะรัฐบาลที่ใช้เงินมือเติบแบบนี้กำลังพาประเทศไปเสี่ยงด้วย การกู้จนเต็มเพดานแบบนี้ หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือเหตุการณ์ที่เราไม่คาดฝัน จะไม่เหลือพื้นที่และงบประมาณที่จะไปรองรับสถานการณ์เช่นนั้นได้เลย สิ่งที่รัฐบาลทำคือ โนสนโนแคร์ว่าจะทำให้ประเทศอยู่ในภาวะเสี่ยง เพียงเพื่อทำให้มีเงินมากพอที่จะไปทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตโครงการเดียว”
หรือกรณีที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายกรณีที่จะเอาเงินจาก ธ.ก.ส.มาแจก วันนี้ยังไม่รู้ว่าที่สุดจะทำได้หรือไม่ แต่รัฐบาลประกาศว่าจะแจกในปลายปี
“วันหลังไปถามกฤษฎีกาแล้วเขาบอกว่าใช้ไม่ได้จะทำอย่างไร ที่สภาอนุมัติก็เป็นหมัน สุดท้ายกู้มาแจกไม่ได้ ตนจึงขอตำหนิรัฐบาลและบอกมาตลอดว่า สุดท้ายดิจิทัลวอลเล็ตอนาคตยังเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย”
โดยนอกจากอภิปรายการเรื่องการจัดทำงบประมาณที่ไม่เหมาะสม ยังชำแหละสไตล์การทำงานของนายเศรษฐาและรัฐบาลที่ค่อนข้างสะเปะสะด้วย
ซึ่งปัจจุบันนายเศรษฐากำลังเผชิญกับคำถามเรื่องเหล่านี้จากสังคมอยู่เหมือนกัน เพราะหลายๆ เรื่อง หลายๆ การตัดสินใจดูไร้ยุทธศาสตร์ และเป็นไปในลักษณะแก้ผ้าเอาหน้ารอด
โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเดินหน้าเต็มสูบ แต่วันนี้ยังไม่รู้ว่าตามกฎหมายสามารถทำได้หรือไม่ หรือแม้แต่กรณี 2 บิ๊กวงการสีกากี ที่ตอนแรกถึงขั้นลงนามในคำสั่งดึง "บิ๊กต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. มาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมกับตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน
หลายฝ่ายติดตามว่าบทสรุปจะออกมาเป็นอย่างไร แต่สุดท้ายทำคนผิดหวัง ส่ง "บิ๊กต่อ" กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในขณะที่ "บิ๊กโจ๊ก" ก็ทำท่าจะได้กลับมาทำงานเหมือนกัน หลังผลสอบปรากฏว่าคำสั่งที่ให้ออกจากราชการไว้ก่อนไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่
คณะกรรมการที่นายกฯ ลงตั้งขึ้นมาสอบ ไม่สามารถสรุปได้ว่ามีความผิด โดยอ้างว่ามีหน่วยงานและองค์กรอิสระตรวจสอบอยู่แล้ว
กลายเป็นว่า ที่ทำกันมาหลายเดือนแทบจะเป็นศูนย์ เหมือนแค่ต้องการแอ็กชันว่าพยายามทำอะไรบางอย่างเพื่อแก้ปัญหาในกรมปทุมวัน แต่สุดท้ายทำอะไรไม่ได้เลย
ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการลงพื้นที่ หรือการเดินทางไปต่างประเทศ ช่วงมาแรกๆ คนมองว่านายกฯ เป็นคนแอ็กทีฟ ขยันขันแข็ง แต่หลังๆ เริ่มถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีแต่ปริมาณ แต่ไม่มีคุณภาพ
เน้นจำนวนจุด แต่ไปแค่แตะๆ ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด ทำให้สุดท้ายปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขแบบถาวร หรือแก้ไขแบบจริงจัง
แถมระยะหลังเริ่มโดนแซว บริหารแบบนี้ ทำให้ลุงในอดีตดูดีขึ้นมาทันที
ถือเป็นปัญหาของนายเศรษฐาเหมือนกัน เพราะผลงานของรัฐบาลก็ยังไม่ออก นโยบายเรือธงดิจิทัลวอลเล็ตยังลูกผีลูกคน ขณะที่เรตติ้งส่วนตัวของนายกฯ ก็ยังไม่ดี โพลสำรวจมากี่ทียังไม่กระเตื้อง
ขนาดลงพื้นที่หนักและถี่ขนาดนี้ แต่ไม่มีคะแนน
พรรคเพื่อไทยเองก็ดูออก การเคลื่อนไหวของนายใหญ่เองก็พอจะสะท้อนปัญหานี้ได้ เพราะระยะหลังบรรดารัฐมนตรีเศรษฐกิจดอดไปพบที่ฐานบัญชาการใหญ่ จันทร์ส่องหล้า กันถี่ยิบ
หัวข้อสนทนาเป็นเรื่องเศรษฐกิจเพียวๆ ซึ่งนายทักษิณต้องขยับมาคุยกับรัฐมนตรีเอง มันพอมองออกเหมือนกันว่าสถานการณ์เรื่องนี้ไม่สู้ดี จนต้องขยับมาปั้น มาขันนอตเอง
แล้วตอนนี้ไม่มีข้ออ้างเรื่องเข้ามาใหม่ ไม่มีงบประมาณใช้ เพราะกฎหมายงบประมาณปี 67 ก็มีให้ขับเคลื่อนมาสักพักแล้ว
ตอนนี้คนโทษได้เต็มที่ ที่รัฐบาลเบ่งผลงานไม่ออก เพราะกึ๋นและฝีมือผู้นำล้วนๆ
ต้องบอกว่า ต่อจะให้มีตั๋วยาว แบ็กดี แต่ถ้าเข็นกันแล้ว แบกกันแล้ว ยังไม่กระเตื้อง คนที่น่าเป็นห่วงคือตัวนายเศรษฐาเอง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สว.สีน้ำเงินเปิดเซฟเฮาส์ ทำโผ-วางขุมกำลังคุมสภาสูง
การเมืองสัปดาห์นี้ ไฮไลต์สำคัญก็คือ ต้องรอดูว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะประกาศรับรองรายชื่อ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดใหม่ทั้ง 200 คนในช่วงกลางสัปดาห์นี้ พุธที่ 3 ก.ค. ตามที่เคยประกาศไว้หรือไม่ หรือจะเลื่อนออกไป หลังกระแสวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการเลือก สว.ชุดใหม่ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง
‘สรรเพชญ’ เบรก รบ.อย่าคิดขายชาติ ย้อน ‘พท.’ อย่าถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเองซ้ำอีก
นายกรัฐมนตรีที่ได้รับสมญานามว่าเป็น เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ที่มีความต้องการดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งทำให้สังคมเกิดความสงสัยเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือต้องการเอื้อผลประโยชน์ให้กับใครหรือไม่
มีหนาว! ‘ชวน’ เชื่อในอนาคต ก๊วนดีลลับช่วยนักโทษเทวดา จะโดนเช็คบิลย้อนหลังแน่
ก๊วนดีลลับ-ช่วยนักโทษเทวดามีหนาว “อดีตนายกฯชวน”เชื่อ ในอนาคตจะมีการรื้อฟื้นสอบสวน เช็คบิลย้อนหลัง
‘ปธ.กมธ.สิทธิฯ’ ทิ้งทวน ยื่น ‘ป.ป.ช.’ สอบ ‘ราชทัณฑ์-ยธ.’ เอื้อ ‘ทักษิณ’ อยู่นอกคุก
‘สมชาย’ สวมหมวก ปธ.กมธ.สิทธิฯ ทิ้งทวนทำหน้าที่ ยื่น ‘ป.ป.ช.’ สอบ ‘จนท.ราชทัณฑ์-ยธ.’ ส่อปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ขัดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ปมเอื้อ ‘ทักษิณ’ อยู่นอกคุก
'เศรษฐา' ลงพื้นที่สุรินทร์ ชาวบ้านดีใจได้ใกล้ชิด บอกเป็นขวัญใจชาวรัตนบุรี
“เศรษฐา” ลงพื้นที่สุรินทร์ รุดตรวจเยี่ยมโครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว 15 ล้านบาท ชาวบ้านดีใจได้ใกล้ชิด บอกเป็นขวัญใจชาวรัตนบุรี ขณะคุณยายเจอหน้านายกฯถึงกับร้องไห้ บอกไม่เคยมีผู้นำมา
ผลสำรวจนิด้าโพลชี้ ประชาชนหนุน 'พิธา' นั่งนายก ส่วน 'เศรษฐา' มาเป็นอันดับ 3
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 2/2567” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 14-18 มิถุนายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง