18 มิ.ย.ลุ้น 4 คดีร้อน จับตาใครจะพินาศ?

“การเปลี่ยนขั้วการเมืองต้องไปดูความสำคัญในคดีของนายเศรษฐาด้วย ถ้าต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ จะทำให้ต้องเลือกนายกฯ ใหม่และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ถ้าถึงตอนนั้นโอกาสที่จะสลับขั้ว ข้ามขั้วอาจเกิดขึ้น”

จับตาว่าในวันที่ 18 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป จะมีการพิจารณาคดีทางการเมือง 4 ประเด็นร้อน ที่จะส่งผลสะเทือนไปถึงเสถียรภาพของรัฐบาล การเมืองไทยในระยะเวลาต่อไป และจะมีใครต้องพินาศหรือไม่ 

สำหรับ 4 คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ 3 คดี และ 1 คดีในศาลอาญา  

คดีแรกศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ขาดคำร้องกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งวุฒิสภาผ่าน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 ประกอบไปด้วย มาตรา 36 มาตรา 40 มาตรา 41 มาตรา 42 ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 107 หรือไม่

วันนั้นเป็นคดีเดียวที่ตัดสินเด็ดขาด ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าศาลท่านจะยกฟ้องผ่าน เนื่องจาก พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 ก่อนจะมีการถวายทูลเกล้าฯ ประกาศเป็นกฎหมาย ได้มีการตรวจสอบจากศาลรัฐธรรมนูญมาแล้ว ฉะนั้นคงไม่กลับมติที่ตัวเองเคยพิจารณาเห็นชอบ 

คดีที่สอง “ยุบพรรคก้าวไกล” ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ กกต.ยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันจันทร์ที่ 17 มิ.ย.2567 และให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป กำหนดนัดพิจารณาต่อไปวันอังคารที่ 18 มิ.ย.2567

คาดว่าศาลรัฐธรรมนูญจะยังไม่ตัดสิน โดยพรรคก้าวไกลได้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ทั้ง 9 ประเด็น ล่าสุดยังอ้างว่าประธาน กกต.ไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบในการยื่นยุบพรรค ที่ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องได้ต่อสู้คดี    

แต่ปลายทางฟันธงกันว่า พรรคก้าวไกลไม่น่ารอดถูกยุบ และตัดสิทธิ์การเมืองคณะกรรมการบริหารพรรค นำโดย “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรคส้ม    

เบื้องต้นจะไม่กระทบต่อการเมืองระยะสั้น อาจมีบ้างเรื่องการชุมนุม หรือเกิดความวุ่นวายในโลกโซเชียล แต่จะจุดไม่ติด เพราะรอหวังผลระยะยาว บ่มเพาะคะแนนความสงสาร และถูกกลั่นแกล้ง เพื่อหวังชนะการเลือกตั้งครั้งหน้า  

คดีที่สาม ศาลรัฐธรรมนูญนำเรื่องการถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ก่อนหน้านี้ได้ตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม โดยมีคำสั่งให้คู่กรณียื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันจันทร์ที่ 17 มิ.ย.2567 และให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป กำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันอังคารที่ 18 มิ.ย.2567

ในวันดังกล่าวศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ตัดสินเช่นกัน แต่ก็ต้องดูคำสั่งว่าศาลจะดำเนินการพิจารณาคดีอย่างไร และเปิดห้องไต่สวนหรือไม่

โดยฝ่ายหนึ่งมี 40 สว. ที่ได้รับการสนับสนุนจากคนบ้านป่า และอีกด้านหนึ่งคือ นายกฯ ที่ได้ “เนติบริกร” หรือ “วิษณุ เครืองาม” มาเป็นที่ปรึกษา ที่มีผลงานในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งไม่เคยแพ้คดีในศาลรัฐธรรมนูญ ล่าสุดนายกฯ ได้แสดงความมั่นใจ ไม่คิดลาออก-ยุบสภา ไม่ใช้วิธีพิสดารในการหนี  

คดีนี้มีการกำหนดฉากทัศน์ หากสมมุติว่าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินในเวลาต่อมาให้นายกฯ มีความผิด ครม.ทั้งหมดก็จะสิ้นสภาพ เปิดโอกาสให้มีการจัดตั้งรัฐบาลและเลือกนายกฯ คนใหม่ สิ่งที่ต้องจับตาคือจะมีการพลิกขั้วหรือไม่  

อีกด้านก็มองว่า “เศรษฐา” จะรอดเพราะผู้มีอำนาจไม่ต้องการให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองในเวลานี้ และต้องการปิดประตูโอกาสที่จะเกิดการพลิกขั้ว อีกทั้งแคนดิเดตนายกฯ คนอื่นๆ ยังไม่มีความพร้อม โดยเฉพาะ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ถูกเย้ยเป็นมะม่วงบ่มแก๊ส และคุณพ่อคุณแม่ยังไม่อยากให้ลูกสาวตกไปอยู่ในพื้นที่อันตราย     

คดีการเมืองที่สี่ อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดมาตรา 112 กรณีให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 พาดพิงสถาบัน โดย ทางพนักงานอัยการได้นัดให้นายทักษิณมาพบอีกครั้งวันที่ 18 มิ.ย.2567 เพื่อนำตัวฟ้องศาลอาญา 

จับตาดูว่า "ทักษิณ" จะมาตามนัดหรือไม่ หรืออัยการสูงสุดรับพิจารณาการร้องขอความเป็นธรรมครั้งที่สองเพื่อยืดระยะเวลาสั่งฟ้องออกไป หรือหนีคดีอีกครั้ง    

หลายฝ่ายมองว่า “ทักษิณ” จะไม่มีหนีไปไหน เพราะมีวิธีเอาตัวรอดไม่ต้องนอนคุก ทั้งการประกันตัวในชั้นศาล หรือหากไม่ได้รับการประกันตัว ก็มีกลไกผ่านกระทรวงยุติธรรม ทั้งนอนโรงพยาบาล หรือบ้านจันทร์ส่องหล้า ตามระเบียบ "เฮาส์อาร์เรสต์" ที่ออกประกาศมารองรับไว้หมดแล้ว

จากนั้นจะต่อสู้ผ่านกระบวนการยุติธรรมต่อไป ที่มีถึง 3 ชั้นศาล โดยมีทั้งโอกาสชนะคดีและรอลงอาญา   

หรือหากยังไม่เข็ดก็สั่งให้ลิ่วล้อในพรรคเพื่อไทยเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมโดยรวมคดีมาตรา 112 เข้าสภาอีกครั้ง แม้ไม่กี่วันผลการเปิดรับฟังคิดเห็นของสภา จะพบว่าประชาชนไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ก็ตาม    

ด้านนายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงปรากฏการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ว่า ในเดือน มิ.ย.มีหลายเรื่องที่มาบรรจบกันพอดี เกิดกระแสข่าวจำนวนมาก เช่น อาจเกิดรัฐประหาร ผนวกกับการเลือก สว.ที่กำลังดำเนินการ คิดว่าคงไม่ถึงขั้นรัฐประหาร แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าภายใต้สถานการณ์สังคมบริบททางการเมืองแบบประเทศไทย ที่ประชาธิปไตยยังไม่ตั้งมั่น 

“ถามว่าสถานการณ์เหล่านี้มีโอกาสนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ก็ต้องบอกว่ายังมีโอกาส แต่ผมคิดว่าสุดท้ายการเปลี่ยนแปลงถึงขั้นล้มรัฐบาล ล้มพรรคก้าวไกล หรือล้ม สว. คงไม่ถึงขนาดนั้น แม้ว่าตอนนี้จะมีทฤษฎี 3 ล้ม แต่ผมขอเสนอล้มที่ 4 คือขอให้คนที่คิดแบบนี้ยกเลิกความคิดนี้ เพื่อให้บ้านเมืองได้ไปต่อ เพราะถ้าล้มนายกฯ พรรคก้าวไกล หรือล้ม สว. สุดท้ายผลที่เกิดขึ้นคือความขัดแย้งทางการเมือง” นายยุทธพรกล่าว

นักวิชาการรัฐศาสตร์ผู้นี้กล่าวต่อว่า การเปลี่ยนขั้วการเมืองต้องไปดูความสำคัญในคดีของนายเศรษฐาด้วย ถ้าต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ จะทำให้ต้องเลือกนายกฯ ใหม่และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ถ้าถึงตอนนั้นโอกาสที่จะสลับขั้ว ข้ามขั้ว และเกิดกรณียุบพรรคก้าวไกลในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน ก็เป็นไปได้ที่จะเห็นเรื่องการย้ายพรรค ซึ่งอาจนำไปสู่พรรคใหม่และอาจไปจับขั้ว ฉะนั้น เดือน มิ.ย. ทั้ง 3 เรื่องนี้มีความสัมพันธ์กันหมด

ถามถึงกรณีนายทักษิณพาดพิงถึงคนในป่า ไม่ใช่สัญญาณจะเปลี่ยนขั้วการเมืองใช่หรือไม่ นายยุทธพรกล่าวว่า เป็นการโต้ตอบของนายทักษิณที่เกิดขึ้นกับกรณีที่ 40 สว.ร้องศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบนายเศรษฐา ถ้าพูดอย่างตรงไปตรงมา 40 สว. เป็น สว.ที่เกิดจากการแต่งตั้งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าที่มาที่ไปแต่ละ สว.มาอย่างไร 

“คิดว่าถ้าปรับก็ไม่ใช่ทั้งพรรค เพราะพรรคดังกล่าวมีแกนนำบางคนใกล้ชิดสนิทสนมกับพรรคเพื่อไทยอยู่ และอาจดึงพรรคบางพรรคซึ่งอยู่ในฝ่ายค้านเข้ามาไม่ทั้งพรรคเช่นเดียวกัน เราจะได้เห็นปรากฏการณ์แปลกๆ ในการเมืองไทย คือร่วมรัฐบาลครึ่งพรรค และเป็นฝ่ายค้านครึ่งพรรค เรียกว่าเป็นรัฐบาลคนละครึ่ง ฝ่ายค้านคนละครึ่ง” นักวิชาการกล่าวปิดท้าย 

นี่คือทิศทางการเมืองของ 4 คดีสำคัญ ที่จะส่งผลต่อทิศทางการเมืองไทยในเวลาต่อไป ส่วนบ้านเมืองลุกเป็นไฟ-พลิกขั้ว-ข้ามขั้ว หรือท้ายสุดใคร-พรรคไหนจะพินาศหรือไม่ จึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไทม์ไลน์เคาะเครื่องบินรบ แง้มเส้นทางเรือดำน้ำเข้าครม.

เป็นช่วงโค้งสุดท้ายก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนที่กองทัพอากาศจะคัดเลือกแบบเครื่องบินรบฝูงใหม่ทดแทน เพื่อนำเข้าประจำการแทนเครื่องที่กำลังปลดประจำการ

'ไอติม' ยันก้าวไกลไม่ได้หนุน 'บิ๊กแจ๊ส' ชิงนายก อบจ.ปทุมธานี

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี สส.ของพรรคก้าวไกล โพสต์แสดงความยินดีกับ นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (อบจ.ปทุมธานี) ที่ชนะการเลือกตั้ง

'อนาคตไกล' ชี้ตัวแปรทำ 'ชาญ' ชนะเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมธานี

“อนาคตไกล” ชี้ตัวแปร ทำให้ชาญ ชนะการเลือกตั้ง นายกอบจ.ปทุมธานี แม้ ปปช.ชี้มูลและศาลประทับรับฟ้อง ก็ไม่ขาดคุณสมบัติสมัครนายกอบจ.

'เศรษฐา' สั่งล้อมคอก! แก้ไขปัญหาเด็ก 1.02 ล้านคนหลุดระบบการศึกษา

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ด้วยความห่วงใยของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต่ออนาคตของเยา