ในที่สุด 7 เสือ กกต.-คณะกรรมการการเลือกตั้ง ก็มีมติเอกฉันท์เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ให้ดำเนินการจัดให้มีการเลือก สมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่ 200 คน ในวันอาทิตย์ที่ 9 มิ.ย.นี้ ไม่มีการเลื่อนออกไปแต่อย่างใด
หลังก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า กกต.อาจเลื่อนการจัดให้มีการเลือก สว.ออกไป หลังเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องจากการที่ศาลปกครองกลางส่งคำโต้แย้งผู้สมัคร สว. 6 คน เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 36 มาตรา 40 มาตรา 41 และมาตรา 42 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 107 หรือไม่ อันเป็นการจะเลื่อนเพื่อรอฟังการวินิจฉัยของศาล รธน.
แต่สุดท้ายการประชุม กกต.นัดพิเศษ 7 มิ.ย. หลัง กกต.พิจารณา ข้อกฎหมาย-ข้อเท็จจริงต่างๆ ก็มั่นใจว่าเดินหน้าต่อไปได้ จึงสั่งให้เดินหน้าตามไทม์ไลน์ที่วางไว้
ดังนั้น การเลือก สว.ก็จะเดินหน้าไปตามปฏิทินที่วางไว้ คือ 9 มิ.ย.67 เลือก สว.ระดับอำเภอ จากนั้น 16 มิ.ย.67 เป็นการเลือก สว.ระดับจังหวัด และ 26 มิ.ย.67 การเลือก สว.ระดับประเทศ
โดยก่อนหน้านี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยืนยันว่าจะพยายามประกาศผลการเลือก สว.ให้ได้ภายในวันที่ 2 ก.ค.67
ท่ามกลางข้อมูลข่าวสารที่ออกมามากมายถึงความผิดปกติในการรับสมัครบุคคลเข้าไปเป็น สว.ที่มีลักษณะเช่น การจ้างให้ไปสมัคร สว.เพื่อจะได้ทำการบล็อกโหวตการเลือกทั้งระดับอำเภอและจังหวัด จากนั้นก็ค่อยไปลุ้นในระดับประเทศ โดยมีเครือข่ายนักการเมืองในจังหวัดทั้งการเมืองระดับชาติและการเมืองท้องถิ่น คอยสนับสนุนค่าใช้จ่ายและวางแผนการทั้งหมด เป็นต้น
จนมีเสียงทักท้วงว่า กกต.ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบประกาศรับรองผล สว.ก็ได้ หากว่ายังคงพบปัญหาความผิดปกติ-การร้องเรียนออกมาเรื่อยๆ
เพราะตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 บัญญัติว่า หลังมีการเลือก สว.ระดับประเทศเสร็จสิ้นลง ที่ก็คือในวันที่ 26 มิ.ย. ผู้อำนวยการเลือก สว.ระดับประเทศจะต้องส่งรายงานการเลือก สว.ต่อ กกต. จากนั้นให้ กกต.รอไว้ไม่น้อยกว่า 5 วัน และเมื่อพ้น 5 วันไปแล้ว ถ้า กกต.เห็นว่าการเลือกเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้ประกาศผลในราชกิจจานุเบกษา
นั่นหมายถึง หาก กกต.เห็นว่ากระบวนการเลือก สว.ที่ผ่านมาทั้งระดับอำเภอ-จังหวัด-ประเทศ มีความผิดปกติ ไม่สุจริต เที่ยงธรรม ก็สามารถเลื่อนการประกาศรับรองออกไปได้ แต่สุดท้ายก็อยู่ที่ดุลยพินิจของ กกต.ว่าจะเห็นควรเรื่องนี้อย่างไร
เพราะดูเหมือนผู้บริหารสำนักงาน กกต.ก็ต้องการทำตามไทม์ไลน์ที่เคยบอกไว้ให้เป็นไปตามปฏิทินการเมืองทุกอย่าง และคงมองว่าข่าวเรื่องความผิดปกติในการคัดเลือก สว.ที่เกิดขึ้น รวมถึงการออกมาระบุของฝ่ายการเมืองบางส่วน ว่าเจ้าหน้าที่ กกต.อาจถูกดำเนินคดีได้หากยังปล่อยให้การเลือก สว.มีปัญหาเกิดขึ้น แต่จัดการอะไรไม่ได้ เหมือนกับจะเป็นการกดดัน กกต.มากเกินไป
จนทำให้ผู้บริหารสำนักงาน กกต.บางส่วนต้องออกมาส่งสัญญาณดังๆ ว่ามีกระบวนการที่พยายามทำให้การเลือก สว.เกิดปัญหาติดขัด
อย่างท่าทีของ แสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ส่งข้อความผ่านไลน์ถึงเจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต.ทั่วประเทศเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
“เมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์และความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา รวมทั้งการรับข้อมูลจากหลายด้าน มีสัญญาณมาโดยตลอดว่า นับแต่มีพระราชกฤษฎีกาเลือก สว. ก็จะมีแรงเสียดทานเข้มข้นมากขึ้นตลอดมา ซึ่งแรงเสียดทานอาจมีรูปแบบเป็นไปตามลักษณะและพฤติการณ์การแสดงออกของกลุ่มบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีแรงจูงใจทางการเมืองและทั้งที่ไม่มีแรงจูงใจทางการเมือง พอจะจำแนกได้เป็นรูปแบบที่ 1 เลื่อนหรือลากการเลือก สว.ออกไป รูปแบบที่ 2 ล้มการเลือก สว. และรูปแบบที่ 3 เลือก แต่กดดันให้ได้ผลตามเป้าหมายที่หวังไว้ แต่ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ขอให้เป็นแค่การคาดการณ์ อย่าให้เกิดขึ้นจริง เพราะถ้าเกิดขึ้นจริงย่อมไม่เกิดผลดีกับบ้านเมืองอย่างแน่นอน”
ถึง ณ จุดนี้ ยังไง กกต.ก็คงใส่เกียร์ห้า จัดเลือก สว.ไปตามปฏิทินที่วางไว้ เพราะมันคือหน้าที่ของ กกต.ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.ฯ ส่วนปัญหา-ข้อร้องเรียนต่างๆ ก็ค่อยไปว่ากันหลังจากนั้น เพราะยังมีกระบวนการ-ขั้นตอนให้สามารถจัดการได้ เพราะก็ยังมีดาบในมืออยู่ เช่น
มาตรา 62 “เมื่อคณะกรรมการประกาศผลการเลือก สว.แล้ว ถ้ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกหรือรู้เห็นกับการกระทำของบุคคลอื่น อันทำให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ให้คณะกรรมการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น
เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว ถ้าผู้ถูกกล่าวหาเป็นสมาชิกวุฒิสภา ให้ผู้นั้นหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลฎีกาจะพิพากษาว่าผู้นั้นมิได้กระทำความผิด เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าผู้นั้นกระทำความผิด ให้สมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาผู้นั้นสิ้นสุดลงนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่”
ดูจากข้อกฎหมายข้างต้นจะเห็นได้ว่า กกต.ก็มีดาบในมืออยู่ในการที่จะไปเช็กบิลหรือจัดการเอาผิดกับผู้สมัคร รวมถึงคนที่ กกต.ประกาศรับรองให้เป็น สว.ไปแล้วในภายหลังได้
กระนั้นก็มีเสียงปรามาสการทำงานของ กกต.ชุดปัจจุบันว่า การจะตรวจสอบการทุจริต การทำผิดกฎหมายเลือก สว. อาจหวังพึ่งไม่ได้ เพราะดูจากการทำงานของ กกต.ในการให้ใบแดง-ใบเหลือง กับการเลือกตั้ง สส.ที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งปีผ่านไป หลังการเลือกตั้ง สส.เมื่อปี 2566
พบว่า กกต.ควักใบแดงให้กับ สส.แค่สองคน และสองใบแดงให้กับผู้สมัคร สส.สอบตก ทั้งที่ประชาชนจำนวนมากต่างบอกว่า การเลือกตั้ง สส.ที่ผ่านมามีการซื้อเสียง-ยิงกระสุนดินดำ หนักหน่วงกว่าทุกครั้ง แต่หนึ่งปีผ่านไป กกต.กลับมีผลงานอย่างที่เห็น หลายคนก็เลยเกรงว่ามันจะมาซ้ำรอยกับการตรวจสอบทุจริตการเลือก สว.ย้อนหลัง ที่อาจล่าช้า จนสุดท้ายเป็นการปล่อยผีให้คนที่ทุจริต-ฝ่าฝืนกฎหมายได้เข้าไปเป็น สว.กันจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ของแบบนี้ต้องให้เวลาและโอกาสกับ กกต.ในการทำงานด้วย เพราะไม่แน่ ในส่วนของการเลือก สว. ทาง กกต.อาจทำงานได้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพมากกว่าการตรวจสอบการทุจริตการเลือก สส.ก็ได้
สุดท้ายนี้ต้องรีวิวย้ำกันอีกครั้ง สำหรับ 20 สาขาอาชีพที่จะเข้าไปเป็น สว. รวมเป็น 200 คน มีดังนี้
-กลุ่มที่ 1 กลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง ได้แก่ ผู้เคยเป็นข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
-กลุ่มที่ 2 กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ได้แก่ ผู้เป็นหรือเคยเป็นผู้พิพากษา ตุลาการ อัยการ ตำรวจ ผู้ประกอบวิชาชีพด้านกฎหมาย หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
-กลุ่มที่ 3 กลุ่มการศึกษา ได้แก่ ผู้เป็นหรือเคยเป็นครู อาจารย์ นักวิจัย ผู้บริหารสถานศึกษา บุคลากรทางการศึกษา หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
-กลุ่มที่ 4 กลุ่มการสาธารณสุข อันได้แก่ ผู้เป็นหรือเคยเป็นแพทย์ทุกประเภท เทคนิคการแพทย์ สาธารณสุข พยาบาล เภสัชกร หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
-กลุ่มที่ 5 กลุ่มอาชีพทำนา ปลูกพืชล้มลุก หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
-กลุ่มที่ 6 กลุ่มอาชีพทำสวน ป่าไม้ ปศุสัตว์ ประมง หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
-กลุ่มที่ 7 กลุ่มพนักงานหรือลูกจ้างของบุคคลซึ่งมิใช่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ผู้ใช้แรงงาน หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
-กลุ่มที่ 8 กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านสิ่งแวดล้อม ผังเมือง อสังหาริมทรัพย์และสาธารณูปโภค ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
-กลุ่มที่ 9 กลุ่มผู้ประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดย่อมตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
-กลุ่มที่ 10 กลุ่มผู้ประกอบกิจการอื่นนอกจากกิจการตามข้อ 9
-กลุ่มที่ 11 กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจหรืออาชีพด้านการท่องเที่ยว อันได้แก่ ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว มัคคุเทศก์ ผู้ประกอบกิจการหรือพนักงานโรงแรม หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
-กลุ่มที่ 12 กลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรม หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
-กลุ่มที่ 13 กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสาร การพัฒนานวัตกรรม หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
-กลุ่มที่ 14 กลุ่มสตรี
-กลุ่มที่ 15 กลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
-กลุ่มที่ 16 กลุ่มศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี การแสดงและบันเทิง นักกีฬา หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
-กลุ่มที่ 17 กลุ่มประชาสังคม กลุ่มองค์กรสาธารณประโยชน์ หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
-กลุ่มที่ 18 กลุ่มสื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
-กลุ่มที่ 19 กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
-กลุ่มที่ 20 กลุ่มอื่นๆ
ส่วนรายชื่อ “ว่าที่ สว.ชุดใหม่ 200 คน” จะได้เห็นในวันที่ 2 ก.ค.นี้หรือไม่ หรือจะต้องเลื่อนออกไป รอลุ้นกันต่อไป เพราะไม่แน่อาจมีสถานการณ์แทรกซ้อน ทำให้ กกต.อาจไม่สามารถประกาศรายชื่อออกมาอย่างที่ตั้งใจไว้ก็ได้!!!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แจกเฟส 2 หวังผลการเมือง ส่อผิดกฎหมายหลายกระทง?
ปี่กลองอึกทึกครึกโครม ในสนามเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงนี้จึงอยู่ในช่วงงัดไม้เด็ดเดิมพันให้ได้คว้าชัยชนะ เพื่อเป็นอีกก้าวปูทางไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่
ปักธง1ภาค1เก้าอี้นายกอบจ. ส้มเก็บชัยหรือระเนระนาด
นับถอยหลังสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ระหว่าง นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน และนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
จับตาคลอดโผแต่งตั้ง“นายพลใหญ่” ตำรวจคนสนิทฝั่งรัฐบาลพรึบยกแผง
จับตาบ่ายวันนี้ การแต่งตั้งโยกย้ายล็อตแรก “นายพลใหญ่” ระดับรอง ผบ.ตร. จเรตำรวจ-ผบช. ที่นายกฯ อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นัดประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 10/2567 เพื่อพิจารณาบัญชีรายชื่อ “พล.ต.อ.-พล.ต.ท.” วาระประจำปี 2567
ยากจะขวาง‘โต้ง’นั่งปธ.บอร์ดธปท. แนวต้านขอสกัดจนนาทีสุดท้าย!
แม้จะมีข่าวว่า กรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติเลือก เสี่ยโต้ง-นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่
'พงษ์ศักดิ์' แชมป์เก่า 6 สมัย ร้องประธาน กกต. สั่งระงับรับรองผลเลือกตั้งนายก อบจ.ขอนแก่น
นายพงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชกพงษ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น หมายเลข 2 ได้ทำหนังสือเข้าร้องเรียน ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หลังตรวจพบว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น หมายเลข 1 ได้หาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเฟสบุ๊ค จ
‘สนธิญา’ ยื่น กกต.สอบ ‘ทักษิณ’ ถือสัญชาติไทย-มอนเตฯ หรือไม่ เสี่ยงผิดกม.เลือกตั้งท้องถิ่น
สนธิญา ยื่น กกต.สอบ ทักษิณ ถือสัญชาติไทย-มอนเตฯ หรือไม่ เสี่ยงผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น-พรรคการเมือง-รธน. ห้ามคนต่างชาติเอี่ยวการเลือกตั้งทุกระดับ พ่วงร้องสอบหาเสียงหยาบคาบ เป็นเท็จ อาจทำเลือกตั้ง อบจ.อดุรฯ โมฆะ