ทวงสัญญารัฐบาลเพื่อไทย แก้กม.-ปล่อยตัวนักโทษม.112

การต่อสู้ของ “เนติพร เสน่ห์สังคม” หรือ “บุ้ง ทะลุวัง” ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ได้สิ้นสุดลง เพราะเธอจากไปขณะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ด้วยอาการหัวใจวาย เนื่องมาจากอดข้าวอดน้ำประท้วง เรียกร้องให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อสู้เกี่ยวกับสิทธิในการประกันตัว และปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม

แน่นอนว่าคนที่เสียใจมากที่สุดย่อมเป็นพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ส่วนคนอื่นๆ นั้นไม่ทราบ เพราะร้อยพ่อพันแม่ย่อมมีความคิดเห็นและความรู้สึกที่แตกต่างกันไป ที่สำคัญ การเสียชีวิตของผู้ต้องขังรายดังกล่าวกลายเป็นการจุดประเด็นขึ้นมาอีกครั้ง

เช่น ท่าทีของ พรรคก้าวไกล พรรคที่มีเป้าหมายตรงกับ บุ้ง-เนติพร มี สส.หลายคนออกมาเคลื่อนไหว โดยเฉพาะ “รังสิมันต์ โรม” จากนักเคลื่อนไหวทางสังคม สู่การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะที่เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม คนที่สอง สภาผู้แทนราษฎร

เขาให้สัมภาษณ์ว่า ในการประชุม กมธ. วันที่ 16 พ.ค. จะเสนอให้ กมธ.พิจารณาในกรณีที่เกี่ยวเนื่องกับบุ้ง ทะลุวัง ผู้ต้องขังคดี มาตรา 112 เสียชีวิตระหว่างคุมขัง ในประเด็นการนิรโทษกรรม เพื่อไม่ให้ผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง ซึ่งมีคดีผิดมาตรา 112 ต้องเสียชีวิตอีก

หากยังจำกันได้ “นิกร จำนง” ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาข้อมูลและสถิติคดีความผิดอันเนื่องจากแรงจูงใจทางการเมือง ได้เสนอต่อคณะ กมธ.วิสามัญนิรโทษกรรมฯ ให้ล้าง 25 ความผิดแรงจูงใจทางการเมือง ซึ่งรวมความผิดตามมาตรา 112 ไว้ด้วย

โดยขณะนี้อยู่ในส่วนความรับผิดชอบของ “ยุทธพร อิสรชัย” นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ในฐานะเป็นประธานคณะอนุ กมธ.จำแนกการกระทำ เพื่อประกอบการพิจารณาแนวทางตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งคาดว่าจะเสนอรายงานต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาได้ในช่วงเปิดประชุมสภาฯ สมัยหน้า

ทว่า เกือบทุกรัฐบาลมีการศึกษาเรื่องนิรโทษกรรมอยู่เสมอ และมีการพูดถึงความผิดตามมาตรา 112 ด้วยเช่นกัน แต่ไม่มีรัฐบาลใดได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องมาตราดังกล่าว จะมีก็เพียงการเสนอแก้ไขมาตราดังกล่าวของพรรคก้าวไกล แต่สุดท้ายถูกสกัดตีตก ไม่ได้รับการบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมของสภาฯ

โดยให้เหตุผลว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 "องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้"

ยิ่งดูเนื้อในสาระสำคัญของพรรคก้าวไกล ที่เสนอ ต้องการลดโทษของกฎหมายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ให้มีความสอดคล้องกับหลักสากล โดยให้เหลือเพียง จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (พระมหากษัตริย์) ยิ่งทำให้ สส.พรรคอื่นไม่เอาด้วย เพราะเห็นว่าสุดโต่งเกินไป ไม่สมเหตุสมผลกับการพิทักษ์รักษาสถาบันอันเป็นที่เทิดทูนของคนไทย แต่ขณะเดียวกัน ก็รู้อยู่แก่ใจยังมีคนอีกพวกหนึ่งใช้มาตรา 112 กลั่นแกล้งผู้ที่เห็นต่าง

ดังนั้น จึงยังไม่มีฝ่ายใดเสนอชัดเจนเท่ากับพรรคก้าวไกล และโยนให้เป็นเรื่องของคณะ กมธ.วิสามัญนิรโทษกรรมในการไปศึกษา แต่แล้วก็มีเหตุการเสียชีวิต “บุ้ง ทะลุวัง” เกิดขึ้น และส่อเค้าว่าจะไม่จบง่าย เพราะไทม์ไลน์การตายที่กรมราชทัณฑ์ออกมาแก้ต่างลิ้นพันให้ข้อมูลไม่ตรงกัน และไม่ชัดเจน เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนวิเคราะห์ได้ต่างๆ นานา

หลายฝ่ายเริ่มสงสัยว่าการจากไปของ “บุ้ง” เป็นไปตามธรรมชาติจริงหรือไม่ ฉะนั้นแล้ว การให้ข้อมูลที่แม่นยำจึงสำคัญมาก เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาเกี่ยวกับการดูแลนักโทษในคุก ทั้งนี้ ของแท้แน่นอนจะต้องรอฟังผลชันสูตรจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ขณะเดียวกัน เวลานี้มีการเรียกร้องให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบ และเริ่มขุดคุ้ยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนของพรรคแกนนำรัฐบาล พรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เคยบอกว่า จะไม่ยกเลิกมาตรา 112 แต่ต้องมาคุยกันในสภา เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และหากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะขอความเมตตาต่อศาล ว่า มีน้องๆ และผู้เห็นต่างทางการเมืองหลายคนที่ติดอยู่ในนั้น ขอให้มีการปล่อยตัว และต้องมีการแก้ไขระเบียบ ต้องกำหนดว่าใครเป็นคนฟ้อง อัตราโทษเราไม่สนับสนุนเอามาใช้เป็นเกมการเมือง เราต้องมีกฎหมายคุ้มครองประมุขรัฐ แต่ไม่เอามาใช้เป็นเกมการเมือง ต้องฟังเสียงประชาชน

สำหรับ “ภูมิธรรม เวชยชัย” ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเลขานุการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เคยให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่า "นักเรียน นักศึกษา ประชาชนที่ถูกกล่าวหาในคดีความทางการเมืองจากเหตุความคิดเห็นและความเชื่อที่แตกต่างต้องได้รับการประกันตัวและได้รับการพิจารณาคดีอย่างเที่ยงธรรม"

นอกจากนี้ยังคงต้องเฝ้าระวังอาการของ “ทานตะวัน ตัวตุลานนท์” เพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่ถูกคุมขังนอนอยู่ด้วยกันกับ “บุ้ง” ซึ่งขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ รพ.ธรรมศาสตร์ และมีภาวะซึมเศร้าภายหลังทราบเรื่องว่าเพื่อนของเธอเสียชีวิตลง

ขืนหากเกิดเรื่องซ้ำขึ้นอีกในเรือนจำ มีหวังองค์กรระหว่างประเทศตบเท้าขย่มไทยแหงๆ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แดน 5 ปลายทางชีวิต 'ผู้กำกับโจ้' หลายเงื่อนงำรอ 'ความจริงเปิดเผย'

การเสียชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ห้องในหมายเลข 50 แดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม เมื่อวันที่ 7 มี.ค.2568 เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจและความสงสัยอย่างมากในสังคม กรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมได้ชี้แจงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ ผู้กำกับโจ้ ดังนี้

‘ปชน.’ (ดื้อ) ไม่ถอดชื่อ ‘ทักษิณ’ ดึงเกมสภา ขอวันอภิปรายเพิ่ม?

จากข้อพิพาทการเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล หรือ ‘อภิปรายไม่ไว้วางใจ’ ภายหลัง ‘พรรคร่วมฝ่ายค้าน’ ใส่ชื่อ ‘นายใหญ่’ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะบิดา เพื่อซักฟอก ‘นายกฯ อิ๊งค์’ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นลูกสาว แต่เพียงผู้เดียว

“ไม่มีตัวปลอม”ในเวทีเจรจา เหตุใดไปไม่ถึงโจทย์ดับไฟใต้?

เหตุการณ์รุนแรงที่หน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) เสียชีวิต 2 ราย ยังไม่นับเหตุการณ์ในจุดอื่นที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอีกหลายราย

ปธ.สภาฯดับเครื่องชนฝ่ายค้าน สัมพันธ์ลึก ทักษิณ-วันนอร์ กับดีลการเมือง"เจ้าสัว"คนดัง

ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกมาให้สัมภาษณ์ 2 รอบย้ำชัดๆ ฝ่ายค้านต้องแก้ไขเนื้อหาใน ญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

'ขัดแย้งไป-เคลียร์ไป'ลากรัฐบาล คดีกวนใจ'นายใหญ่'กับเกมยึดอาวุธลับ

“ไม่สามารถคาดเดาว่าระเบิดลูกไหนจะทำงานก่อน และส่งผลให้เกิดการล้มกระดานไปเร็วก่อนครบวาระ จึงต้องค่อยๆ เก็บเบี้ยตัวสำคัญ และอาวุธลับที่ใช้เผด็จศึกศัตรูให้มาอยู่ในมือตัวเองมากที่สุด พร้อมไปกับเช็กทิศทางขององค์กรที่ชี้เป็นชี้ตาย”

รับฮั้ว สว.เป็นคดีพิเศษ เกมยาว 'สีน้ำเงิน-สีแดง'

คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติรับคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เป็นคดีพิเศษแล้ว ท่ามกลางกระแสความกดดันระหว่าง สว.สายสีน้ำเงิน ที่มีการเปิดศึกถล่มกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ถึงความโปร่งใสในกระบวนการยุติธรรม เพราะที่ผ่านมาดีเอสไอมักจะถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการเล่นงานฝั่งตรงข้ามรัฐบาลเสมอ