พท.ดึง “กัญชา” กลับยาเสพติด "กลบเกลื่อน" ผลงานไม่ตรงปก

รัฐบาลเศรษฐา 1/1 ชูธงนโยบายใหม่ปราบยาเสพติด ตั้งเป้าเปลี่ยนยาบ้าจาก 5 เม็ด เป็น 1 เม็ดเป็นผู้ค้า รวมถึงตีปี๊บดึงกัญชากลับเป็นยาเสพติดหวังดึงคะแนนเสียงจากสังคม อย่างเช่น ยุครัฐบาลทักษิณ ที่ได้รับเสียงชื่นชมมาแล้ว  

แต่อีกด้านหนึ่งก็ถุูกวิจารณ์ว่า การดันเรื่องนี้เพื่อหวังกลบเกลื่อนกลบกระแสความล้มเหลวผลงานของรัฐบาลนี้ ที่ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ตั้งแต่ครบ 1 ปี หลังเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.66 แถมถูกฝ่ายค้านด้อยค่าว่าเป็นนโยบายไม่ตรงปก 

 อาทิ ดิจิทัลวอลเล็ตแจกเงิน 1 หมื่น สภาพลูกผีลูกคน ถูกต่อต้านจากนักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงนิด้าโพลเคยเปิดผลสำรวจร้อยละ 34.66 ควรหยุดดำเนินการนโยบายนี้ได้แล้ว และร้อยละ 68.85 ไม่โกรธเลย หากนายกฯ จะยกเลิกนโยบายแจงหมื่น เว้นแต่พรรคร่วมรัฐบาลที่ยังสนับสนุน

รวมถึงการกินข้าว 10 ปี โชว์ในโครงการรับจำนำข้าว เพื่อนำไปขายต่างประเทศ ก็ถูกจับไต๋ว่ามีความพยายามรื้อฟื้นคดี หรือทำให้ดูเบาบางลง เพื่อช่วยนายหญิงเพื่อไทย ใช่หรือไม่  ส่วนแก้รัฐธรรมนูญ 60 ก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอีกต่อไปของรัฐบาลเพื่อไทย   

ขณะที่การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไม่คืบหน้า แถมยังถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นระบบ 2 มาตรฐาน เกิดวาทกรรมนักโทษเทวดาไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว

แตกต่างจากกรณี น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง ต้องสังเวยชีวิตตามอุดมการณ์ เนื่องจากอดข้าวประท้วงในเรือนจำ จากข้อเรียกร้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม สิทธิประกันตัวของผู้ต้องขังคดีการเมือง  

และก่อนการเลือกตั้ง “บุ้ง” และคณะ ก็เคยเลือกเดินทางไปพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองแรก เรียกร้องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมอีกด้วย แต่ขณะนั้น “ทักษิณ” บอกว่า “อย่าทะลุวังเลย มาทะลุทำเนียบฯ เถอะ”  

จวบทุกวันนี้ข้อเรียกร้องยังไม่ได้ตอบสนองจากรัฐบาลเพื่อไทย แม้แต่พ่วงหรีดแสดงความเสียใจต่อนักเคลื่อนไหวทางการเมืองรายนี้ยังไม่เห็น รวมถึงนักโทษการเมืองก็ถูกจองจำ ก็อาจสุ่มเสี่ยงเดินตามโมเดลบุ้งใช่หรือไม่     

กลับมาเรื่องนโยบายยาเสพติดของรัฐบาลเพื่อไทย ในส่วนของยาบ้า 1 เม็ด ในแง่กระแสสังคมไม่มีใครขวาง หากทำสำเร็จฝ่ายการเมืองอาจได้หน้า แต่ฝ่ายปฏิบัติซวยหรือแสวงหาผลประโยชน์จากเรื่องนี้หรือไม่ โดยเฉพาะเปิดช่องให้มีการยัดยาหรือไม่ รวมถึงสถานที่คุมขังนักโทษจะเพียงพอหรือไม่ ฯลฯ

ส่วนการดึงกัญชากลับเป็นยาเสพติด ติดปัญหาตรงเป็นนโยบายเรือธงของพรรคร่วมรัฐบาล อย่าง พรรคภูมิใจไทย ที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ยึดหลักการว่า 1.การใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์ สุขภาพ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เป็นนโยบายรัฐบาล

2.กระทรวงสาธารณสุข ทุกกระทรวง และทุกหน่วยงาน ซึ่งเป็นกลไกของรัฐบาล ต้องมีส่วนร่วมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลให้บรรลุผลสำเร็จ

3.พรรคภูมิใจไทยเสนอให้ออกกฎหมาย เป็นเครื่องมือทำให้นโยบายรัฐบาลประสบผลสำเร็จ และป้องกัน ควบคุม ลงโทษผู้กระทำความผิด

มีคำถามว่าเรื่องนี้จะสร้างความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ “อนุทิน” ยืนยันว่า ไม่มีหรอก เป็นเรื่องความคิดฐานข้อมูลไม่เท่ากัน ใครมีข้อมูลมากกว่าต้องทำให้เกิดความเข้าใจ จะนำกัญชาไปเป็นยาเสพติดหรือไม่ ถ้าอะไรที่เปลี่ยนแปลงจากประกาศปัจจุบัน ต้องเข้าคณะกรรมการยาเสพติดแห่งชาติตัดสิน เบื้องต้นขอให้กระทรวงสาธาณสุขไปทำงาน และนำเสนอข้อมูลถึงผลดี-ผลเสียของสายเขียวเสียก่อน   

สอดรับกับเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ให้รัฐบาลศึกษาผลกระทบจากกัญชาเทียบเคียงกับเหล้า บุหรี่ ว่ามีอะไรมีประโยชน์หรือโทษมากกว่ากัน พร้อมขู่ว่า หากยังมีการยืนยันกลับไปเป็นยาเสพติด ในวันที่ 9 มิถุนายน 2567 ซึ่งเป็นวันครบ 2 ปี ของการปลดล็อกกัญชา จะนัดชุมนุมใหญ่ที่ทำเนียบรัฐบาล ไม่นับเสียงจากผู้ลงทุน จะมีมาตรการเยียวยาหรือไม่จากนโยบายที่กลับไปกลับมา และอาจนำมาซึ่งความน่าเชื่อถือในสายตาโลก 

ขณะที่ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ที่รับเผือกร้อนนี้จากนายกฯ ต้องเร่งหาข้อมูลเพื่อนำเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ส. ที่มี พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน เป็นประธาน เพื่อดังกัญชากลับเป็นยาเสพติด โดยนายกฯ ให้เวลาทำงานถึงสิ้นปี 

เบื้องต้นจะหาข้อมูลถึงผลร้ายของกัญญาที่กระทบต่อสังคม และไม่ย้อนแย้งกับนโยบายของรัฐบาล ที่สนับสนุนเพื่อทางการแพทย์และ เศรษฐกิจ 

โดย “สมศักดิ์” ได้วางแนวทางจะให้กัญชาเป็น Soft Drug หรือยาเสพติดแบบอ่อน ผู้ที่ทำธุรกิจตรงนี้สามารถมาคุยกันได้ เพราะประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ.2565 ที่ลงนามตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ.2565 นั้น มีการกำหนดพืชหลายชนิดที่เป็น Soft Drug เช่น เห็ดขี้ควาย พืชฝิ่น 

 “ไม่ได้ห้ามเสียทั้งหมด แต่ที่จะทำในส่วนที่ป้องกันความเสียหายและอันตรายที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนในส่วนต่างๆ เป็นแนวทางที่รัฐบาลกำหนด”  

จึงต้องดูว่าวิศวกรการเมืองสมศักดิ์ ที่มาคุมกระทรวงหมอจะมีข้อมูลใหม่ทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือมาหักล้างมติ ป.ป.ส. เดิมที่ตัวเอง เคยนั่งเป็นรัฐมนตรียุติธรรมและเห็นประโยชน์ของกัญชา จนมีมติปลดล็อกในรัฐบาลบิ๊กตู่ได้หรือไม่   

แต่หาก 2 ปีที่ผ่านมา ยังไม่พบโทษต่อสังคมอย่างมีนัยสำคัญ ข้อเสนอออกพระราชบัญญัติ เพื่อควบคุมการใช้เพื่อสันทนาการก็เป็นทางออก

  สอดรับกับอดีตรัฐมนตรีกระทรวงหมอ “ชลน่าน ศรีแก้ว” ที่พยายามมาผลักดันกฎหมายเพื่อเสนอต่อ ครม. แต่ถูกปลดจากตำแหน่งไปเสียก่อน. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พ่อบงการ ลูกตามสั่ง

“พ่อบงการ ลูกตามสั่ง” ผ่าน “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” คงไม่เกินเลยความเป็นจริง เพราะเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ มีคำบัญชาผ่านเวทีต่างๆ รัฐบาลชุดนี้ก็สนองนโยบายทันที โดยไม่สนใจว่ารัฐบาลจะขาดความน่าเชื่อถือ และยำเกรงต่อกฎหมายมิให้คนนอกเข้ามาครอบงำแต่อย่างใด”.

ทักษิณไฟสุมขอน ‘รทสช.’ เขย่าบัลลังก์ ‘พีระพัง’

“สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” มอตโตขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จนถึงปัจจุบัน จากพรรคน้องใหม่ตอนนี้ทำงานมากว่า 3 ปีแล้ว โดยการนำของ “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค กุมทัพ 36 สส.ในปัจจุบัน

“รัฐบาล”ไฟลต์บังคับ “ทักษิณ”ได้แค่กร่าง

ดรามาปม “อีแอบ” อาจเป็นแค่ประเด็นโชว์กร่าง หวังกดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลสยบยอม หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ ที่มีสถานะเป็นพ่อนายกรัฐมนตรี ได้พ่นไฟระหว่างงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่ อ.หัวหิน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา

“พ่อเลี้ยง”เปลี่ยนสนามรบเป็นทุน “ดับไฟใต้-สันติภาพเมียนมา”

“ฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง” นับเป็นภาพการเมืองในฝ่ายบริหารที่ “วิญญูชน” พึงประจักษ์ได้ว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการขยับตัวและคำพูดของ “ทักษิณ ชินวัตร” วิทยากร-นักวิชาการของพรรคเพื่อไทย

47 เก้าอี้นายกฯอบจ. บ้านใหญ่ ลุ้นเข้าวิน-กินเรียบ!

คิกออฟ นับหนึ่งตั้งแต่จันทร์ที่ 23 ธ.ค.ที่เป็นวันแรกของการรับสมัครบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งนายกฯ อบจ. 47 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงที่ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ 76 จังหวัด

‘แม้ว’ ไล่ทุบ- ‘ภูมิใจไทย’ ไม่หมู ‘แดง-น้ำเงิน’ ทนอยู่แบบตบจูบ

นาทีนี้ศึกฝ่ายค้าน-รัฐบาลยังไม่เดือดเท่ากับศึกรัฐบาลด้วยกันเอง แรงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการขบเหลี่ยมของพรรคอันดับ 1 และพรรคอันดับ 2