เศรษฐา1/1เร่งเครื่อง ปม'พิชิต'ทำติดหล่ม หวังศาลรธน.เคลียร์จบ

ครม.เศรษฐา 1/1 หลังจากนี้ก็สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเป็นทางการ หลังเมื่อวันศุกร์ที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำ รมต.ที่ได้รับการแต่งตั้ง ที่มีทั้งรัฐมนตรีหน้าใหม่ รัฐมนตรีที่ปรับย้ายตำแหน่ง และรัฐมนตรีที่ได้ตำแหน่งเพิ่ม เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่

จุดที่ต้องติดตามต่อจากนี้ก็คือ การเริ่มทำงานของรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง-แต่ละคน หลังเข้าทำหน้าที่อย่างเป็นทางการ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีภารกิจสำคัญที่รอพิสูจน์การทำงานของแต่ละคน

อย่างเช่น รัฐมนตรีหน้าใหม่ป้ายแดง ก็มีบางคนถูกจับตามองเป็นพิเศษ เช่น

พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ที่จะมาทำหน้าที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล

แม้ ภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย จะเป็นทั้งรองนายกฯ ควบ รมว.พาณิชย์ หรือสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ ควบ รมว.คมนาคม แต่ด้วยชื่อชั้น-ประสบการณ์ อีกทั้งภารกิจที่ภูมิธรรม-สุริยะ รับผิดชอบ รวมถึงความถนัดส่วนตัวล้วนมีข้อจำกัด

อย่าง “ภูมิธรรม” ที่เชี่ยวกรากด้านการเมืองมากกว่าด้านเศรษฐกิจ ย่อมไม่สามารถมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจให้รัฐบาลได้

ทำให้พิชัยต้องมารับบทบาทดังกล่าวควบคู่ไปกับการเป็น ขุนคลัง 1 ของรัฐบาล ที่มีภารกิจสำคัญที่จะชี้ชะตา เก้าอี้ รมว.การคลัง ของพิชัย ว่าจะได้ไปต่อหรือหลุดจากตำแหน่งหากมีการปรับ ครม.รอบหน้า นั่นก็คือ การต้องเป็นกัปตันทีมในการผลักดันให้นโยบาย ดิจิทัลวอลเล็ต ไปถึงฝั่งให้ได้ ไม่ล่มกลางทางเสียก่อน หลังตอนนี้ยังมีเสียงทักท้วงอยู่ว่าไม่สามารถใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มาทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตได้ เพราะติดปัญหาข้อกฎหมาย ก็เป็นหน้าที่ของพิชัยต้องมาปลดล็อกตรงนี้ไปให้ได้

รวมถึงยังมีอีกหลายภารกิจที่รอขุนคลัง-พิชัย เข้าไปแสดงผลงานให้ ทักษิณ-เศรษฐา-ยิ่งลักษณ์ เห็นได้ว่า เลือกคนมาไม่ผิด หลังมีเสียงปรามาสว่า ได้ดีเพราะเคยเสนอตัวเป็น พยานคดีจำนำข้าว ให้กับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในชั้น ป.ป.ช.และศาลฎีกา ถึงขั้นไปขึ้นเบิกความต่อศาลฎีกา เพื่อเป็นพยานช่วยให้ยิ่งลักษณ์พ้นผิดมาแล้ว แม้ไม่สำเร็จเพราะศาลฎีกาสั่งตัดสินจำคุกยิ่งลักษณ์ แต่มันก็เป็นการซื้อใจทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ได้มากโข จึงตั้งพิชัยให้เป็นรองนายกฯ ควบขุนคลังในรอบนี้

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายภารกิจที่รอพิสูจน์ฝีมือ พิชัย-ขุนคลัง เช่น การต้องเทกแอ็กชันไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพื่อให้มีการปรับลดดอกเบี้ยลง

 หลังที่ผ่านมา เศรษฐา-นายกฯ และ รมว.การคลัง ออกโรงมาแล้วหลายรอบ แต่กดดัน ธปท.ไม่สำเร็จ จนต้องใช้วิธีการไปคุยเป็นการส่วนตัวกับผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ จนต่อมาธนาคารยอมปรับลดดอกเบี้ยลงมา 0.25 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็แค่ 6 เดือนเท่านั้น

ทำให้ต่อจากนี้ พิชัย-ขุนคลัง ต้องมารับไม้ต่อจากเศรษฐา เพื่อหาทางทำให้ ธปท.-กนง.ลดดอกเบี้ยลงมา ตามที่เศรษฐาส่งสัญญาณมาแล้วหลายรอบ

ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีบางคน โดยเฉพาะของ พรรคเพื่อไทย ที่ได้ต่อวีซ่า ยังไม่หลุดจากเก้าอี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะโดนริบเก้าอี้คืน โดยบางคนข่าวว่ารอด ไม่โดนปรับออกแบบฉิวเฉียด แต่ข่าวว่าก็หมดแรง-หมดกระสุนไปเยอะ

แต่บางคนยังได้อยู่ต่อแบบฉิวเฉียด แต่มีเงื่อนไขว่า การประเมินผลงานรอบต่อไปต้องมีผลงานมากกว่าที่ผ่านมา ถ้าไม่มีอะไรจับต้องได้ รอบหน้าก็เตรียมเก็บของออกจากห้องทำงานรัฐมนตรี

อย่าง บิ๊กทิน-สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ที่ยังได้อยู่ต่อ ทั้งที่โผที่ออกมาตอนแรกๆ บอกว่าหลุด พร้อมกับหมอชลน่าน ศรีแก้ว อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่สุดท้ายกลายเป็นหมอชลน่านที่กระเด็นจาก ครม. แต่สุทินยังได้อยู่ต่อ

กระนั้น สุทินก็มีหลายภารกิจที่ต้องสะสางและแสดงผลงานให้ทักษิณ-เศรษฐาเห็น อย่างเรื่องการ จัดซื้ออาวุธ ก็มีทั้งการต้องหาทางออก-ทุบโต๊ะจบปัญหาเรื่อง เรือดำน้ำจีน ให้ได้เสียที หลังคาราคาซังมานาน หรือจะไปจบที่ "เรือฟริเกต” มันก็ถึงเวลาที่สุทิน-กองทัพเรือ ต้องตัดสินใจได้แล้ว ที่คาดว่าจะต้องจบในช่วงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2568 ที่จะเข้าสภาหลังจากนี้ รวมถึงงบจัดซื้ออาวุธของเหล่าทัพอื่นๆ เช่น กองทัพอากาศ ที่ของบไว้ในร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2568 วงเงินกว่า 19,000 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อ เครื่องบินรบฝูงใหม่ เป็นต้น ทางตัวสุทินก็ต้องไปดำเนินการให้เรียบร้อย

ขณะเดียวกัน “สุทิน” ก็ยังมีภารกิจต้องรับผิดชอบเรื่องการจัดทำ ร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมฯ เพื่อเสนอประกบกับ ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่พรรคก้าวไกลเสนอเข้าสภา

พบว่าปัจจุบันร่างของพรรคก้าวไกลผ่านการรับฟังความคิดเห็นประชาชนผ่านเว็บไซต์ของสภามาแล้ว และมีคิวจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในสมัยประชุมที่จะถึงนี้

ซึ่งตามหลัก หากพรรคร่วมรัฐบาล-วิปรัฐบาลไม่เอาด้วย ก็คงต้องโหวตให้ตกไปตั้งแต่วาระแรก แต่ดูทรงแล้ว ฝ่ายรัฐบาล-พรรคร่วมรัฐบาลคงมีการเสนอร่างกฎหมายประกบกับของก้าวไกล เพื่อให้สภารับหลักการวาระแรก แล้วไปพิจารณาในชั้นคณะกรรมาธิการฯ เพื่อปรับแต่งเนื้อหาให้ออกมาลงตัวมากที่สุด

เรื่องนี้ สุทินเตรียมการไว้แล้ว ผ่านคณะทำงานของ รมว.กลาโหม ที่มีการซุ่มจัดทำร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่มีเนื้อหาบางมาตราที่เคยเป็นประเด็นให้ถกเถียงกันกว้างขวาง เช่น "การให้อำนาจนายกฯ โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี มีคำสั่งให้พักราชการทันที เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าข้าราชการทหารผู้ใดที่ใช้กำลังทหารเพื่อยึดหรือควบคุมอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินจากรัฐบาลหรือเพื่อก่อการกบฏ

ที่ฝ่ายรัฐบาลก็จะใช้เสียงข้างมากในสภาให้เอาร่างของกลาโหมเป็นร่างหลักในการพิจารณา ซึ่งในส่วนนี้ “สุทิน” ก็ต้องถือธงนำในการแสดงบทบาทในสภา ไม่ใช่ให้ฝ่ายก้าวไกลมาแย่งซีน เล่นบทนำ ในการผลักดันการแก้ไขกฎหมาย

เพราะหากสามารถปรับปรุงแก้ไขกฎหมายดังกล่าวที่เป็นกฎหมายสำคัญของวงการทหาร และเป็นกฎหมายที่เกิดขึ้นในยุครัฐประหาร คมช. จนมีการแก้ไขออกมา แล้วมีความเป็น ประชาธิปไตย มากขึ้น

หากออกมาแบบนี้ คนของเพื่อไทย คือ สุทิน-รมว.กลาโหม ก็ได้เครดิตไปเต็มๆ และเป็นการสกัดไม่ให้ก้าวไกลมาแย่งเอาหน้าไป

ซึ่งงานสภาแบบนี้ รับรองได้ สุทินช่ำชอง เชี่ยวกรากอยู่แล้ว เชื่อได้ว่าเผลอๆ ก้าวไกลอาจตามเกมสุทินไม่ทัน

นั่นก็คือ ภารกิจ-งานสำคัญบางส่วนที่รอรัฐมนตรีแต่ละคนในรัฐบาลให้เข้าไปแสดงผลงาน เพื่อที่ปรับ ครม.รอบหน้าจะได้อยู่ต่อ ไม่กระเด็นจาก ครม.

อย่างไรก็ตาม โฉมหน้า ครม.เศรษฐา 1/1 ก็ยังมีบางจุดที่ถูกมองว่าเป็น

รอยตำหนิ-จุดอ่อน

นั่นก็คือกรณี พิชิต ชื่นบาน เข้ามาเป็น รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่พิชิตมีชนักติดหลังในเรื่องคดีความ ถุงขนม 2 ล้านบาท

โดยแม้จะมีการอ้างจาก "เศรษฐา” ในฐานะผู้นำชื่อพิชิตขึ้นทูลเกล้าฯ ว่าได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติทางข้อกฎหมายกับคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว จนมั่นใจว่าพิชิตเป็น รมต.ได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเปิดเผยหนังสือตีตรา ลับมาก ของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ส่งถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ทำหนังสือถามความเห็นไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) พิจารณา

หนังสือ ลับมาก ดังกล่าว ทำให้สังคมเห็นความจริงว่า ประเด็นที่รัฐบาลส่งเรื่องให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีถามความเห็นกรรมการกฤษฎีกา เป็นการเลือกถามในประเด็นที่จะทำให้พิชิตได้รับการการันตีจากกฤษฎีกาว่าเป็นรัฐมนตรีได้ ที่อยู่ในรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (6) และมาตรา 160 (7)

แต่ประเด็นเรื่อง ความซื่อสัตย์สุจริต-มาตรฐานจริยธรรม ที่อยู่ในมาตรา 160 (4) ที่บัญญัติว่า "มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์" และ (5) "ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง"

ปรากฏว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่เป็นฝ่ายข้าราชการประจำ ที่ก็ต้องทำตามคำสั่งของฝ่ายการเมือง กลับไม่ได้ส่งไปถามคณะกรรมการกฤษฎีกาแต่อย่างใด

ทั้งที่สองประเด็นดังกล่าวคือ จุดสำคัญ ที่จะชี้ว่าพิชิตจะสามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้หรือไม่

ทำให้มองได้ว่า เหมือนมีความจงใจจะเลือกถามในประเด็นที่เป็นบวก-ประโยชน์ให้กับตัวนายพิชิตและนายกฯ ที่ต้องการเสนอชื่อพิชิตเป็นรัฐมนตรี ตามคำสั่งของทักษิณ

ปมปัญหาข้างต้นของพิชิต พบว่าตอนนี้มีการไปยื่นให้ กกต.พิจารณาส่งคำร้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งหากศาลเคลียร์ให้สะเด็ดน้ำ ก็จะทำให้ทุกข้อกังขากระจ่างชัด

ทั้งหมดปฏิเสธไม่ได้ว่า โฉมหน้า ครม.เศรษฐา 1/1 กรณีของพิชิต ชื่นบาน จึงกลายเป็นจุดตำหนิสำคัญที่ทำให้การปรับ ครม.รอบนี้ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมเท่าที่ควร. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ภูมิธรรม' มั่นใจ 'ทักษิณ' ลงอุดรฯ ปลุกกำลังใจสมาชิกพรรค เชื่อชาวอีสานยังรักพท.

'ภูมิธรรม' มั่นใจ 'ทักษิณ' ลงอุดรธานี ปลุกกำลังใจสมาชิกพรรค เชื่อชาวอีสานยังรักพรรคเพื่อไทย โบ้ยถาม 'นายกฯ' ขึ้นค่าแรง 400 บาททันเป็นของขวัญปีใหม่ หลังประชุม คกก.ไตรภาคี ล่มซ้ำซาก

ลุ้นองค์คณะฯอ่านคำพิพากษา ดับฝัน 'โจ๊ก-แมว9ชีวิต' กลับตร.

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา "บิ๊กโจ๊ก" - พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อตรวจสอบความชอบธรรมของคำสั่งให้ออกจากราชการ ซึ่งคดีนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ได้รับความสนใจ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจทางปกครองในระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

'พิชัย' รับเตรียมเสนอหลักการแจกเงินหมื่น คนอายุ 60 ปีขึ้น หลังทักษิณปราศรัยที่อุดรฯ

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีขึ้นปราศรัย เวทีหาเสียง นายก อบจ. อุดรธานี ที่เปรยว่า ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจะได้รับเงินหมื่นเร็วๆนี้