'ทักษิณ' เอฟเฟกต์! ส่อทำการเมืองไทยวนลูปเดิม

ช่วงที่ผ่านมาแม้จะมีประเด็นข่าวร้อนแรงมากมายแค่ไหน แต่มีบุคคลหนึ่งที่ถ้าอยู่ในหน้าข่าวเมื่อไหร่ มักจะสร้างประเด็นดรามาที่ต้องพูดถึงไม่หยุดกับพ่อใหญ่แห่งพรรคเพื่อไทย ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่ประเด็นการเข้ารักษาตัวโดยด่วนที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในวันแรกที่ถึงไทย, ไม่เคยนอนในเรือนจำ แม้กระทั่งเดินสายพบปะคนเสื้อแดงที่เชียงใหม่ เข้าเดินทางไปที่ทำการพรรคเพื่อไทยหลังจากออกจากโรงพยาบาลตำรวจได้ไม่นาน

ล่าสุดมีประเด็นที่ "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ภาพทักษิณ ผู้พ่อ ผ่านในอินสตาแกรมส่วนตัว @ingshin21 ซึ่งเป็นภาพขณะที่ "ตาโทนี่" กำลังเล่นน้ำกับหลานๆ อย่างมีความสุข พร้อมระบุข้อความว่า “วันหยุด ณ บ้านตาตา สนุกสนานไม่อยากกลับกันเลยยย"

ซึ่งถ้าจะเล่นกันเงียบๆ ก็ไม่เกิดเรื่อง แต่นี่คือโพสต์โจ่งแจ้งอีกทั้งรูปดังกล่าวทักษิณยังยกดัมเบลในน้ำโชว์ความแข็งแรง ก็ยิ่งตอกย้ำและเป็นหลักฐานชั้นดีว่าอาการสุขภาพของทักษิณดูแข็งแรงมากขึ้นดั่งเวทมนตร์กว่าตอนที่อยู่ในโรงพยาบาลมานานกว่า 6 เดือน

แม้กระทั้งฝั่งส้มเองนำโดยรังสิมันต์ โรม สส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ยังเคยฉะประเด็นดังกล่าวว่า "กระบวนการที่ทำให้ทักษิณได้รับพักโทษนั้นตกลงมาตรฐานอยู่ตรงไหน ยิ่งออกกำลังกายได้ก็ยิ่งสะท้อนว่าไม่ได้มีอาการป่วยแบบที่ผลของการประเมินอาการป่วยได้ 9 คะแนน ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ออกมาแย่ขนาดนั้น"

ทางด้าน "หมอวรงค์" นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ฟาดแรงไม่หยุดกับเรื่องนี้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว พูดถึงการที่อุ๊งอิ๊งโพสต์ภาพนักโทษที่อยู่ในระหว่างพักโทษกรณีพิเศษ ยกดัมเบลเล่นกับหลานในสระน้ำว่า..นี่หรือนักโทษที่ต้องพักโทษกรณีพิเศษ เพราะอายุเกิน 70 ปี และช่วยตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ว่าอุ๊งอิ๊ง รู้หรือไม่ว่า หลักการพักโทษกรณีพิเศษ จากเงื่อนไขอายุเกิน 70 ปี และช่วยตัวเองไม่ได้ จากการประเมินคะแนนช่วยเหลือตัวเองได้ 9 คะแนน นั่นหมายถึงสภาพที่ย่ำแย่

มีปัญหาทั้งการกินอาหาร ใส่เสื้อผ้า เดินไปมา ขึ้นลงบันได ลุกจากเตียง ล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำ ใช้ห้องน้ำ กลั้นอุจจาระ กลั้นปัสสาวะ เขาใช้หลักมนุษยธรรม เพื่อให้มาใช้ชีวิตบั้นปลาย สำหรับคนที่ช่วยตนเองไม่ได้ และไม่ให้เป็นภาระกับทางเรือนจำ จึงให้การพักโทษกรณีพิเศษ

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีเพียงแต่นักการเมืองที่ออกมาพูดในประเด็นนี้ แต่สื่อและสังคมได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันว่า "นักโทษเทวดาไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว" หรือแม้กระทั่งใช้คำว่า "ป่วยปลอม"

ถ้าทักษิณอดทนหน่อยยอมเข้าเรือนจำ ยอมอยู่ในคุกเพียงไม่ถึง 1 ปี ตอนออกมาเหล่ามวลชนหรือแม้กระทั่งคนนอกก็จะยอมรับว่าเป็นวีรบุรุษ ที่ทุกฝ่ายจะยอมรับมากกว่านี้

ภาพดังกล่าวนอกจากเป็นภาพลบของตัวเองแล้ว ยังทำลายศรัทธาลามไปถึงรัฐบาลของ นายเศรษฐา ทวีสิน ที่รับรู้กันดีว่า "ช่วยเหลือเพื่อนาย" เพราะด้วยตัวภาพเอง จะเห็นได้ว่าแทบไม่เหลือร่องรอยของผู้ป่วยขั้นวิกฤตที่เป็นเงื่อนไขสำหรับการ “พักโทษ” ของกรมราชทัณฑ์เลยแม้แต่น้อย

เรียกว่าทักษิณกำลังดูถูกคนไทยทั้งประเทศ "ไม่ต่างจากการท้าทายความรู้สึกของสังคม" แม้ว่านาทีนี้คงไม่อาจทำอะไรได้มากมาย แต่ก็เพิ่มอารมณ์สะสมขึ้นทุกวัน และที่สำคัญก็คือ ยังเป็นการสะสมความเสื่อมศรัทธา เกิดภาพลบมากขึ้นเรื่อยๆ

อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างมาก แม้ว่าการที่ทักษิณกลับมายังพรรคของตัวเอง เพื่อกู้วิกฤตหลังจากที่การเลือกตั้งที่ผ่านมาต้องพ่ายแพ้พรรคก้าวไกล โดยทั้งแพ้จำนวนคะแนนและจำนวน สส. แต่ที่วิกฤตยิ่งกว่าคือคนที่เบื่อหน่ายกับการเมืองเดิมๆ บางคนก็อาจจะเลิกเลือกพรรคเพื่อไทยไปเลย แล้วหันไปเลือกพรรคก้าวไกลซึ่งเป็นน้องใหม่ในการเมืองไทย

ซึ่งดีไม่ดีก็อาจจะแพ้พรรคก้าวไกลอีกครั้ง เพราะประเด็นเหล่านี้ ที่แม้จะเป็นประเด็นยิบย่อย แต่ก็คอยกัดกินให้พรรคเพื่อไทยถดถอยลงไปเรื่อยๆ

นอกจากนี้ยังทำให้เจ้าหน้ากรมราชทัณฑ์ หมอ หรือรัฐมนตรียุติธรรม ต้องถูกตั้งคำถามถึงการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ทุจริตในขั้นตอนไหน และองค์กรที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบเรื่องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กำลังทำอะไรกันอยู่ โดยจากประเด็นดังกล่าวได้มีคนมายื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในกรณีการร้องเรียนให้ตรวจสอบอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลตำรวจ และฝ่ายการเมืองผู้เกี่ยวข้องในกรณีพิจารณาอนุญาตให้ทักษิณ ผู้ต้องขังเด็ดขาดไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลภายนอกเรือนจำ จนกระทั่งถึงวันพักโทษ ว่ามีพฤติการณ์เอื้อประโยชน์และกระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่

ป.ป.ช.ได้มีการรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว โดยคาดว่าจะใช้เวลานานพอสมควรในการตรวจสอบ เพราะจะต้องดูทั้งข้อกฎหมาย รวมถึงพยานหลักฐานทุกคนที่เข้ามาชี้แจงว่าท้ายที่สุดแล้วดำเนินการถูกต้องหรือไม่

เรื่องดังกล่าวทำให้นึกถึงการรวมหัวกันทุจริตโครงการรับจำนำข้าวสมัย "นายกฯ ปู" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในอดีตที่ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเปลี่ยนขั้วอำนาจถูกเช็กบิลภายหลัง เหล่าลูกน้องทั้งหลายต่างเอาตัวไม่รอดเข้าคุกกันเป็นว่าเล่น ในขณะที่ยิ่งลักษณ์ลี้ภัยออกนอกประเทศได้โดยไม่บอกกล่าว หรือพาลูกน้องตัวเองไปด้วย

สุดท้ายแล้วการเมืองไทยก็กลับมาวนลูป นักการเมืองกลับมาเรืองอำนาจ บางกลุ่มใช้อำนาจโดยไม่ชอบทุจริตกันเป็นว่าเล่น และสุดท้ายแล้วก็เกิดการชุมนุมประท้วง ความรุนแรงก็บังเกิด ส่งผลให้ทหารต้องออกมาหยุดความรุนแรงโดยใช้การ "ปฏิวัติรัฐประหาร" เป็นตัวจบสงครามในเฟสนั้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตั้งกลุ่มสว.สีเขียว-ปิดดีล'อยู่บำรุง' 'บ้านป่าฯ'ยังมีของไม่วางมือ

การขยับทางการเมืองของ บ้านป่ารอยต่อฯ ภายใต้การนำของพี่ใหญ่ตระกูล วงษ์สุวรรณ บิ๊กป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในช่วงนี้น่าสนใจไม่น้อย ทั้งกระแสข่าวดึงสมาชิกวุฒิสภา (สว.)

พรรคร่วมรัฐบาลขอเขย่า ไม่ตกเป็น'หมูในอวย'พท.

แม้ว่าพรรคร่วมรัฐบาล นำโดยพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ฯลฯ จะยอมผ่านเรือธงของพรรคเพื่อไทย โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 1 หมื่นบาทให้แก่ประชาชนจำนวน 50 ล้านคน

‘อยู่บำรุง’ อยู่บ้านป่า เลือกนายดูนํ้าใจ ‘เหลิม’ รอเพื่อไทยขับ ‘วัน’ เปิดตัว พปชร. 23 ก.ค.

"ทักษิณ" หอบหลานไปเลี้ยงที่เขาใหญ่ “อนุทิน” เปิดรีสอร์ตต้อนรับ ร่วมร้องเพลงสนุกสนาน "เหลิม-วัน" ซบพลังประชารัฐ ปิดดีล ของแท้ เปิดตัว 23 ก.ค. เผยสัมพันธ์

'อิ๊งค์-ทักษิณ' พาครอบครัวเที่ยวสุดสัปดาห์ที่เขาใหญ่ 'อนุทิน' เปิดรีสอร์ต ต้อนรับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมกับครอบครัว ได้ใช้ช่วงสุด

ชี้ 'ทักษิณ' พ้นโทษ 'เศรษฐา' จะมีความทุกข์อย่างมากที่สุด

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ช่วงหนึ่งถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม บอกทักษิณ ชินวัตร พ้นโทษแล้วสามารถช่วยงานรัฐบาล และเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้นั้น

แจกเงินดิจิทัล1หมื่นบาท ปิดปาก 'ปุ๋ย คนละครึ่ง'?

รัฐบาลเพื่อไทยนำโดย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ผนึกกำลัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ