ลดความเสี่ยง‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ปรับ ครม.เค้นผลงานรัฐบาล

“หากต้องการให้พรรคเพื่อไทยสกัดพรรคก้าวไกล จำเป็นที่จะต้องให้พรรคเพื่อไทยได้แสดงฝีมือ และให้อาวุธในการต่อสู้ หากคอยตีกรอบไม่ให้ขยับอะไร พรรคเพื่อไทยย่อมไม่มีผลงานเอาไปฟาดฟันกับสิ่งที่ฝ่ายกุมอำนาจต้องการสกัดกั้น”

เรือธง ล้มไม่ได้ เพราะมีผลต่อเครดิตของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะในปัจจุบันหรืออนาคต สำหรับโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท

จึงไม่แปลกที่ รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน จะเดินหน้าโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทต่อ แม้ใครต่อใครจะเย้ยหยันว่าโครงการนี้ไม่มีทางจะถึงฝั่งฝัน หรือสารพัดฝ่ายต้านจะออกแรงคัดค้านมากแค่ไหนก็ตาม

รัฐบาลเศรษฐา เลือกที่จะลดความสุ่มเสี่ยงต่อตัวเอง ด้วยการถอยไม่ใช้วิธีกู้เงินด้วยการร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อไม่ให้ขัด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561

และถอยไม่แจกทุกคนเหมือนตอนหาเสียง ด้วยการเปลี่ยนมาเป็นกำหนดกลุ่มเป้าหมาย 50 ล้านคน โดยคนที่ได้จะต้องมีอายุ 16 ปีขึ้นไป ณ เดือนที่มีการลงทะเบียน ไม่เป็นผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี นอกจากนี้จะต้องมีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท   

ขณะเดียวกัน รัฐบาลเปลี่ยนจากการจะกู้เงินมาเป็นการใช้งบประมาณปกติ จาก 3 แหล่งที่มา โดยการใช้งบประมาณปี 2567 ปี 2568 และใช้มาตรา 28 ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐฯ ที่บัญญัติว่า  

“การมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐดําเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการ โดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดําเนินการนั้น ให้กระทําได้เฉพาะกรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของหน่วยงานของรัฐนั้น เพื่อฟื้นหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพหรือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน หรือเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยหรือการก่อวินาศกรรม…”

ซึ่งรัฐบาลเลือกใช้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

ไม่กู้ ไม่แจกทุกคน เพื่อให้โครงการนี้เกิดให้ได้!

และแม้เลือกวิธีนี้แล้วจะยังมีเสียงคัดค้านหรือข้อห่วงใยจากหลายๆ ภาคส่วนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือฝ่ายค้าน แต่ดูแล้วคงไม่สามารถยับยั้งโครงการนี้ได้ เพราะรัฐบาลเองก็มั่นใจว่าวิธีการนี้ไม่ขัดกฎหมาย และถูกเย้ยหยันน้อยที่สุด

โดยโครงการนี้จะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งมีโอกาสสูงที่ประชาชนจะมีเงิน 1 หมื่นบาทไว้จับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นอย่างช้า

แน่นอนว่า โครงการนี้แม้จะมีหลายฝ่ายไม่เห็นด้วย แต่ในทางการเมือง รัฐบาลไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเดินหน้าเพื่อให้โครงการนี้เกิดขึ้นให้ได้

ภาคส่วนอื่นอาจจะห่วงเรื่องความเสียหาย แต่สำหรับพรรคเพื่อไทย หากโครงการนี้แท้งถือว่าเสียหายมหาศาล

แบรนด์ของพรรคเพื่อไทยตั้งแต่อดีตสมัยเป็นพรรคไทยรักไทยคือ ความเป็นมือโปรด้านเศรษฐกิจ ทุกนโยบายเรือธงได้รับการขับเคลื่อนจนเป็นที่กล่าวขาน ไม่ว่าสุดท้ายแล้วผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรก็ตาม หากโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ จึงเท่ากับทำลายเครดิตที่ตัวเองสะสมมาทั้งหมด

มันจะเป็นเรื่องตลกและปมด้อยที่คู่แข่งในสนามเลือกตั้งจะนำไปใช้เพื่อเย้ยหยัน!

ขณะที่ในมิติทางการเมือง หากจะการมองว่าฝ่ายกุมอำนาจยอมให้พรรคเพื่อไทยทำแล้วนั้น คงไม่ผิดจากความเป็นจริงนัก ในเมื่อจะยืมมือ พรรคเพื่อไทย และ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สกัดพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งหน้า 

หากต้องการให้พรรคเพื่อไทยสกัดพรรคก้าวไกล จำเป็นที่จะต้องให้พรรคเพื่อไทยได้แสดงฝีมือ และให้อาวุธในการต่อสู้ หากคอยตีกรอบไม่ให้ขยับอะไร พรรคเพื่อไทยย่อมไม่มีผลงานเอาไปฟาดฟันกับสิ่งที่ฝ่ายกุมอำนาจต้องการสกัดกั้น

ต่อจะให้ชอบใจหรือไม่ชอบใจ แต่บางอย่างต้องปล่อยให้พรรคเพื่อไทยได้ทำ เหมือนกับที่ต้องยอมกลั้นใจให้ ทักษิณ ได้เคลื่อนไหวเพื่อสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ยังอยู่ระหว่างการพักโทษ

ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องปล่อยให้พรรคเพื่อไทยสร้างผลงานอย่างเต็มที่ หลังจาก 7 เดือนที่ผ่านมา คะแนนนิยมของรัฐบาลไม่กระเตื้อง ไม่มีผลงานที่ถูกกล่าวขานเลย

ความเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ที่มีมากขึ้นและต่อเนื่อง คือเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่ากำลังกู้ความนิยมให้กลับมา

ทักษิณ ไม่มีทางที่จะได้รับอิสระในการเคลื่อนไหว หากไม่ได้รับไฟเขียวจากผู้กุมอำนาจ

ขณะเดียวกัน กระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังเทศกาลสงกรานต์ก็เป็นส่วนหนึ่งในการกอบกู้เรตติ้ง หลังรัฐมนตรีหลายคนใน ครม.เศรษฐา 1 ไม่สามารถผลิดอกออกผลในแง่ผลงานออกมาได้

หลายกระทรวงที่เคยเป็นพระเอกสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน เงียบเชียบ ทั้งที่ควรจะเป็นหน้าเป็นตาให้กับรัฐบาลชุดปัจจุบัน

โดยมีรายงานออกมาว่า ทันทีที่ผ่านพ้นเทศกาลแห่งความสุขของคนไทย การปรับ ครม.จะเกิดขึ้น โดยเป็นการเพิ่มมืออาชีพเข้ามาเสริม และสลับตำแหน่งกับรัฐมนตรีบางคนที่ไม่มีผลงาน แต่ไม่สามารถเขี่ยพ้นวงจรได้ และดีดบางคนออกหลังต่างตอบแทนเรียบร้อยแล้ว

โดยเฉพาะตำแหน่งสำคัญอย่าง ขุนคลัง ที่มีรายงานว่า นายเศรษฐาจะขยับตัวเองจาก รมว.การคลัง เปิดทางให้ พิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มาเป็น รมว.การคลังแทน ขณะที่ตัวเองที่สร้างความคุ้นเคยกับเหล่าทัพมาระยะหนึ่งแล้ว จะไปควบ รมว.กลาโหมแทน

ขณะที่รัฐมนตรีที่ได้รับตำแหน่งใน ครม.ชุดแรก จากการต่างตอบแทนในสนามเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม และนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อาจจะต้องกระเด็นออกไป

เช่นเดียวกับหลายกระทรวงที่ผลงานควรจะปัง แต่กลับเงียบเกินไป ผิดแปลกแบรนด์พรรคเพื่อไทย อาจจะต้องโดนสลับเพื่อให้งานมีประสิทธิภาพกว่านี้ เช่น น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา แกนนำกลุ่มโคราช ที่มีกระแสข่าวว่าผู้ใหญ่ในพรรคยังไม่ปลื้มกับผลงาน อาจจะถูกโยกไปเป็น รมว.วัฒนธรรมแทน

นอกจากนี้ยังอาจจะใช้โอกาสตอบแทนคนที่เคยยอมเปลืองตัวให้ ทักษิณ และ พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะในรายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่สมัยเป็น รมว.ยุติธรรม ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล้าออกระเบียบราชทัณฑ์เรื่องการคุมขังนอกเรือนจำ ที่ใครต่อใครมองว่าดูเอื้อให้กับ ทักษิณ และองคาพยพ

ซึ่งแม้นายสมศักดิ์จะได้เป็นรองนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่ถือเป็นตำแหน่งที่ขาลอย ไม่มีกระทรวงให้กำกับ ฉะนั้นจึงอาจจะใช้โอกาสนี้ปูนบำเหน็จให้เพื่อเป็นการตอบแทน ตามนิสัยของ ทักษิณ ที่มักจะให้โบนัสกับคนที่สู้ถวายหัว หรือมีบุญคุณกับตัวเอง

โดยรวมแล้ว ครม.เศรษฐา 2 จะเป็นการเรียกผลงานโดยทยอยใส่มืออาชีพ และต่างตอบแทนบางคนที่ควรจะได้รับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ธรรมนัส' รูดซิปปาก! ไม่รู้ 'วัน อยู่บำรุง' ย้ายซบพลังประชารัฐ เรื่องของบิ๊กป้อม

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงกรณี นายวัน อยู่บำรุง อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย จะย้ายไปสมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐในวันอังคารที่ 23 ก.ค.นี้โดยระบุสั้นๆว่า ตนไม่ทราบ

แอคชั่นทันที! นายกฯมาเอง ลงพื้นที่ห้วยขวาง สั่งสอบป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ต

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สน.ห้วยขวาง ติดตามสอบถามข้องเท็จถึงกรณีที่พบมีการติดแผ่นป้ายโฆษณาซื้อขายหนังสือเดินทางและพาสปอร์ตที่แยกห้วยขวาง พบว่ามีการขึ้นป้ายดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2567 เนื้อหาเป็นข้อความเกี่ยวกับการรับจ้างทำหนังสือเดินทาง

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป

ตั้งกลุ่มสว.สีเขียว-ปิดดีล'อยู่บำรุง' 'บ้านป่าฯ'ยังมีของไม่วางมือ

การขยับทางการเมืองของ บ้านป่ารอยต่อฯ ภายใต้การนำของพี่ใหญ่ตระกูล วงษ์สุวรรณ บิ๊กป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในช่วงนี้น่าสนใจไม่น้อย ทั้งกระแสข่าวดึงสมาชิกวุฒิสภา (สว.)