การเดินทางเข้าพรรคเพื่อไทยของ ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะ เจ้าของพรรค-หัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริง วันอังคารที่ 26 มี.ค.นี้ ถ้าไม่มีการยกเลิกเสียก่อน แต่ก็พบว่า กระแสข่าวดังกล่าวค่อนข้างคอนเฟิร์มว่าทักษิณไปแน่
อ่านทางไว้ว่า ตัวทักษิณ-แกนนำพรรคเพื่อไทย คงระมัดระวังตัวพอสมควร กับทุกจังหวะก้าวย่างเมื่อไปปรากฏตัว ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย
ตัวทักษิณคงไม่ “ทิ้งไพ่โง่” ทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงจะถูกร้องตามมาว่าทำผิด พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ ซึ่งจะทำให้พรรคเพื่อไทย และลูกสาว อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยตกม้าตายง่ายๆ ถ้ามีคนไปร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าพรรคเพื่อไทยทำผิด พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ มาตรา 28 และมาตรา 29 ที่มีเนื้อหาคือ
มาตรา 28 ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่น ซึ่งมิใช่สมาชิก กระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
มาตรา 29 ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงำหรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
เพราะด้วยตัวทักษิณ เคยต้องคำพิพากษาในคดีอาญา-ทุจริตฯ ที่ตัดสินให้จำคุก อีกทั้งยังเคยถูกศาลฎีกาฯ สั่งยึดทรัพย์ จึงทำให้ไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้ ดังนั้นหากการไปที่พรรคเพื่อไทยของทักษิณ แล้วแสดงพฤติการณ์บางอย่างทางการเมืองที่สุ่มเสี่ยง เช่น ไปกล่าวในที่ประชุม สส.พรรค ที่ส่วนใหญ่ก็จะประชุมกันทุกวันอังคารอยู่แล้วในช่วงบ่าย ถ้าแบบนี้ก็โดนร้อง กกต.แน่
แต่ก็เชื่อว่า ทักษิณ-แกนนำพรรคเพื่อไทยคงไม่ทำอะไรโง่ๆ ที่สุ่มเสี่ยงให้ถูกร้อง กกต. แม้ต่อให้จะคุยกันภายใน ไม่ให้สื่อมวลชนเข้าร่วมบันทึกภาพ-สังเกตการณ์ เว้นแต่ทักษิณจะคุยแบบวงซูเปอร์วีไอพีของพรรคเพื่อไทย ที่มั่นใจได้ว่าไม่มีอะไรหลุดออกไปจริงๆ เท่านั้น
จึงทำให้คาดว่า การไปที่พรรคเพื่อไทยคงน่าจะเป็นลักษณะอีเวนต์การเมืองของทักษิณ ที่ต้องการอยากไปเห็นตึกที่ทำการพรรคเพื่อไทย-ห้องสมุดพรรคเพื่อไทย-มุมกาแฟในพรรคเพื่อไทย-ห้องประชุมพรรค-ห้องทำงานของอุ๊งอิ๊งที่พรรคเพื่อไทย เพื่อรำลึกความหลังทางการเมืองของตัวเอง เพื่อปลุกพลังการเมือง ที่จะทำทุกอย่างให้เพื่อไทยกลับมาเป็นพรรคการเมืองที่มีกระแสนิยมเป็นอันดับหนึ่ง ไม่ใช่พรรคก้าวไกลในปัจจุบัน
เพราะอย่างที่เห็น รัฐบาลเพื่อไทยโดยการนำของเศรษฐา ทวีสิน บริหารประเทศมา 7 เดือนแล้ว แต่ก็ยังสอบไม่ผ่านในความรู้สึกประชาชน ที่มองว่า เศรษฐายังไม่ใช่นายกฯ ตัวจริง อีกทั้งไม่มีผลงานที่จับต้องได้มากนัก ซึ่งหากสถานการณ์เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ มันสุ่มเสี่ยงที่เลือกตั้งรอบหน้าจะแพ้ให้กับก้าวไกลอีก แม้ต่อให้พรรคก้าวไกลโดนยุบพรรคจากศาลรัฐธรรมนูญแต่ก็จะมีพรรคใหม่สีส้มเกิดขึ้นมารับช่วงต่อ
จุดนี้ เห็นได้ชัดเจนจากผลโพลของ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” ที่ออกมาล่าสุดเมื่อ 24 มี.ค.
ซึ่งในคำถามที่ว่า บุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 42.75 ระบุว่าเป็นพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล อันดับ 2 ร้อยละ 20.05 ระบุว่ายังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 3 ร้อยละ 17.75 เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย อันดับ 4 ร้อยละ 6.00 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
และเมื่อถามถึง พรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 48.45 ระบุว่า พรรคก้าวไกล, อันดับ 2 ร้อยละ 22.10 พรรคเพื่อไทย, อันดับ 3 ร้อยละ 12.75 ระบุว่ายังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้
โพลที่ปรากฏแสดงให้เห็นว่า คะแนนนิยมทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ทั้งคะแนนพรรคและคะแนนตัวบุคคล คือ เศรษฐา กับอุ๊งอิ๊ง ตามหลังพรรคก้าวไกล-พิธาแบบห่างหลายช่วงตัว ทั้งที่เพื่อไทย-เศรษฐาเป็นรัฐบาล เป็นนายกฯ ที่กุมอำนาจรัฐ สามารถใช้กลไกรัฐออกนโยบายหรือแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ทันที อีกทั้งตกอยู่ในโฟกัสการเมืองของสังคมมากกว่าก้าวไกลและพิธา แต่คะแนนนิยมของเพื่อไทย-เศรษฐากลับตามหลัง ก้าวไกล-พิธามากขนาดนี้
มันจึงเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นแล้วว่า สถานการณ์การยอมรับ-กระแสนิยมของประชาชนที่มีเพื่อไทยและเศรษฐา น่าเป็นห่วง เพราะยิ่งนานไปยิ่งถูกก้าวไกลทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ
ทำให้ทักษิณก็ต้องคิดวางแผนและเตรียมขยับ หลายจังหวัด เพื่อทำให้กระแสนิยมของเพื่อไทย-อุ๊งอิ๊ง-รัฐบาลตีตื้นขึ้นมาให้ได้
เชื่อได้ว่าอย่างไรเสีย ทักษิณคงรู้ตัวดีว่า การที่เขาขยับทางการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงต่อจากนี้ ว่าไปแล้วก็ไม่เป็นผลดีต่อพรรคเพื่อไทยเช่นกัน เพราะจะยิ่งทำให้สิ่งที่พรรคเพื่อไทยพยายาม “รีแบนด์” กันมาก่อนหน้านี้ เช่น เอาคนรุ่นใหม่ขึ้นมาเป็นกรรมการบริหารพรรคกันเกือบยกแผง รวมถึงพยายามผลักดันคนรุ่นใหม่ในพรรคให้มีบทบาทการเมืองทั้งในสภาฯ และนอกสภาฯ มากขึ้น ตลอดจนพยายามพรีเซนต์นโยบายหลายอย่างเพื่อเอาใจคนรุ่นใหม่-กลุ่มชนชั้นกลาง เช่น นโยบาย soft power ที่ก็ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
แต่สุดท้าย พอเจอเคสทักษิณที่ใช้เหลี่ยมคูทางกฎหมาย จนทำให้ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว ซึ่งประชาชนหลายคนรับไม่ได้ แล้วมาตอนนี้ทักษิณขยับหนัก และขยับเข้ามาถึงพรรคเพื่อไทยมากขึ้นเรื่อยๆ อันเป็นดีเอ็นเอทางการเมืองของทักษิณ
ที่ชอบเล่นบท เพลย์เมกเกอร์ทางการเมือง ที่ต้องคอนโทรลทางการเมืองทุกอย่างในมือ เสมือนพรรคการเมืองเป็นบริษัทจำกัด แล้วตัวเองเป็นซีอีโอ
สุดท้าย การรีแบรนด์พรรคเพื่อไทยที่คนในพรรคทำกันมา ก็วนลูป ไม่มีอะไรใหม่ เพราะยังต้องยึดติดกับทักษิณที่เป็นศูนย์กลางทุกอย่างของเพื่อไทย
สิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้ประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ๆ หรือแม้แต่คนที่อาจชอบเพื่อไทยแต่ไม่ใช่แบบแฟนพันธุ์แท้มากนัก ย่อมเห็นว่า เพื่อไทยสร้างภาพรีแบรนด์พรรคแต่สุดท้ายทำไม่ได้จริง ก้าวข้ามไม่พ้นทักษิณ ผลที่ตามมา คนกลุ่มนี้ก็จะยิ่งถอยห่างเพื่อไทย รวมถึงไม่ยอมรับในตัวรัฐบาล-นายกฯ เศรษฐาตามไปด้วย
การขยับทางการเมืองของทักษิณ แน่นอนว่ามันสร้างความฮึกเหิมให้กับ สส.-สมาชิกพรรค ว่านายใหญ่ที่เป็นศูนย์รวมทุกอย่างของเพื่อไทยกลับมาแล้ว แต่ทักษิณกับเพื่อไทยก็มีสิ่งที่ต้องจ่ายเช่นกันเมื่อคิดจะเล่นเกมนี้ โดยฝ่ายที่จะได้เก็บแต้มไป โดยเฉพาะระยะยาว ก็คือ พรรคก้าวไกล.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เพิกถอนที่ดิน “อัลไพน์” ระวังซ้ำรอยค่าโง่พันล้าน
ขณะที่พรรคเพื่อไทย โดย “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม กำกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จากพรรคเพื่อไทย กำลังรุกไล่พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทย ในคดี ที่ดินเขากระโดง โดยกดดันต่อสังคมว่า กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ไม่ยอมเพิกถอนที่ดินประมาณ 5,000 กว่าไร่ ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาและศาลปกครอง
วิถี ‘ผู้นำ’ ตระกูลชินวัตร คำร้องเยอะ ตรวจสอบเข้ม
หากถอดรหัสคำพูดของ "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับกรณีที่ถูกร้องเรียนจาก "นักร้อง" เห็นชัดว่า หากเป็นไปได้ไม่อยากมีคดีติดตัว
'ทักษิณ' ฟิตจัด ลุยช่วยหาเสียงนายก อบจ. 3 วัน 9 เวที พื้นที่ภาคอีสาน
สำหรับตารางการลงพื้นที่ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงผู้สมัครนายกองค์การบริการส่วนจังหวัด (อบจ.) พรรคเพื่อไทย (พท.) ในพื้นที่ภาคอีสานช่วงเดือนม.ค.นี้
คปท. บุก 'แพทยสภา' ให้กำลังใจ ยึดมั่นจรรยาบรรณ พิสูจน์ความจริง ไม่ฟอกผิด 'นักโทษเทวดา'
ที่อาคารมหิตลาธิเบศร กระทรวงสาธารณสุข นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นายนัสเซอร์ ยีหมะ ตัวแทนเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ดร.ใจเพชร กล้าจน ตัวแทนกองทัพธรรม นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ตัวแทนศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ยื่นหนังสือถึง นายกแพทยสภาและกรรมการแพทยสภา เรื่อง ขอให้ยึดมั่นในจรรยาบรรณแพทย์
“กาสิโน”เผือกร้อน“กฤษฎีกา” สมดุลการเมือง-ผลกระทบสังคม
จับตาร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือร่างกฎหมายกาสิโนในมือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หลัง ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎหมาย ว่าจะตรงปกและเป็นไปตามความต้องการของฝ่ายการเมืองหรือไม่ และอีกหนึ่งมติคือ ข้อห่วงใยผลกระทบทางสังคมและปัญหาอบายมุขตามมา