เด้งแพ็กคู่ “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” ปมซดเกาเหลา จับตาศึกภายในสงบ แต่คดียังเดินหน้าต่อ

องค์กร “สีกากี” เป็นที่ฮือฮาอีกครั้ง เมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการตำรวจ (ก.ตร.) เซ็นคำสั่งด่วนให้ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.และ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. มาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้ "บิ๊กต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร รอง ผบ.ตร. รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยุติปัญหาความขัดแย้งภายในรั้ว “กรมปทุมวัน”

  “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกสังคมภายนอกจับเป็นคู่ขัดแย้งนับตั้งแต่การแต่งตั้ง “ผบ.ตร.” คนที่ 14 แทน “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ที่เกษียณอายุราชการเมื่อปลายปี 66 ซึ่ง “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” เป็นคู่แคนดิเดตหลักที่ขับเคี่ยวกันมานาน “บิ๊กโจ๊ก” อาวุโสอันดับ 1 จ่อคว้าเก้าอี้ “พิทักษ์ 1” กระทั่งเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย เกมการเมืองภายใน ตร. เจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโดพร้อมอาวุธครบมือเข้าตรวจค้นบ้านพัก “บิ๊กโจ๊ก” ภายในซอยวิภาวดี 60 หลังสโมสรตำรวจ เพื่อจับกุมลูกน้องคนสนิทเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ “มินนี่” ส่งผลให้ “บิ๊กต่อ” คว้าเก้าอี้ ผบ.ตร.คนที่ 14 แต่กระแสความขัดแย้งภายใน ตร.ยังครุกรุ่น ทั้งคู่ต้องออกมาจับมือสวมกอดสยบความแตกแยก

 “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กำลังจะเกษียณปลายเดือน ก.ย.นี้ “บิ๊กโจ๊ก” ยังครองอาวุโสอันดับ 1  กระแสข่าวการแต่งตั้ง ผบ.ตร.เริ่มกลับมามีกระแสอีกครั้ง “บิ๊กโจ๊ก” เองก็เดินเกมหวังคว้าเก้าอี้สูงสุด ถึงไม่มีใบเสร็จยืนยัน แวดวงสีกากีเขารู้กันมีขบวนการเตะสกัด “บิ๊กโจ๊ก” ไม่ให้ขึ้นเป็น ผบ.ตร. กระทั่งนำไปสู่การดำเนินคดีมาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และมาตรา 149 เรียกรับผลประโยชน์ โดยการทำสำนวนของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของ ตร.ที่มี พล.ต.อ.ธนา ชูวงษ์ รอง ผบ.ตร.เป็นหัวหน้า ซึ่งขณะนี้อยู่ในมือของคณะกรรมการ ป.ป.ช.

 “รองโจ๊ก” ถูกรุกหนัก ถูกคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนของนครบาล ยื่นศาลออกหมายจับคดีฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน อ้างพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับคดีเว็บพนันออนไลน์ “บีเอ็นเคมาสเตอร์” แต่ศาลยกคำร้อง ออกหมายจับ 3 ลูกน้อง รอง ผบ.ตร.แทน “รอง ผบ.ตร.” แก้เกมด้วยข้อกฎหมาย ทำหนังสือถึงคณะพนักงานสอบสวนให้ยุติการสืบสวนสอบสวน เพราะคดีเกี่ยวข้องกับคดีมินนี่ พร้อมทั้งคดีอยู่ในมือ ป.ป.ช.แล้ว ไม่มีอำนาจสอบสวน มีเจตนากลั่นแกล้ง

 “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ระอุ “บิ๊กโจ๊ก” ตั้งทีมทนายสู้ออกมาแฉ ชุดทำงานเจาะจงเลือกปฏิบัติ หวังสร้างมลทินให้รอง ผบ.ตร.มัวหมอง ทั้งที่เส้นทางการเงินจากเว็บบีเอ็นเคที่ประมวลผลคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เชื่อมโยงไปถึงตำรวจกว่า 30 เส้น ตั้งแต่ระดับ “ด.ต.-พล.ต.ต.” กลับไม่มีการดำเนินคดี เหมือน อินทรีเลือกเหยื่อ ขณะที่ พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผบก.ศฝร.บช.น. 1 ใน 8 ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก ที่ถูกดำเนินคดีเว็บพนันมินนี่ คว้าไมค์ขึ้นแฉกลางวงแถลงข่าว เส้นทางการเงินเชื่อมโยงไปถึงนายพล “ต.” ภรรยา “ก.” ซึ่งคาดว่าจะหมายถึงผู้นำสูงสุดองค์กร

“อภิมหาศึกสีกากี” เดือดปุดมากยิ่งขึ้น “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ออกมาท้าให้เปิดชื่อถ้ามีหลักฐาน อย่าพูดชื่อย่อแบบลอยๆ จะเป็นการด้อยค่าทางสังคม พร้อมรับแรงกระแทก ย้ำกำลังทำความสะอาดองค์กร ยอมเป็นกระโถนให้แปดเปื้อนขยะ “หว่านข้าว ข้าวโพดก็หวังกินข้าวโพด ใครหว่านไมยราบก็ต้องรอเหยียบหนาม” มันเป็นสัจธรรม การที่ “ผบ.ตร.” ออกมาเปิดหน้าพูดเองครั้งนี้ สังคมยิ่งต้องเฝ้าจับตา คงถึงคราแตกหัก ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกันแน่

ก่อนที่สถานการณ์ภายในรั้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะบานปลาย นายกฯ เรียก “บิ๊กต่อ” และ “บิ๊กโจ๊ก” เข้าทำเนียบฯ หย่าศึก ก่อนที่ทั้งคู่จะกลับเข้า ก.ตร.ตั้งโต๊ะร่วมแถลงข่าว “บิ๊กต่อ” ปัดมีความขัดแย้ง ไม่มีรอยร้าวในองค์กร รักกันดี พูดคุยกันตลอด แต่เพราะมีขบวนการภายนอกรั้วปทุมวันสร้างให้เกิดภาพลบ

คดีทั้งหมดที่เกี่ยวกับ “บิ๊กโจ๊ก” ส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ เพื่อความยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย “บิ๊กโจ๊ก” ลั่นตำรวจทั่วประเทศมี ผบ.ตร.เป็นหัวหน้า ต้องเสียสละเรื่องราวในอดีต ส่วนคดีที่มีการฟ้องร้องก็จะถอนฟ้องทั้งหมด ก้าวต่อไปเพื่อองค์กรโดยไม่มีความขัดแย้ง ก่อนที่ทั้งคู่จะลุกขึ้นสวมกอดอีกหน เสมือนไม่มีอะไรในกอไผ่

ทั้งคู่กอดกันกลิ่นตัวยังไม่ทันจางหาย คำสั่งฟ้าผ่าเด้งทั้งคู่ช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อยุติปัญหาภายในรั้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แบบ “ตัดจบ” ทั้งคู่ ทั้งที่เพียงไม่กี่ชั่วโมงได้เรียกมาพูดคุยทำความเข้าใจแล้ว แต่นายกฯ คงมองเห็นปัญหาที่สะสมมานานและกำลังบานปลาย ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นองค์กรที่บังคับใช้กฎหมายไม่ได้รับความเชื่อถือไปมากกว่านี้ เพียงเพราะคนในองค์กรทะเลาะกันเอง และยังส่งผลกระทบไปยังหน่วยงานอื่น ไม่มีใครได้ประโยชน์ ผลเสียไปตกที่ประชาชน จึงต้องให้ทั้งคู่มาช่วยราชการที่สำนักนายกฯ ให้องค์กรตำรวจขับเคลื่อนต่อไปได้ 

ต้องจับตาดูกันยาวๆ ศึกภายในองค์กรสีกากีครั้งนี้จะสงบหรือไม่ ถึงแม้ทั้งคู่จะต้องอยู่ทำงานที่สำนักนายกฯ เพราะก่อนหน้านี้ “บิ๊กโจ๊ก” ระบุให้อีแอบที่อยู่เบื้องหลังออกมาเปิดหน้าสู้ มีเพียง “นอมินี” ที่ออกมาตอบโต้แทน แต่การที่นายกฯ สั่งเด้งทั้ง “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” ทำให้ชัดเจนว่าคู่ขัดแย้งในองค์กรจริงๆ แล้วก็คือบิ๊กต่อและบิ๊กโจ๊กนี่เอง ซึ่งไม่แปลกในระหว่างที่ทั้งคู่ร่วมแถลงสยบความขัดแย้ง ทั้งคู่หน้าตาเคร่งเครียดแตกต่างจากที่เคยออกหน้าสื่อยิ้มแย้มแจ่มใจ ไม่ว่าจะเป็นบิ๊กโจ๊กหรือบิ๊กต่อจนได้ฉายา “ต่อเฟรนลี่” 

ถึงแม้ทั้งคู่จะเอา “น้ำขุ่นไว้ใน น้ำใสไว้นอก” อย่าลืมว่าที่ “บิ๊กโจ๊ก” ถูกร้องเอาผิดครั้งนี้ล้วนมีที่มาที่ไป “บิ๊กต่อ” จะเกษียณปลายปีนี้ แต่ "บิ๊กโจ๊ก" จะยังอยู่อีกเกือบ 7 ปี ต้องรอดูกันต่อไปว่าทั้งคู่จะได้กลับ ตร.ในระยะ 60 วันตามที่นายกฯ ระบุหรือไม่

ไม่มีอะไรแน่นอนในวงการตำรวจ แข่งเรือแข่งพายแข่งกันได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งกันไม่ได้!.  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กต่อ' สั่งนครบาลสอบด่วน! ป้ายซื้อขายพาสปอร์ต ผิดจริงฟันแน่

'ผบ.ตร.' สั่งตรวจสอบที่มาของป้ายโฆษณาภาษาจีน รับทำหนังสือเดินทาง-ขอสัญชาติต่างๆ กำชับ สตม. ตรวจสอบ คัดกรองคนต่างด้าว เจอกระทำผิดฟันตามกฎหมายทุกมิติ

ตั้งกลุ่มสว.สีเขียว-ปิดดีล'อยู่บำรุง' 'บ้านป่าฯ'ยังมีของไม่วางมือ

การขยับทางการเมืองของ บ้านป่ารอยต่อฯ ภายใต้การนำของพี่ใหญ่ตระกูล วงษ์สุวรรณ บิ๊กป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในช่วงนี้น่าสนใจไม่น้อย ทั้งกระแสข่าวดึงสมาชิกวุฒิสภา (สว.)

พรรคร่วมรัฐบาลขอเขย่า ไม่ตกเป็น'หมูในอวย'พท.

แม้ว่าพรรคร่วมรัฐบาล นำโดยพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ฯลฯ จะยอมผ่านเรือธงของพรรคเพื่อไทย โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 1 หมื่นบาทให้แก่ประชาชนจำนวน 50 ล้านคน

แจกเงินดิจิทัล1หมื่นบาท ปิดปาก 'ปุ๋ย คนละครึ่ง'?

รัฐบาลเพื่อไทยนำโดย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ผนึกกำลัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

'เศรษฐา' ฟุ้งเตรียมถกมะกันตัดตอนยาเสพติด

นายกฯ มอบอุปกรณ์ป้องกันและตอบโต้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ย้ำให้ความสำคัญถือเป็นความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ กำชับดูแลการจ่ายรางวัลนำจับเหมาะสม ไม่ใช่รอนานจนเกษียณถึงได้ เตรียมคุย 'ทูตมะกัน' ตัดตอนยาบ้า

ปริศนา'เรือดำน้ำ' เปิด5ประเด็นสะดุด'ตอ'

ทริปเร่งด่วน ที่ “สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม นำทีม พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และ จักรพงษ์ แสงมณี รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นสายตรงของ “นายกฯ" และ “ชินวัตร” บินไปจีนเมื่อช่วงวันที่ 24-25 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำ S26T ที่ ทร.ไทยจ้างบริษัทของจีนสร้างไม่เป็นไปตามสัญญา