การเมืองเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา คงไม่มีปรากฏการณ์ไหนได้รับการจับตาเท่าพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ที่มีตัวละครทางการเมืองสำคัญในปัจจุบันอยู่ที่นั่น
‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี ไปไหว้บรรพบุรุษ พร้อมกับอีเวนต์มากมาย ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ตรวจราชการ ติดตามการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 และ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ที่ไปดูเรื่องฝุ่น PM2.5 และไฟป่า
สิ่งที่ผู้คนสนใจมากที่สุดคือ ปฏิกิริยาของผู้คนที่ จ.เชียงใหม่ ต่อ 3 ตัวละครสำคัญทางการเมืองไทย โดยเฉพาะเรื่องของการเปรียบเทียบ
จ.เชียงใหม่ เหมือนเดิมหรือเปลี่ยนไปแล้วหรือไม่ เมื่อ ‘ทักษิณ’ กลับมา ผ่านตัวเปรียบเทียบอย่าง ‘พิธา’ จากพรรคก้าวไกล ผู้กวาด สส.ที่จังหวัดดังกล่าวได้ถึง 7 ที่นั่ง เมื่อไปอยู่ที่นั่นในวันเดียวกัน
วันดังกล่าวเป็นเพียงสเกลเล็กๆ ที่ยังชี้วัดอะไรไม่ได้มากนัก แต่มันจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปรียบเทียบต่อจากนี้ในอีกหลายๆ เวที และหลายๆ อีเวนต์ทางการเมือง
แต่สิ่งที่มันชัดที่สุดคือ ‘พรรคเพื่อไทย’ กับ ‘พรรคก้าวไกล’ กลายเป็นคู่แข่งทางการเมืองกันโดยตรง ที่คงไม่กลับมาบรรจบอีกครั้งในเร็วๆ นี้
หากดูจากความเคลื่อนไหวของ ‘ทักษิณ’ ใน 2-3 วันที่ จ.เชียงใหม่ กับการกล้าที่จะเคลื่อนไหวทางการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ คงจะไม่สิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้ แต่คงจะมีอีกเรื่อยๆ โดยเฉพาะในจังหวัดที่เคยเป็นฐานที่มั่นและฐานคะแนนของพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ยังรักษาไว้ได้และโดนเจาะไปแล้ว
‘ทักษิณ’ จะไม่ได้มีแค่หน้าที่ให้คำปรึกษา หรือชี้แนะเหมือนที่มีการคาดการณ์กันไว้ แต่จะเคลื่อนไหวเองประหนึ่ง ‘นายกฯ ตัวจริง’ ทั้งเบื้องหน้า ทั้งเบื้องหลัง ขาดแค่นายกฯ ตามกฎหมาย
และอาจจะมีหลายงานที่ออกคู่กับ ‘เศรษฐา’ ที่เป็นนายกฯ ตามกฎหมาย ตามที่ ‘เศรษฐา’ แย้มออกมาแล้ว
ซึ่งวันนี้ดูเหมือนว่า ประเด็นเรื่องนายกฯ ทับซ้อน ประเด็นเรื่องไทยมีนายกฯ 2-3 คน หรือประเด็นว่า ใครเป็นนายกฯ ตัวจริง จะเป็นประเด็นปัญหาที่พรรคเพื่อไทยต้องขวยเขิน หรือต้องเหนียมอายอีก
การที่ ‘ทักษิณ’ เคลื่อนไหวเร็ว และเคลื่อนไหวแรง มันสะท้อนแล้วว่า ไม่ได้แคร์ในประเด็นนั้นอีกต่อไป
หาก ‘ทักษิณ’ กลัวจะกลบซีน หรือกลบแสงจาก ‘เศรษฐา’ คงไม่แสดงวิสัยทัศน์แก้ปัญหา หรือให้สัมภาษณ์ทางการเมืองในวันที่นายกฯ ตัวจริงปฏิบัติภารกิจอยู่ในจังหวัดเดียวกัน แต่คงเก็บตัวง่ายๆ เปิดทางและให้เกียรติ ‘เศรษฐา’
และต่อให้ ‘เศรษฐา’ จะรู้สึก หรือไม่รู้สึกว่า ตัวเองถูกบดบังรัศมี แต่มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะถึงอย่างไรทุกคนก็รับรู้ว่า ใครคือผู้มีอำนาจตัวจริงในพรรคเพื่อไทย
‘เศรษฐา’ รู้อยู่เต็มอกว่า ถึงอย่างไรในสายตาแฟนคลับ พรรคเพื่อไทย ‘ทักษิณ’ ก็ป๊อปปูลาร์กว่า
แล้วที่ ‘ทักษิณ’ ออกมาเคลื่อนไหวในวันนี้ ไม่ใช่เพราะต้องการช่วยตัว ‘เศรษฐา’ หากแต่กำลังทำเพื่อตัวเอง และพรรคเพื่อไทย
‘เศรษฐา’ จะได้ผลพลอยได้ หรือกระแสดีขึ้นจากการเคลื่อนไหวของ ‘ทักษิณ’ ไม่ใช่สาระหลัก เพราะเหตุผลที่แท้จริงคือ การกอบกู้คะแนนเสียงพรรคเพื่อไทย เพื่อภารกิจ ‘พิฆาตส้ม’ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
‘เศรษฐา’ จะถูกบดบัง หรือถูกลดค่า ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกเช่นกัน เพราะเป็น ‘นายกฯ ตั๋วเที่ยวเดียว’ ไม่มีครั้งต่อไป เพราะผู้นำในครั้งหน้าถูกวางไว้แล้วว่า จะต้องเป็น ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่กำลังฝึกงานอยู่
ภารกิจของ ‘ทักษิณ’ คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้กระแสพรรคเพื่อไทยดีขึ้นเหมือนวันวาน
อย่างไรก็ดี ภารกิจนี้ถือว่าหินอย่างมาก ต่อให้ ‘ทักษิณ’ จะประสบความสำเร็จมากมายในสนามเลือกตั้งในอดีตแค่ไหน เพราะวันนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงไป
บริบททางการเมืองแตกต่างจากวันที่ ‘ทักษิณ’ ทำพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทยช่วงแรกประสบความสำเร็จ
ในอดีตศัตรูหรือคู่แข่งของ ‘ทักษิณ’ คือ ‘ประชาธิปัตย์’ และ ‘พรรคลุง’ ที่ท้าชิง แต่ในวันนี้คู่แข่งคือ ‘พรรคก้าวไกล’ ที่สามารถโค่นพรรคเพื่อไทยได้ โดยไม่ต้องพึ่งอำนาจพิเศษ หรือกลไกรัฐ ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
ที่สำคัญ ครั้งนี้ไม่ใช่การป้องกันแชมป์ แต่เป็นการทวงแชมป์คืน มันยากกว่าของเดิม
คนที่ไม่เอา ‘ทักษิณ’ ก็ยังไม่เอา ‘ทักษิณ’ เช่นเดิม ยิ่งมีเรื่องของอภิสิทธิ์ชนเข้ามาอีก ไม่มีทางที่จะฝืนใจได้ หรือคนที่เคยเอา ‘ทักษิณ’ ไม่แน่ว่า ยังเอาอยู่หรือไม่ เพราะมีประเด็นเรื่องพลิกขั้วไปอยู่กับอีกฝั่งที่เคยเป็นศัตรูกัน ซึ่งหลายคนผ่องถ่ายตัวเองไปเลือกพรรคก้าวไกล
พรรคก้าวไกล เป็นพรรคที่ใหม่กว่า สดกว่า และยังมีเรื่องคะแนนสงสารอีก
มันจึงไม่ง่ายเหมือนอดีต เพียงแต่ต้องพยายามทุ่มสุดแรง เพื่อรักษาอำนาจต่อรองในทางการเมือง และภารกิจพา น้องสาว-ยิ่งลักษณ์ ที่ยังค้างเติ่งอยู่ต่างแดนกลับบ้าน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’
‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้
คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568
‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง
ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ
ศึกเลือกตั้งรอบใหม่ กับ 'สามก๊กฉบับชาติวิบัติ' ภาค 3
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สามก๊กฉบับชาติวิบัติ ภาค 3 (มีการปรับเปลี่ยนฝ่ายและชื่อตัวละครให้สอดคล้องสถานการณ์)
สแกน 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์ 'เพื่อไทย' จับตาใช้สูตรปี66 จัดลำดับ
สแกน 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์พท. แกนนำรุ่นใหญ่ ภูมิธรรม-สมศักดิ์-เสี่ยเพ้ง-สรวงศ์ ส่งลูก-หลังบ้าน-เครือญาติเข้าพรรค พวกย้ายพรรค-โยกสลับจากสอบตกเขตเพียบ จับตาอาจใช้สูตรเดิม เอาตัวเต็งรมต.ไว้ท้าย ลดแรงกระเพื่อม
ท็อปไฟว์5ข่าวดังการเมืองไทย68 ยุบสภาฯไคลแมกซ์ปิดท้ายปี
นับถอยหลังเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เศษก็จะสิ้นปี 2568 เข้าสู่ปีใหม่ 2569 ที่เป็นปีมะเมีย ซึ่งตำราโหราศาสตร์บางสำนักบอกว่า จะเป็นปีม้าธาตุไฟ โดยการเมืองไทยปี 2569 เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ การเลือกตั้ง สส.ในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ที่จะนำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง

