ก้าวไกลเบรกเกมเร็ว ชิงดักทาง ผวาเร่งยุบพรรค

คดียุบ พรรคไทยรักษาชาติ ที่เป็นพรรคสาขาของเพื่อไทยในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 เคยสร้างสถิติไว้ว่าเป็นคดียุบพรรคที่ใช้เวลาสั้นที่สุด คือแค่ 25 วัน นับจาก กกต.มีมติให้ส่งคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อ 13 ก.พ.2562 ต่อมาศาล รธน.มีมติเอกฉันท์ยุบพรรคไทยรักษาชาติ เมื่อ 7 มีนาคม 2562 และมาถึงปัจจุบัน หลายฝ่ายกำลังจับตาว่า แล้ว คดียุบพรรคก้าวไกล จะใช้เวลานานแค่ไหน หลังก่อนหน้านี้มีการออกมาคาดการณ์ว่าอาจใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือน นับจากวันที่ กกต.มีมติเมื่อ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา

เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการครั้งแรกของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่เป็น หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในช่วงเกิดเหตุตามคำร้องคดียุบพรรคก้าวไกล

อันเชื่อได้ว่า ประเด็นที่พิธากล่าวไว้ จะปรากฏเป็นส่วนหนึ่งใน

คำชี้แจงข้อกล่าวหา ของพรรคก้าวไกล

ที่จะยื่นต่อศาล รธน. หลัง กกต.ยื่นคำร้องต่อศาล รธน.และศาล รธน.มีมติรับคำร้อง และจากนั้นจะต้องส่งคำร้องของ กกต.ให้ฝ่ายพรรคก้าวไกลไปทำคำชี้แจงข้อกล่าวหากลับมาให้ศาล รธน.ภายใน 15 วัน และศาลจะส่งเอกสารดังกล่าวไปให้ กกต.อีกครั้ง

ซึ่งคำให้สัมภาษณ์ของพิธาก็คือ ประเด็นข้อต่อสู้ ที่พรรคก้าวไกลจะใช้ในการสู้คดียุบพรรคก้าวไกล

คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวของพิธาที่คงเป็นความเห็นหลังใช้เวลาตั้งหลักไปพูดคุยกับฝ่ายกฎหมาย-แกนนำพรรคมาหลายวันหลังจาก กกต.มีมติเมื่อ 12 มี.ค. โดยนายพิธาระบุว่า

“มาตรา 49  ที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไปเมื่อวันที่ 31 มกราคม และมาตรา 92 อันหนึ่งเป็นมาตรฐานที่ไว้ใช้ป้องกัน อีกอันเป็นมาตรฐานที่ใช้ประหารพรรคการเมือง น้ำหนักมันคนละอนุมาตรากัน สมมุติแม้จะมีคำว่าล้มล้างเหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าโทษจะได้สัดส่วนเหมือนกัน เราจะต้องมีดุลยพินิจว่ามาตราหนึ่งมีไว้แค่ตักเตือน บอกให้หยุดการกระทำ แต่อีกมาตราหนึ่งมีไว้เพื่อที่จะยุบพรรค และนำไปสู่การลิดรอนสิทธิทางการเมืองในการลงเลือกตั้งครั้งต่อไป เชื่อว่าศาลจะให้ความยุติธรรมและให้น้ำหนักมากกว่าเรื่องของมาตรา 49"

ท่าทีข้างต้นถอดความทางการเมือง พร้อมกับมุมมองเชิงวิเคราะห์ต่อสิ่งที่พิธาและแกนนำพรรคก้าวไกลบางคนเคยแสดงความเห็นไว้ก่อนหน้านี้

 บ่งชี้ไปในทางเดียวกันว่า พิธาและแกนนำพรรคก้าวไกลต้องการบอกว่า คำวินิจฉัยของศาล รธน.ในคดีล้มล้างการปกครอง ที่ตัดสินเมื่อ 31 ม.ค.2567 เป็นการตัดสินตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ที่เป็นเรื่องว่า บุคคลใดจะใช้สิทธิ-เสรีภาพ ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้ หากผู้ใดทราบมีสิทธิร้องต่อศาล รธน.วินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าวได้

อย่างที่พิธาให้สัมภาษณ์ไว้ว่า มาตรา 49 คือการ ให้เลิกการกระทำ

ซึ่งหลังศาล รธน.มีคำวินิจฉัยว่า การเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกลหลายอย่างก่อนหน้านี้ เช่น การเสนอแก้ไขมาตรา 112-การนำเรื่องการแก้ 112 ไปเป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง เป็นการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

พอศาลมีคำวินิจฉัย พรรคก้าวไกลก็ลบเรื่องนโยบายแก้ไข 112 ออกจากเว็บไซต์พรรคในวันรุ่งขึ้นทันที จึงถือว่าพรรคก้าวไกลเลิกการกระทำไปแล้ว อีกทั้ง หลังมีคำวินิจฉัยดังกล่าว สส.-แกนนำพรรคก้าวไกลก็ไม่มีใครออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องการแก้ไขมาตรา 112 อีกเลย

ก้าวไกลจึงมองว่า คดีที่ร้องว่ามีการจะล้มล้างการปกครองมีเป้าหมายคือ

 “ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้บุคคลเลิกการกระทำ”

เท่านั้น เมื่อพวกเขาได้ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาล รธน.แล้ว ก็ไม่สมควรที่จะโดนยุบพรรค

อีกทั้งไม่ควรจะนำผลคำวินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครองมาเป็น บทหลัก-แนวทาง ในการไต่สวนคดียุบพรรค

เพราะคดีล้มล้างยื่นตาม รธน.ที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ตาม รธน.มาตรา 49 ขณะที่คดียุบพรรค กกต.ยื่นตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 92

วิเคราะห์ได้ว่า พรรคก้าวไกล ต้องการบอกว่า เมื่อเป็นการยื่นคนละอนุมาตรากัน น้ำหนักในการไต่สวนคดี-ตัดสินคดี จึงต้องแตกต่างกัน จะเอาคำวินิจฉัยคดีล้มล้างฯ มาเป็นแนวในการไต่สวนคดียุบพรรคก้าวไกลไม่ได้

ท่าทีข้างต้น มองทางการเมืองได้ว่า เสมือนหนึ่งการรุกไล่ของพรรคก้าวไกล ที่ต้องการสื่อสารไปถึงศาล รธน.ว่า

 หลังศาล รธน.รับคำร้องคดียุบพรรคก้าวไกลแล้ว ต้องนับหนึ่งกระบวนการไต่สวนคำร้องใหม่ตั้งแต่แรก โดยเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องได้มีโอกาสสู้คดีอย่างเต็มที่ อย่าตัดโอกาสการสู้คดีของก้าวไกล

 เช่น หลังศาล รธน.รับคำร้อง และศาลส่งเอกสารของ กกต.ให้พรรคก้าวไกล ก็ต้องให้เวลาพรรคก้าวไกลสู้คดีได้เต็มที่เหมือนคดีปกติ เช่น สามารถขอขยายเวลาในการส่งเอกสารคำชี้แจงข้อกล่าวหาเพิ่มได้อีก 15 วัน หลังครบกำหนด 15 วันในรอบแรก รวมเวลาแล้วก็เป็น 30 วัน ซึ่งหากเป็นแบบนี้ จะทำให้ก้าวไกลมีเวลาในการตั้งหลักสู้คดี

รวมถึงต้องเปิดโอกาสให้พรรคก้าวไกลได้สิทธิ์ในการชี้แจงข้อกล่าวหาผ่านกระบวนการ เปิดห้องพิจารณาไต่สวนคดี ด้วยการเรียกตัวแทนของพรรคก้าวไกลขึ้นให้ถ้อยคำต่อศาล รธน. ซึ่งหากมีการเปิดห้องไต่สวน ก็จะทำให้จะใช้เวลาอีกร่วม 1 เดือน ในการไต่สวนคดี

ซึ่งแค่ 2 ขั้นตอน คือ ขยายเวลาส่งคำชี้แจงข้อกล่าวหาได้เต็มที่-มีการเปิดห้องไต่สวนคดี หากพรรคก้าวไกลได้โอกาสดังกล่าว ก็กินเวลาร่วม 2 เดือนเป็นอย่างต่ำ

ยังไม่นับรวมกระบวนการที่ต้องให้ กกต.ในฐานะผู้ร้อง ยื่นเอกสารโต้แย้งคำชี้แจงข้อกล่าวหาของพรรคก้าวไกล ส่งกลับมาศาล รธน.อีก ที่หาก กกต.ไม่ขยายเวลา อย่างน้อยก็ 15 วัน แต่หากขยายก็จะเป็น 30 วัน

แล้วยังมีขั้นตอนที่ตุลาการศาล รธน.ต้องกลับไปประชุมพิจารณาสำนวนทั้งหมด ก่อนนัดวันลงมติและอ่านคำวินิจฉัยอีก ที่ก็คาดว่าจะใช้เวลาเร็วสุดก็ 2 สัปดาห์ ช้าสุดอาจ 1 เดือน

โดยหากศาลให้เวลาพรรคก้าวไกลสู้คดีเต็มที่ ก็จะทำให้ แกนนำพรรค-สส.ของพรรคมีเวลาตั้งหลักสำหรับการวางแผนรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะหากก้าวไกลไม่รอด โดนยุบพรรคและกรรมการบริหารพรรค 10 คน โดนตัดสิทธิ์การลงสมัครรับเลือกตั้ง

 ส่วนที่ว่า ตุลาการศาล รธน.จะมีท่าทีอย่างไรกับสิ่งที่พรรคก้าวไกลออกมาดักทางไม่ให้ศาล รธน.เร่งพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกลเร็วเกินไป ต้องรอดูหลังจากนี้ เมื่อศาล รธน.รับคำร้องคดียุบพรรคก้าวไกลไว้วินิจฉัย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คดีฉ้อโกงพุ่งรายวัน จนท.รัฐอืด! เปิดหลุมเหลือบเรียกรับผลประโยชน์

หนึ่งในนโยบายเร่งด่วนรัฐบาลคือ “เร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน เพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์รับมือกับอาชญากรรมออนไลน์อย่างรวดเร็ว

ปักหมุด‘ครม.สัญจร’เชียงใหม่ กู้ศก.-ฟื้นท่องเที่ยวหลังภัยพิบัติ

ประเดิมนัดแรก “ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่” หรือ “ครม.สัญจร” ของรัฐบาล “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จังหวัดเชียงใหม่ บ้านเกิดตระกูลชินวัตร

ตั้งแท่นงบฯเรือฟริเกตทร. จับตาเกมเตะถ่วง"เรือดำน้ำ"

แม้กระแสข่าวเล็กๆ ที่สร้างความชุ่มชื่นหัวใจให้กับกองทัพเรือ (ทร.) ว่ารัฐบาลอาจจะไฟเขียวเดินหน้า “เรือดำน้ำจีน” ต่อไป หลังจาก “อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม

ติดสลักกม.ประชามติ รธน.ใหม่ส่อลากยาว

สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์ที่จะใช้สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรียบร้อย โดยให้ยึดเสียงข้างมาก 2 ชั้น กล่าวคือ 1.ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด และ 2.ต้องได้เสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์

เปิด 11 ชื่อผู้สมัคร 'ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ' ปลัด ก.เกษตรฯ มาวันสุดท้าย

ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 2 คน ระหว่างวันที่ 11-25 พฤศจิกายน 2567