“นารี” มา “เศรษฐา” ไป

นารีขี่ม้าขาว หรือฉายาของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จากตระกูลชินวัตร เพิ่งถูกตัดสินยกฟ้อง 9 ต่อ 0 เสียง จากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฟ้องละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  กรณีจัดจ้างโครงการโรดโชว์ สร้างอนาคตประเทศไทย วงเงิน 240 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 มี.ค.2567 

ก่อนหน้านี้ศาลฎีกาเพิ่งยกฟ้องกรณีอัยการยื่นฟ้องปมโยกย้าย ถวิล เปลี่ยนศรี ออกจากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2566 

จึงต้องตรวจสอบว่า 2 คดีข้างต้น โจทก์คือ ป.ป.ช. (โรดโชว์) และอัยการ (โยกย้ายถวิล) จะยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาภายใน 30 วันหรือไม่ 

 แต่หากไม่ยื่นอุทธรณ์ก็ต้องตอบสังคมให้ได้ว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ โดยเฉพาะ ป.ป.ช. ที่ก่อนหน้านี้ก็ลุยฟ้องคดีโรดโชว์ด้วยตัวเองมาแล้ว แม้อัยการจะไม่เห็นด้วยก็ตาม     

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายไม่อุทธรณ์ และทำให้ 2 คดีดังกล่าวสิ้นสุด จะทำให้ อดีตนายกฯ หญิง เหลือชนักติดหลังเพียงคดีรับจำนำข้าว มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก 5 ปี เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2560  

แม้คดียังค้างอยู่ ฝั่งระบอบทักษิณ ทั้งคนในครอบครัว และลิ่วล้อในพรรคเพื่อไทย ก็ส่งเสียงเชียร์ให้ ยิ่งลักษณ์ กลับเมืองไทยตามรอยพี่ชาย ทักษิณ ชินวัตร

"อุ๊งอ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยอมรับว่าพูดคุยกันแบบครอบครัว "ถ้าจะได้กลับจริงๆ ก็อยากจะช่วยเลี้ยงหลาน ตนก็บอกว่าได้เลย เพราะของเล่นที่คุณยายปูซื้อให้หลานก็มีเยอะ คุณยายปูชอบซื้อของเล่นให้หลาน หลานก็จะแฮปปี้ทุกคน ก็มีแซวแค่เรื่องนี้ ไม่มีอะไรจริงจัง"  ส่วนจะกลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม เธอบอกว่า ยังไม่ได้มีการคุยกัน

ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการจับตาเรื่องการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ยังไม่ได้มีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษรายบุคคล ทั้งนี้ การขออภัยโทษรายบุคคล สามารถดำเนินการโดยตรงได้เลย แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะต้องมีการส่งเรื่องมาที่กระทรวงยุติธรรม

ทั้งนี้ หากยิ่งลักษณ์จะกลับบ้านจริงตามโมเดลทักษิณ ต้องเริ่มต้น 1.ต้องกลับเข้ามาประเทศไทย 2.มอบตัวเป็นนักโทษแล้วถึงจะถวายฎีกาได้ และต้องยอมรับผิดในการกระทำด้วย  

"ถ้ายังไม่รับโทษยังไม่สามารถถวายฎีกาได้ ไม่เรียกว่าฎีกา สำหรับฎีกา คือสิ่งที่นักโทษเด็ดขาดเป็นผู้ถวายขึ้นไป ส่วนจะโปรดเกล้าฯ หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพระมหากรุณา" นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ เคยกล่าวแนวทางเรื่องดังกล่าวไว้เช่นนี้   

กลับมาที่บรรดาลิ่วล้อตระกูลชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ต่างบอกว่าเหตุผลที่จะได้รับอภัยโทษหรือลดโทษนั้น เงื่อนไขมีความสะดวกกว่า เพราะโทษนั้นเบา เพียงแค่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มิใช่การทุจริต จึงไม่ทราบว่าเป็นการส่งสัญญาณชี้นำสังคมหรือไม่ หรือบิดเบือนกฎหมาย

แต่หากไปถามนักกฎหมายกลับบอกว่า ลักษณะของโทษความผิดไม่ต่างกัน หากอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ทุจริตคือมีใบเสร็จ แต่ "ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่" แม้ไม่มีใบเสร็จ แต่ไม่สามารถชี้แจงข้อกล่าวหาที่ทำให้เกิดความเสียหาย หรือทุจริตให้แก่ตัวเองและผู้อื่นได้  

ไม่นับเมื่อย้อนไปดูผลของผู้ที่คาดว่าถูกรับเคราะห์แทนและ ถูกหลอกให้ติดคุกอย่าง บุญทรง เตริยาภิรมย์ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาเมื่อ 25 ส.ค.2560 ให้จำคุก 42 ปี ต่อมาภายหลังศาลเพิ่มโทษอีก 6 ปี ส่วน ภูมิ สาระผล   ถูกพิพากษาจำคุก 36 ปี ในคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ฯลฯ รวมถึงความเสียหายที่ต้องตามใช้หนี้อีก 7-8 แสนล้านบาท

ฉะนั้นหากหวังใช้ข้ออ้างนี้เดินตามก้นพี่ชาย อาจไม่ง่าย เพราะที่ผ่านมาก็สร้างความเสียหายเอาไว้มาก ถูกสังคมมองว่าเป็นนักโทษเทวดาชั้น 14 มีอภิสิทธิ์ชนไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว ทำลายกระบวนการยุติธรรม และองค์กร สถาบันต่างเกิดวิกฤตศรัทธาตามมา   

หาก ยิ่งลักษณ์ เลือกดื้อรั้นยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ จึงไม่ง่าย และยากที่จะเข้าเงื่อนไขเช่น ทักษิณ ที่หวังพึ่งระเบียบการคุมขังที่มิใช่เรือนจำ จองจำที่โรงพยาบาลหรือที่บ้านแทนคุก หลังกระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ แก้กฎหมายและออกระเบียบมาตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา 

เพราะ ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้เจ็บป่วยถึงขั้นสาหัส หรืออายุเกิน 70 ปี หรือจริงๆ แล้วอาจมีเหตุผล หรือระเบียบ แท็กติกอื่นๆ ที่สังคมยังไม่รู้ รองรับหรือเตรียมออกระเบียบไว้ให้    

แตกต่างจากผลกระทบทางการเมือง หากทำแล้วก็ยากจะคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นตามมา เพราะกรณีทักษิณ ชาวบ้านก็เหลือทน ยอมหลับตา 1 ข้าง เพราะเชื่อว่าจะเป็นตัวแทนรบกับพรรคก้าวไกล ซึ่งปัจจัยแตกต่างจากกรณี ยิ่งลักษณ์ หากเดินตามดีลนี้ซ้ำแผลเก่าอีก เท่ากับว่าคนตระกูลชินวัตรจะทำอะไรในประเทศนี้ก็ได้ อย่างไม่ต้องเกรงใจใคร

ประกอบกับหากมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาแทรก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลงานของรัฐบาลไม่เข้าเป้า เพราะไร้น้ำยาในการบริหาร รวมถึงสภาวะและจริยธรรมของผู้นำประเทศเกิดปัญหาท่ามกลางข้อครหาใครคือนายกฯ ตัวจริง ไม่นับกับถูกมองว่าเป็นรัฐบาลตระบัดสัตย์เข้ามาซ้ำเติม

ก็อาจทำให้เกิดวิกฤตการเมือง ผู้คนลุกฮือออกมาต่อต้านทั่วสารทิศ ยากที่รัฐบาลจะรับมือ ขณะที่กลุ่มอำนาจเก่าก็ประคองเอาไว้ไม่ได้ 

นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อาจต้องจำใจย่อมเซ่นตัวเองรับผิดชอบทางการเมือง ด้วยการลาออกหวังลดกระแสสังคม และต่อลมหายใจให้รัฐบาลอยู่ครบวาระ. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตั้งกลุ่มสว.สีเขียว-ปิดดีล'อยู่บำรุง' 'บ้านป่าฯ'ยังมีของไม่วางมือ

การขยับทางการเมืองของ บ้านป่ารอยต่อฯ ภายใต้การนำของพี่ใหญ่ตระกูล วงษ์สุวรรณ บิ๊กป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในช่วงนี้น่าสนใจไม่น้อย ทั้งกระแสข่าวดึงสมาชิกวุฒิสภา (สว.)

พรรคร่วมรัฐบาลขอเขย่า ไม่ตกเป็น'หมูในอวย'พท.

แม้ว่าพรรคร่วมรัฐบาล นำโดยพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ฯลฯ จะยอมผ่านเรือธงของพรรคเพื่อไทย โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 1 หมื่นบาทให้แก่ประชาชนจำนวน 50 ล้านคน

แจกเงินดิจิทัล1หมื่นบาท ปิดปาก 'ปุ๋ย คนละครึ่ง'?

รัฐบาลเพื่อไทยนำโดย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ผนึกกำลัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

ปริศนา'เรือดำน้ำ' เปิด5ประเด็นสะดุด'ตอ'

ทริปเร่งด่วน ที่ “สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม นำทีม พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และ จักรพงษ์ แสงมณี รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นสายตรงของ “นายกฯ" และ “ชินวัตร” บินไปจีนเมื่อช่วงวันที่ 24-25 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำ S26T ที่ ทร.ไทยจ้างบริษัทของจีนสร้างไม่เป็นไปตามสัญญา

‘สภาสูง’ในเงื้อมมือค่ายน้ำเงิน ส่องภารกิจเลือก‘องค์กรอิสระ’

ภารกิจ 200 สว. แสดงตนต่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มารายงานตัวครบจบไม่ขาดไม่เกิน แต่สวนทางกับความอลหม่านที่กลุ่มต่างๆ ภายในสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ด้วยกันเอง