แม้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโจทก์ในคดียื่นฟ้องเอาผิด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกับพวก ในคดี งบอีเวนต์-ประชาสัมพันธ์โครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2020 จะสามารถใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คดี
หลัง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ยกฟ้อง ในคดีดังกล่าว เพราะรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 ที่เขียนไว้ในมาตรา 60 ว่า คําพิพากษาของศาลให้อุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ภายในสามสิบวัน
แต่ที่ผ่านมาทุกคดีที่เกิดขึ้นจากการตัดสินคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ จะพบว่า การอุทธรณ์คดี เพื่อหวังพลิกคำพิพากษา เอาเฉพาะแค่ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันปี 2560 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560
พบว่า ยังไม่เคยมีแม้แต่คดีเดียว ที่ผลการวินิจฉัยอุทธรณ์ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ที่ดําเนินการโดยองค์คณะของศาลฎีกา ซึ่งประกอบด้วยผู้พิพากษาจํานวน 9 คน ซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาคัดเลือกจากผู้พิพากษาในศาลฎีกา ซึ่งดํารงตําแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาหรือผู้พิพากษาอาวุโส ซึ่งไม่เคยพิจารณาคดีนั้นมาก่อน โดยให้เลือกเป็นรายคดี มีการพลิกคำตัดสินแตกต่างไปจากเดิม หรือพูดง่ายๆ คดีพลิก หรือตัดสินคดีที่แตกต่างไปจากเดิม แม้แต่คดีเดียว
ยิ่งคดียิ่งลักษณ์ดังกล่าว องค์คณะฯ 9 คน ที่เลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา โดยทุกคนเป็นผู้พิพากษาศาลสูง-ศาลฎีกา ทั้งสิ้น มีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 แบบนี้ ดังนั้นถึงต่อให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์คดีไปเพื่อแสดงให้เห็นว่าสู้จนถึงที่สุด แต่มองในความเป็นจริง มันก็ยากมากที่คดีจะพลิก ด้วยการที่องค์คณะของศาลฎีกาฯ ซึ่งถูกเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาฯ จะมา พลิกคำตัดสิน ด้วยการตัดสินว่า
ยิ่งลักษณ์และพวกที่เป็นจำเลยในคดีดังกล่าวมีความผิด
เบื้องต้นจึงย่อมถือได้ว่า คดีงบจัดอีเวนต์ดังกล่าวจบแล้วโดยปริยาย แม้ต่อให้ ป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์ก็ตาม
แต่ระหว่างนี้ ถือว่ากระบวนการทางคดียังไม่จบ ต้องรอไปอีก 30 วันเพื่อดูว่า ป.ป.ช.จะยื่นอุทธรณ์คดีหรือไม่ โดยหาก ป.ป.ช.ไม่ยื่นอุทธรณ์คดี ก็ถือว่าคดีสิ้นสุดแล้ว เท่ากับชนักติดหลัง-คดีความของยิ่งลักษณ์ที่ตกเป็นจำเลยที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ก็หมดไปอีกหนึ่งคดี
หลังก่อนหน้านี้เมื่อ 26 ธ.ค.2566 ที่ผ่านมา ยิ่งลักษณ์ก็เพิ่งกำชัยชนะในคดีที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้องเอาผิดยิ่งลักษณ์ ในคดีย้ายถวิล เปลี่ยนศรี พ้นจากเลขาธิการ สมช. ที่ศาลฎีกาฯ มีคำตัดสิน ยกฟ้องยิ่งลักษณ์ เช่นกัน จึงทำให้ยิ่งลักษณ์ชนะ 2 คดีติดในเวลาไล่เลี่ยกัน
ส่วนอัยการสูงสุดที่เป็นผู้ฟ้องคดีย้ายถวิลต่อศาลฎีกาฯ จะใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คดีต่อที่ประชุมศาลฎีกาฯ หรือไม่ พบว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีข่าวยืนยันอย่างเป็นทางการว่า นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุดคนปัจจุบัน ยื่นอุทธรณ์หรือไม่
กระนั้นมีรายงานว่า ได้มีการใช้สิทธิ์ยื่นขอขยายเวลาออกไป จากเดิมที่ต้องครบในช่วง 26 ม.ค.2567 หลังก่อนหน้านี้ ตอนช่วงจะครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ 30 วัน ถวิล เปลี่ยนศรี สมาชิกวุฒิสภา ได้มีการส่งหนังสืออย่างเป็นทางการในนามส่วนตัว รวมถึงเปิดแถลงข่าวเรียกร้องให้อัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์คดี เพื่อสู้ให้ถึงที่สุด
แต่ก็อย่างที่บอกข้างต้น ถึงต่อให้อัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์คดีไป โอกาสที่คดีจะพลิก คือศาลฎีกาฯ พลิกคำตัดสินว่ายิ่งลักษณ์มีความผิดในการย้ายถวิล เปลี่ยนศรี มันก็ยาก เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีแม้แต่คดีเดียว ที่มีการพลิกคำตัดสินเดิม
เมื่อเป็นแบบนี้จึงถือว่าคดีความของยิ่งลักษณ์ในชั้นศาลฎีกาฯ ในเชิงเรื่องผลทางคดีแพ้-ชนะ ต้องถือว่า End game-จบหมดแล้ว เหลือแค่รอเวลาให้ครบตามกำหนดในเรื่องขั้นตอนการอุทธรณ์เท่านั้น ที่ก็อีกไม่นาน
เช่น รอว่า ป.ป.ช.จะยื่นอุทธรณ์คดีงบอีเวนต์หรือไม่ โดยหากยื่น ก็ต้องรอผลการพิจารณาขององค์คณะฯ ที่คาดว่าจะใช้เวลาอีกสักระยะ ก็คงรู้ว่าผลการอุทธรณ์ออกมาเป็นอย่างไร แต่หาก ป.ป.ช.ไม่ยื่น ก็จบทันที
และเมื่อกระบวนการทุกอย่างในคดี ย้ายถวิล เปลี่ยนศรี-คดีงบอีเวนต์ จบหมดแล้ว ก็เหลือ คดีจำนำข้าว ที่ยิ่งลักษณ์ถูกศาลฎีกาฯ ตัดสินจำคุก 5 ปี จนทำให้ยิ่งลักษณ์ต้องหนีคดีอยู่ต่างประเทศหลายปี ที่ยังเป็นชนักติดหลังอยู่ มันก็อยู่ที่การตัดสินของ ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ แล้วว่าจะเอาอย่างไร?
จะวัดดวงกลับไทย แล้วยื่นถวายฎีกาฯ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ โดยหวังลุ้นให้ไม่เป็นการลดโทษ แต่อภัยโทษ ยิ่งลักษณ์จะกล้าเสี่ยงหรือไม่
เพราะยิ่งลักษณ์ในวัย 56 ปี ไม่ใช่ 70 ปีแบบทักษิณ ทำให้ยิ่งลักษณ์ไม่เข้าข่ายได้รับการพักโทษตามหลักเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์
ยิ่งหากจะมาใช้วิธีตุกติก แกล้งป่วย ไปนอนโรงพยาบาลจนครบกำหนดหากได้รับการลดโทษ เพื่อหวังจะไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว ตามรอยทักษิณพี่ชาย
ต้องบอกว่า เป็นเรื่องที่คนในตระกูลชินวัตร จะมาใช้วิธีการแบบนี้ ทำติดๆ กันในเวลาห่างกันไม่กี่เดือน ย่อมเป็นสิ่งที่สังคมไทยยากจะยอมรับกันได้ เพราะแค่เคสทักษิณคนเดียว กระบวนการยุติธรรมไทยก็พังป่นปี้หมดแล้ว
จุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ รูปคดียิ่งลักษณ์เบากว่าทักษิณ สิ่งนี้ ทำให้เธออาจพอมีความหวังลุ้นข่าวดี หากยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ-ลดโทษ
ด้วยต้องไม่ลืมว่า ยิ่งลักษณ์โดนตัดสินจำคุก 5 ปี คดีจำนำข้าว ด้วยความผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่ใช่โดนตัดสินว่าทำผิดทุจริตคอร์รัปชัน อันต่างกับทักษิณที่โดนจำคุก 8 ปี หลายคดี และมีเรื่องของทุจริต ใช้อำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ รวมถึงโดนยึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาท เพราะร่ำรวยผิดปกติ
แวดวงการเมืองจึงมองกันว่า ยิ่งลักษณ์มีโอกาสลุ้นระดับหนึ่ง หากยื่นถวายฎีกา เพราะรูปคดีเบากว่าทักษิณ อีกทั้งปีนี้เป็นปีมหามงคลของประเทศไทย ก็ทำให้ยิ่งลักษณ์-ทักษิณอาจได้ลุ้น ถ้ายื่นภายในปีนี้
แต่ก่อนจะไปถึงจุดดังกล่าว ต้องรอลุ้นกันเป็นฉากต่อฉาก ลำดับแรก รอดูกันก่อนว่า กระบวนการอุทธรณ์คดี ทั้งคดีงบอีเวนต์-คดีย้ายถวิล เปลี่ยนศรี จะเดินไปแบบไหนอย่างไร ถ้าจุดนี้จบเร็ว การเคลื่อนไหวของทักษิณเพื่อพยายามช่วยยิ่งลักษณ์ให้กลับไทย โดยไม่ต้องรับโทษ จะตามมาทันที.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ก้าวต่อไป ‘รทสช.’ ปี 2568 ติดสปีดผลงาน-โกยคะแนน
ต้องฝ่าฟันมรสุมกันระลอกใหญ่ส่งท้ายปี 2567 สำหรับ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จากพรรคน้องใหม่จนถึงปัจจุบันสู่ปีที่ 3 แล้ว ภายใต้การนำของ “พี่ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรค ซึ่งพรรคได้โควตาร่วมทัพรัฐบาลเพื่อไทย และได้กระทรวงที่หมายปองมาครอบครองสมใจ
การเมืองไทยปี 68 เข้มข้น-ขับเคี่ยว-ร้อนแรง ซักฟอกมี.ค.-ปรับครม.กลางปี
การเมืองไทยไม่ว่าปีไหนๆ ก็มีประเด็นร้อนเกิดขึ้นได้ตลอด บางเรื่องเกิดขึ้นตามปฏิทินการเมือง แต่บางประเด็นเป็นความร้อนแรงที่แทรกขึ้นมาแบบไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
'ปชน.'ถอย'ม.112'แลกอุดมการณ์ เพิ่มคะแนนนิยม'เท้ง'เฉือน'อิ๊งค์'
ผลสำรวจความเห็นของประชาชน 'นิด้าโพล' สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) หัวข้อ ความนิยมทางการเมือง ในไตรมาส 4 ปลายปี 2567 ให้ผลที่น่าสนใจ เมื่อ 'เท้ง’- นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) เป็นนักการเมืองที่ประชาชนสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุดอันดับ 1
ปี67‘อดีตสว.’ขยับสะเทือนถึงรัฐบาล ถอดถอน‘เศรษฐา’ที่มาของหลายเรื่อง
การเมืองรอบปี 2567 เหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดต้องยกให้กับศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ “เศรษฐา ทวีสิน” พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้ “แพทองธาร ชินวัตร” กลายเป็นนายกฯ หญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย และทำให้หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นตามมา วันนี้จึงขอบันทึกเรื่องราวนี้ไว้ ยกให้เป็นเหตุการณ์แห่งปี
‘ทักษิณ’ไม่กล้าเขี่ย‘ภท.-รทสช.’
เป็นความสัมพันธ์ที่แม้แต่คนภายนอกยังมองออกว่ากระท่อนกระแท่น สำหรับความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
สวมบท'อินฟลูอาเซียน' จุดเสี่ยงใช้ประเทศเดิมพัน?
ยืนยันชัดเจนจาก นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย หลังโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Anwar Ibrahim พร้อมรูปภาพคู่กับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี