กว่า 2 ปีที่มนุษยชาติยังคงต้องต่อสู้กับโรคติดเชื้่อไวรัสโควิด-19 มีการติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งโควิด-19 มีการพัฒนาสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นอัลฟา (อังกฤษ) เดลตา (อินเดีย) เบตา (แอฟริกาใต้)
ล่าสุดสายพันธุ์ "โอมิครอน" ที่เริ่มลามไปหลายประเทศทั่วโลก มากที่สุดอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และประเทศในแถบยุโรป ซึ่งยังคงต้องศึกษาข้อมูลของโอมิครอนอย่างต่อเนื่อง
สำหรับประเทศไทยหลังพบการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนไม่นาน รัฐบาลได้รีบยกเลิก Test & Go และให้ใช้ระบบกักตัว พร้อมปิดรับลงทะเบียนนักท่องเที่ยวรายใหม่เข้าไทยจนถึงวันที่ 4 ม.ค.65 ส่วนผู้ที่ได้รับอนุมัติแล้ว 200,000 คน เหลือทยอยเข้าไทยอีก 90,000 คน สั่งเข้มงวดติดตามเฝ้าระวังสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้องในการป้องกันโรคตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะกระจายไปทั่วประเทศ
ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,437 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,327 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 2,307 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 18 ราย
สำหรับสถานการณ์เชื้อกลายพันธุ์โอมิครอนในประเทศไทย วันที่ 27 ธ.ค. มี 514 ราย ถือเป็นการก้าวกระโดดจากสัปดาห์ที่แล้ว จำนวนนี้ 2 ใน 3 เป็นผู้เดินทางเข้าประเทศ และ 1 ใน 3 เป็นผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อ คลัสเตอร์ใหญ่อยู่ที่ จ.กาฬสินธุ์ เป็นเคสสามีภรรยาและที่เดินทางกลับจากเบลเยียม
ส่วนการเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่ เบื้องต้นยังไม่มีมาตรการห้ามการจัดกิจกรรมต่างๆ แต่ขอให้แต่ละจังหวัด โดยเฉพาะคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเข้มงวดมาตรการ
ทำให้ต้องจับตาว่าหลังพบสายพันธุ์โอมิครอนที่ระบาดรวดเร็วและเริ่มพบเชื้อในประเทศมากขึ้น หลังปีใหม่ โอมิครอน จะระบาดในวงกว้างแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการเสนอฉากทัศน์พยากรณ์ในกรณีที่มีการแพร่ระบาดของโอมิครอนใน 3 รูปแบบ
โดยรูปแบบที่ 1 ระดับรุนแรงที่สุด พบการระบาดของเชื้อโควิด-19 และฉีดวัคซีนใกล้เคียงช่วงเดือน ธ.ค. ประชาชนให้ความร่วมมือน้อย ไม่มีการป้องกัน ขณะทำกิจกรรมรวมคน สถานประกอบการ จัดกิจกรรมไม่สามารถปฏิบัติตาม VUCA ได้ ทำให้ควบคุมการแพร่ระบาดได้ยาก โดยใช้เวลา 3-4 เดือนกว่าจะควบคุมโรคได้ ซึ่งจะมีการติดเชื้อรายวันถึง “3 หมื่นรายต่อวัน” และมีผู้เสียชีวิต 170-180 รายต่อวัน
รูปแบบที่ 2 ระดับปานกลาง โอกาสติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ฉีดวัคซีนใกล้เคียงช่วงเดือน ธ.ค. ขณะที่ทุกภาคส่วนยังคงปฏิบัติตามมาตรการ VUCA อย่างเคร่งครัด ก็อาจจะพบผู้ติดเชื้อประมาณ 1.5-1.6 รายต่อวัน และใน 1-2 เดือน ตัวเลขผู้ติดเชื้อก็ค่อยทรงตัว และจะลดลงมาตามลำดับ โดยมีผู้เสียชีวิต 100 รายนิดๆ ต่อวัน
รูปแบบที่ 3 ระดับดีที่สุด ผลจากโอกาสติดเชื้อเพิ่มปานกลาง ฉีดวัคซีนได้เร็วขึ้นทุกกลุ่ม ลดกิจกรรมรวมกลุ่มคนจำนวนมาก และปฏิบัติ VUCA อย่างเคร่งครัด ตัวเลขสูงสุดจะอยู่ที่ 1.3 หมื่นราย หลังจากนั้นจำนวนผู้ติดเชื้อจะทรงตัวและลดลง ส่วนผู้เสียชีวิตจะอยู่ที่ 60-70 และจะลดลงในที่สุด
ข้อมูลของการเสียชีวิตเป็นไปตามพื้นฐานของการติดเชื้อที่มีการกระจายได้สูง แต่มีความรุนแรงที่ต่ำ เพราะฉะนั้นอัตราการเสียชีวิตอาจจะไม่สูงมากนัก
จากข้อมูลในประเทศอังกฤษที่ได้มีการศึกษาความเสี่ยงในการเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลของผู้ป่วยติดเชื้อโอมิครอนลดลงเมื่อเทียบกับเดลตา โดยสายพันธุ์เดลตาโอกาสเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมี 50% และนอนโรงพยาบาล 1 วันขึ้นไป 61% ส่วนสายพันธุ์โอมิครอนรักษาที่โรงพยาบาลอยู่ที่ 20-25% และนอนโรงพยาบาล 1 วันขึ้นไป 40-50%
ส่วนการศึกษาในแอฟริกาใต้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.-30 พ.ย.2564 พบว่าผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนมีร้อยละเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลลดลงเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่ความรุนแรงไม่แตกต่างกัน เนื่องจากเชื้อส่วนใหญ่จะอยู่แถวหลอดลม มากกว่าลงปอด แต่ถ้าลงสู่ปอดก็จะเกิดอาการรุนแรงพอๆ กันกับเดลตา
อย่างไรก็ตาม หลังจากวันที่ 4 ม.ค. รัฐบาลคงยังไม่ยกเลิก Test & Go ง่ายๆ เพราะจากการตรวจพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนล่าสุดอยู่ที่ 514 ราย นับว่ามีจำนวนมากภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือน และอาจจะลามไปทั่วประเทศก็ได้
ดังนั้นเพื่อการลดความเสี่ยง คาดว่ารัฐบาลยังคงเข้มมาตรการการรับนักท่องเที่ยวอยู่ สำหรับเตียงในขณะนี้ยืนยันว่ามีเพียงพอ เพราะโอมิครอนอาการไม่รุนแรง โดยจะใช้ระบบ Home Isolation เป็นส่วนใหญ่
และประเด็นสำคัญคือ เราอาจจะเจองานหนักมากกว่าสายพันธุ์ที่ผ่านมาในเรื่องของการแพร่กระจายของเชื้อ เพราะจากข้อมูลในสหรัฐอเมริกาได้มีการแพร่กระจายของโอมิครอนครบใน 50 รัฐ ภายในระยะเพียงไม่ถึงเดือน ซึ่งตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยในรอบสัปดาห์นี้อยู่ที่วันละ 168,000 ราย แซงหน้าจุดพีกในช่วงที่เดลตาแพร่ระบาดอย่างหนักในสหรัฐเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นมีผู้ติดเชื้อเฉลี่ยในรอบสัปดาห์อยู่ที่วันละ 164,000 ราย
ดังนั้นเพื่อทำให้งานสาธารณสุขเป็นไปด้วยดีที่สุด จะต้องควบคุมการแพร่ระบาดของโอมิครอนภายในประเทศไทยตอนนี้ให้ได้ เพื่อจะได้มีเวลาเตรียมความพร้อมเติมอาวุธยุทโธปกรณ์ทางการแพทย์ให้มากยิ่งขึ้น
แต่ถ้าเราไม่สามารถคุมในประเทศได้ และโอมิครอนจากต่างประเทศยังเข้ามาอีก ทีนี้ "งานเข้า" ทั้งประเทศอาจเลวร้ายยิ่งกว่าการแพร่ระบาดของอัลฟาและเดลตาที่ผ่านมา!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชนักติดหลัง-หอกดาบ ที่ค้างอยู่ของ"ทักษิณ"
แน่นอนว่า ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ย่อมต้องถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่ต้องตกอยู่ในสถานะ ผู้ถูกร้อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ หลังศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง-ไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัยในคดีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือ "คดีล้มล้างการปกครอง" ที่ศาล รธน.มีมติยกคำร้องไปเมื่อ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา
'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน
ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49
แจกเฟส 2 หวังผลการเมือง ส่อผิดกฎหมายหลายกระทง?
ปี่กลองอึกทึกครึกโครม ในสนามเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงนี้จึงอยู่ในช่วงงัดไม้เด็ดเดิมพันให้ได้คว้าชัยชนะ เพื่อเป็นอีกก้าวปูทางไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่
ปักธง1ภาค1เก้าอี้นายกอบจ. ส้มเก็บชัยหรือระเนระนาด
นับถอยหลังสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ระหว่าง นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน และนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
จับตาคลอดโผแต่งตั้ง“นายพลใหญ่” ตำรวจคนสนิทฝั่งรัฐบาลพรึบยกแผง
จับตาบ่ายวันนี้ การแต่งตั้งโยกย้ายล็อตแรก “นายพลใหญ่” ระดับรอง ผบ.ตร. จเรตำรวจ-ผบช. ที่นายกฯ อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นัดประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 10/2567 เพื่อพิจารณาบัญชีรายชื่อ “พล.ต.อ.-พล.ต.ท.” วาระประจำปี 2567
ยากจะขวาง‘โต้ง’นั่งปธ.บอร์ดธปท. แนวต้านขอสกัดจนนาทีสุดท้าย!
แม้จะมีข่าวว่า กรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติเลือก เสี่ยโต้ง-นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่