พฤติการณ์รบกวนขบวนเสด็จฯ ปิดทางนิรโทษฯ คดี 112

เกิดปฏิกิริยาและความคิดเห็นต่างๆ ตามมามากมายจากเหตุกาณ์เผชิญหน้า เมื่อวันเสาร์ที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา

ระหว่างแกนนำนักเคลื่อนไหวปีกสามนิ้ว ที่นำโดย ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และพวก ในปีกกลุ่มทะลุวัง กับกลุ่มแนวร่วมศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นำโดย อานนท์ กลิ่นแก้ว หรือ “สิงห์ดำ” หัวหน้ากลุ่มนักรบเลือดสีน้ำเงินปกป้องสถาบัน

 ปมการเผชิญหน้าดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม กรณีกลุ่มตะวันขับรถไล่ตาม และบีบแตรใส่ขบวนเสด็จฯ

และแม้จะโดนสังคมก่นด่าทั้งประเทศ แต่กลุ่มของตะวันก็ไม่ออกมาแสดงความรับชอบ-สำนึกผิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ยังนัดหมายทำกิจกรรมที่สกายวอล์กสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม เพื่อทำโพลถามความคิดเห็นในหัวข้อ “คุณคิดว่าขบวนเสด็จฯ สร้างความเดือดร้อนหรือไม่”

จนสุดท้าย เลยเกิดการเผชิญหน้ากับกลุ่มแนวร่วม ศปปส.ดังกล่าว ที่พาแนวร่วมจำนวนหนึ่งมาดักรอสกัดไม่ให้มีการทำโพลดังกล่าว จนเกิดการปะทะชกต่อยกันชุลมุน ก่อนจบลงโดยทั้ง 2 กลุ่มต่างไปแจ้งความต่อกันที่ สน.ปทุมวัน

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีคนออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย โดยพบว่าเกือบทั้งหมดไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้าของกลุ่มคนที่เห็นแตกต่าง จนเกิดเหตุที่นำมาซึ่งการทำร้ายร่างกายกัน

ขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็อ้างสิทธิ์ของตัวเอง เช่น กลุ่ม ศปปส.บอกว่า การเคลื่อนไหวของตะวันกับพวก ที่ไปขับรถไล่ตามและบีบแตรใส่ขบวนเสด็จฯ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม คนไทยรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น และยังไม่ยอมหยุดเคลื่อนไหว ซึ่งหากไม่มีการนัดหมายทำโพลดังกล่าว ก็ไม่เกิดเรื่อง

ด้านฝั่งกลุ่ม น.ส.ตะวัน และแนวร่วมผู้สนับสนุนการเคลื่อนไหว ก็อ้างเรื่องความเท่าเทียม-การแสดงของประชาชน และบอกว่า ศปปส.ใช้ความรุนแรงก่อน

ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา กลุ่ม ศปปส.ออกแถลงการณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนหนึ่งว่า

“การจัดการชุมนุมของทานตะวันและกลุ่มทะลุวัง เนื่องจากเป็นการจัดการชุมนุมที่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นการจัดการชุมนุมที่ไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด โดยทานตะวันและพวกไม่ได้จัดการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ

 ดังจะเห็นได้จากคลิปเหตุการณ์จากสื่อต่างๆ ว่าการ์ดของทานตะวันใช้กระบอกเหล็กหรือคิ้วที่พกมาด้วยเป็นอาวุธทำร้ายร่างกายทุบตีไปที่ศีรษะ, ใบหน้าและท่อนแขนของสมาชิก ศปปส.หลายต่อหลายครั้ง ทำให้ได้รับบาดเจ็บต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล

ขอประณามว่าเป็นการกระทำที่ถ่อยสถุนที่สุด และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้มงวดและจัดการขั้นเด็ดขาดกับทานตะวันและกลุ่มทะลุวัง ที่เหิมเกริมถึงขนาดขับรถยนต์จี้ขบวนเสด็จฯ กรมสมเด็จพระเทพฯ”

สำหรับ กลุ่ม ศปปส. หลายคนอาจสงสัยว่า เป็นใครมาจากไหน ซึ่งจริงๆ กลุ่ม ศปปส.เคลื่อนไหวการเมืองนอกสภาฯ มาหลายปีติดต่อกันแล้ว โดยเป็นกลุ่มที่มีแนวทางชัดเจนคือ ต่อต้านม็อบสามนิ้ว และพรรคก้าวไกล ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112

ที่ผ่านมา ศปปส.ไปเคลื่อนไหวยื่นเรื่องให้กรรมาธิการของสภาฯ ตรวจสอบ กลุ่มเครือข่ายนักการเมืองพรรคก้าวไกลหลายเรื่อง เช่น กรณีรังสิมันต์ โรม สส.ก้าวไกล เรื่องตั๋วปารีส เป็นต้น

 สำหรับแกนนำ ศปปส. นอกจาก อานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานกลุ่ม ศปปส.แล้ว ก็ยังมี ทรงชัย เนียนหอม ประธานกลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน, อัครวุธ ไกรศรีสมบัติ ประธานกลุ่มอาชีวะราชภักดี, กวิน ชาตะวนิช ประธานกลุ่มศรีสุริโยไทปกป้องสถาบัน, วสัน ทองมณโฑ หัวหน้ากลุ่มนักรบเลือดสีน้ำเงินปกป้องราชบังลังก์ เป็นต้น

ขณะเดียวกัน อีกจุดหนึ่งที่ทำให้คนในสังคมวิจารณ์เรื่องนี้กันเยอะก็คือ บทบาทของ บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ที่ดูเหมือนจะไม่ได้ขยับอะไร หลังมีการเผยแพร่คลิปและข่าวสารเรื่องกลุ่ม นส.ตะวัน กับพวก ขับรถยนต์จี้ขบวนเสด็จฯ

เพราะนอกจากจะเป็น ผบ.ตร.ที่ต้องดูแลภาพรวมความสงบเรียบร้อยในประเทศแล้ว

ตามประวัติพบว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ยังเคยเป็นอดีตผู้บังคับการกองบังคับการถวายความปลอดภัยและปฏิบัติการพิเศษฯ แต่หลังเกิดเหตุดังกล่าว ไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ ของ ผบ.ตร. จนหลายคนสงสัยว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ทำอะไรอยู่

อย่างไรก็ตาม หลังโดนวิจารณ์เยอะ ล่าสุดมีข่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ได้ประชุมร่วมกับ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยเพื่อกำชับความเข้มข้นการปฏิบัติของตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จฯ และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร โดยมีการกำชับการปฏิบัติต้องไม่กระทบกับประชาชนที่สัญจรบนท้องถนน และยังคงหลักด้านความปลอดภัยในขบวนเสด็จฯ อย่างสูงสุด ตลอดจนกำชับการรวบรวมพยานหลักฐานในคดีที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในขบวนเสด็จฯ พร้อมสั่งกำชับให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบคอบ หากพบว่ามีความผิด ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งให้นำบทเรียนที่เกิดผลกระทบต่อขบวนเสด็จฯ มาทำการศึกษาเพื่อถอดบทเรียน เพื่อให้เกิดมาตรฐานในการถวายความปลอดภัยให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด

ถือเป็นการเคลื่อนไหวของฝ่ายตำรวจที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการอารักขา-ดูแลความปลอดภัยของบุคคลสำคัญของประเทศ ที่แม้ดูแล้วอาจช้าไปบ้าง แต่ก็แสดงให้เห็นว่า ผบ.ตร.ยังทำงานอยู่!!! 

อย่างไรก็ตาม พฤติการณ์ไม่รู้กาลเทศะและแสดงออกอย่างไม่เหมาะสม หลายต่อหลายครั้งของกลุ่มสามนิ้ว และทำให้เกิดปัญหาคดีความตามมา โดยเฉพาะล่าสุดกับกรณีขบวนเสด็จฯ 

สิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้ความพยายามของ พรรคก้าวไกล ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มสามนิ้วทั้งแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผย และก้าวไกลก็เป็นพรรคแรกที่เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ เข้าสภาฯ โดยให้พ่วงล้างผิดคดี 112 ด้วย จนตอนนี้สภาฯ ก็มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญฯ มาศึกษาเรื่องการออกกฎหมายนิรโทษกรรมฯ อยู่ ท่ามกลางเสียงคัดค้านไม่เห็นด้วยมากมาย หากจะให้นิรโทษล้างผิดคนทำผิดคดี 112

แล้วยิ่งมาเจอกรณีป่วนขบวนเสด็จฯ ของกลุ่มตะวัน-ทะลุวัง เข้าไปแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้ประตูที่จะนิรโทษกรรมคดี 112 ถูกปิดตาย-ล็อกสนิทแน่นอน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เลือกตั้งซ่อมพิษณุโลก เวทีทวงคืนพรรคส้ม หลังพ่ายศึก อบจ.ราชบุรี

เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เปิดตัวเป็นผู้นำพรรคส้ม ลงสู้ศึกเลือกตั้งไม่สวยเท่าใดนัก หลังไม่สามารถนำทัพพรรคประชาชนปักธงเอาชนะใน ศึกเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)

สืบสันดาน'ระบอบทักษิณ' การเมืองวิปริต รอวันวิบัติ

การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่มี อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เป็นการผสมพันธุ์ข้ามขั้ว ทรยศหักหลัง สางแค้นคู่ปรับทางการเมือง โดยไม่สนใจมารยาทและจริยธรรมทางการเมืองแต่อย่างใด

“โผทหาร”ทบ.ร้อนระอุ ทิ้งไพ่ชิงขุมกำลังปฏิวัติ

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เหล่าทัพได้ส่ง “โผทหาร” ไปที่สำนักงานปลัดกกระทรวงกลาโหมเกือบครบหมดแล้ว เพราะเวลาที่บีบรัดเข้ามา จากกรอบเวลาที่ควรจะทำโผให้เสร็จสิ้นในช่วงกลางเดือน ก.ย. เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ทาง รมว.กลาโหม รักษาการ ในฐานะของประธานคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล จึงเรียกประชุมบอร์ดโยกย้ายในวัน 3 ก.ย.นี้

ปิดป่าฯ-สลาย“ปชป.” กฐินร้อนจ่อสอย“อิ๊งค์”

เป็นไปตามคาด เมื่อ “สรวงศ์ เทียนทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค พท. เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่า สส.ไม่สบายใจที่จะร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะพฤติกรรมแทงข้างหลังและไม่ยอมรับนายกฯ คนที่ 31 ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค

ทักษิณ-พท.ตั้งการ์ดรับมือ ร้องยุบพรรค-ตัดสิทธิเลือกตั้ง พลิกแฟ้มคดี ถูกร้องอื้อแต่เงียบ

ทักษิณ ชินวัตร เดินจังหวะการเมืองรัดกุมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการหลีกเลี่ยงไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เมื่อวันจันทร์ที่ 26 ส.ค. ทั้งก่อนและหลังเดินขึ้นตึกชินวัตร 3 ที่ปัจจุบันคือ ที่ทำการพรรคเพื่อไทยชั่วคราว และยังเป็นสถานที่วางแผนจัดตั้งรัฐบาล-ฟอร์ม ครม. รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร