เปิดข้อต่อสู้ “พิธา” แถลงปิดคดี หวังพลิกเกมกำชัยชนะ 24 ม.ค.

ผลคำวินิจฉัยคดี หุ้นสื่อไอทีวี ที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตกเป็นผู้ถูกร้อง ที่คาดว่าจะรู้ผลภายในช่วงไม่เกิน 4 โมงเย็น วันพุธที่ 24 ม.ค.นี้ หลังศาลรัฐธรรมนูญเริ่มอ่านคำวินิจฉัยกลางในเวลาบ่าย 2 โมงตรง

หากผลออกมา เป็นคุณ กับพิธา ที่ก็คือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติด้วยเสียงข้างมากให้ ยกคำร้อง ที่ก็คือพิธา ชนะคดี

 ผลที่ตามมาทันทีคือ คาดว่าพิธาจะเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ และจากนั้นจะสร้างซีนการเมือง ด้วยการเดินเข้าสู่ห้องประชุมสภา ที่มีการประชุมประจำสัปดาห์กัน หลังพิธาไม่สามารถเข้าห้องประชุมสภามาร่วม 6 เดือน นับแต่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เมื่อ 19 ก.ค.2566

และหลังจากนั้นพิธาจะกลับมาเป็นตัวหลักของพรรคก้าวไกล ในการเคลื่อนไหว-แสดงความคิดเห็นต่างๆ ทางการเมือง

โดยบทบาทสำคัญก็คงเป็นเรื่อง การเป็นผู้นำพรรคในการตัดสินใจว่าจะขอเปิดอภิปรายรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ที่ฝ่ายค้านกำลังรอดูหน้างานอยู่ว่า จะเป็นอภิปรายแบบทั่วไปไม่ลงมติ หรือยื่นอภิปรายซักฟอก-ไม่ไว้วางใจ

รวมถึงต้องจับตาดูว่า ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล-ผู้นำฝ่ายค้าน จะประกาศ ลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตามมาทันทีหรือไม่

เพื่อเปิดทางให้พิธากลับมาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลตามเดิม จนขึ้นสู่เก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้าน ที่เป็นตำแหน่งต้องมีการโปรดเกล้าฯ หลังชัยธวัชเคยบอกก่อนหน้านี้ว่า เขาเป็นแค่หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขัดตาทัพ เพื่อรอการคัมแบ็กของพิธา

แม้จะมีการมองกันว่า ชัยธวัชเพิ่งขึ้นมาเป็นผู้นำฝ่ายค้านได้ไม่นาน เพราะเพิ่งจะมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อ 18 ธ.ค.2566 ทำให้ชัยธวัช-พิธา-ก้าวไกล อาจมองว่าควรรออีกสักระยะเพื่อความเหมาะสม แต่ยังไงเชื่อได้ว่า ถ้าพิธารอดคดีหุ้นสื่อไอทีวี ก็จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลอีกครั้งในเร็วๆ นี้แน่นอน

แต่หากผลคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญออกมาในทาง เป็นโทษ-ไม่เป็นคุณ กับพิธา

ผลที่ตามมาคือ ทำให้พิธา ต้องพ้นจากการเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลอย่างเป็นทางการ โดยคาดว่าจะให้มีผลตั้งแต่วันเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 เพราะถือว่าขาดคุณสมบัติการลงสมัคร สส.ตั้งแต่แรก ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้ง สส. แต่จะไม่ถูก ตัดสิทธิ์การเมือง แต่อย่างใด ที่ก็คือ เลือกตั้งสมัยหน้า พิธายังลงสมัคร สส.ได้อยู่

แต่เอฟเฟกต์ทางคดีที่จะตามมาก็คือ พิธาอาจโดนดาบสองคดีอาญาตามมาซ้ำ!

ด้วยการที่ กกต.อาจมีมติให้แจ้งความดำเนินคดีอาญากับพิธา ตามมาตรา 151 พ.ร.บ.การเลือกตั้ง สส.ที่บัญญัติว่า

“ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง ได้สมัครรับเลือกตั้ง หรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท ให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 20 ปี”

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนของ กกต.ที่ไต่สวนเอาผิดคดีอาญากับพิธา มีความเห็นให้ยกคำร้อง เพราะมองว่าการเอาผิดตามมาตรา 151 ที่เป็นเรื่องทางอาญานั้น อนุกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า พิธาไม่มีเจตนา หาก กกต.เอาผิดคดีอาญาต้องมีพยานหลักฐานชัดเจนมากกว่านี้ ทว่าต่อมา กกต.ขอให้อนุกรรมการเบรกการพิจารณาไว้ก่อนเพื่อรอผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะมีพยานหลักฐานอะไรที่สำคัญปรากฏออกมาหรือไม่ และศาลตัดสินอย่างไร จากนั้นจึงจะมีการนัดประชุมเพื่อหาข้อสรุปว่า จะเอาผิด “พิธา” ในคดีอาญา หรือจะยุติเรื่อง ตามที่เคยมีความเห็นก่อนหน้านี้

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ “พิธา-ก้าวไกล” ก่อนวันดีเดย์ตัดสินคดีพบว่า เพจ "พรรคก้าวไกล" มีการเผยแพร่คลิปความยาว 7 นาที ที่เป็นการนำเสนอเรื่องคดีหุ้นสื่อไอทีวี ก่อนถึงวันอ่านคำวินิจฉัยคดี

ไฮไลต์สำคัญของคลิปดังกล่าวก็คือ การยก 6 ประเด็น มาสื่อสารกับประชาชน-แฟนคลับด้อมส้มว่า พิธามีโอกาสชนะคดีสูง และทำให้ได้กลับสภาทันทีพุธนี้

ซึ่งเชื่อได้สนิทใจว่า 6 ประเด็นดังกล่าวก็คือประเด็นหลักที่อยู่ใน คำแถลงปิดคดี ของพิธา ที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ อันเป็นขั้นตอนสุดท้าย ก่อนมีการอ่านคำตัดสิน 24 ม.ค.นี้

โดย 6 ประเด็นที่ฝ่ายพิธา-ทีมทนายความเชื่อว่าจะทำให้ พิธาชนะคดีก็คือ  

1.ไอทีวีไม่มีสถานะเป็นสื่อมวลชนอีกแล้ว เพราะไม่มีใบอนุญาตคลื่นความถี่ เพราะถูกรัฐบาลไทยแจ้งยกเลิกสัญญาตั้งแต่ปี 2550

2.ต่อมามีการออก พ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.2551 ก่อให้เกิดสถานีไทยพีบีเอส ทำให้ไอทีวีต้องเลิกประกอบกิจการโทรทัศน์ และยังมีคดีข้อพิพาทที่ศาลปกครองกับทางรัฐบาลไทย

3.คิมห์ (นายคิมห์ สิริทวีชัย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ถือหุ้นใหญ่ไอทีวี) ประธานการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ยืนยันต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า ไอทีวีไม่มีพนักงาน ไม่มีรายได้จากการทำสื่อ ไม่มีการทำสื่อและไม่มีแผนจะทำสื่อ และถ้ายึดตามแนวทางคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะศาลเคยเห็นว่า หากไม่มีรายได้จากการทำสื่อ ก็ไม่ถือว่าเป็นสื่อ

4.ไม่มีหลักฐานจดแจ้งการพิมพ์ จึงไม่อาจเป็นผู้ประกอบการสื่อสิ่งพิมพ์หรือสิ่งพิมพ์อื่นได้

5.ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการภาพยนตร์ วีดิทัศน์และสื่อโฆษณา จึงไม่อาจประกอบกิจการดังกล่าวได้

6.ศาลปกครองสูงสุดเคยชี้ว่าไอทีวีไม่ปรากฏหลักฐานการดำเนินการกิจการสื่อวิทยุโทรทัศน์แล้ว

ที่น่าสนใจ คลิปดังกล่าวระบุว่า ถึงต่อให้ไอทีวีเป็นสื่อมวลชนจริง พิธาก็มีหลักฐานว่า ไม่ได้ครอบครองหุ้นตั้งแต่วันที่สมัคร สส. คือตั้งแต่ตอนยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ตอนเข้าเป็น สส.ครั้งแรกเมื่อปี 2562 นายพิธาแจ้งต่อ ป.ป.ช.ชัดเจนว่าถือหุ้นไอทีวี จากการเป็นผู้จัดการมรดก จากคุณพ่อที่เสียชีวิตไป หรือต่อให้ศาลเห็นว่าเป็นการถือหุ้นสื่อจริง แต่ก็มีสัดส่วนเพียง 0.00348% เท่านั้น ไม่สามารถครอบงำสั่งการให้ทำการหรือไม่ทำการใดๆ ได้

พิธาจะชนะคดีหุ้นสื่อหรือจะแพ้คดี รอลุ้นกัน คงไม่เกิน 15.30 น. พุธนี้ 24 ม.ค. ได้รู้กัน

บนการคาดหมายได้ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองและกฎหมายตามมาแบบดังสนั่นหวั่นไหว. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สวมบท'อินฟลูอาเซียน' จุดเสี่ยงใช้ประเทศเดิมพัน?

ยืนยันชัดเจนจาก นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย หลังโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Anwar Ibrahim พร้อมรูปภาพคู่กับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

พ่อบงการ ลูกตามสั่ง

“พ่อบงการ ลูกตามสั่ง” ผ่าน “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” คงไม่เกินเลยความเป็นจริง เพราะเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ มีคำบัญชาผ่านเวทีต่างๆ รัฐบาลชุดนี้ก็สนองนโยบายทันที โดยไม่สนใจว่ารัฐบาลจะขาดความน่าเชื่อถือ และยำเกรงต่อกฎหมายมิให้คนนอกเข้ามาครอบงำแต่อย่างใด”.

ทักษิณไฟสุมขอน ‘รทสช.’ เขย่าบัลลังก์ ‘พีระพัง’

“สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” มอตโตขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จนถึงปัจจุบัน จากพรรคน้องใหม่ตอนนี้ทำงานมากว่า 3 ปีแล้ว โดยการนำของ “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค กุมทัพ 36 สส.ในปัจจุบัน

“รัฐบาล”ไฟลต์บังคับ “ทักษิณ”ได้แค่กร่าง

ดรามาปม “อีแอบ” อาจเป็นแค่ประเด็นโชว์กร่าง หวังกดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลสยบยอม หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ ที่มีสถานะเป็นพ่อนายกรัฐมนตรี ได้พ่นไฟระหว่างงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่ อ.หัวหิน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา

'นายแบกเพื่อไทย' ตบปาก 'นายกฯว่าว' โทษฐาน แนะ 'นายกฯอิ๊งค์' ใช้เวทีสภาฯ ลบคำครหาเรื่องโพย พึ่งพ่อ

นายอิราวัต อารีกิจ หรือ หมออั้ม นักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความว่า พิธา แนะนายกฯอิ๊ง ให้ใช้เวทีสภาฯ แส

“พ่อเลี้ยง”เปลี่ยนสนามรบเป็นทุน “ดับไฟใต้-สันติภาพเมียนมา”

“ฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง” นับเป็นภาพการเมืองในฝ่ายบริหารที่ “วิญญูชน” พึงประจักษ์ได้ว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการขยับตัวและคำพูดของ “ทักษิณ ชินวัตร” วิทยากร-นักวิชาการของพรรคเพื่อไทย