ส่องงานหินรัฐบาล‘เศรษฐา’ปี67 ‘เงินดิจิทัล-แลนด์บริดจ์’ยังต้องลุ้น

เริ่มต้นบริหารประเทศมาเกือบ 4 เดือนแล้ว สำหรับรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ขณะนี้จุดพลุเดินหน้าไปหลายนโยบายแล้ว ซึ่งทั้งหมดแค่เริ่มต้น ยังต้องรอผลิดอกออกผลชัดเจนกันในปี 2567 ทั้งนี้หากวิเคราะห์การทำงานในหมวดที่เป็นงานหินของรัฐบาลจากนี้

เริ่มที่ โครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่ขณะนี้หนังสือสอบถามเกี่ยวกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงิน 5 แสนล้านบาท อยู่ในมือคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณารายละเอียดข้อมูลอย่างรอบคอบ ว่าจะให้ออกเป็นกฎหมายได้หรือไม่ หรือจะสุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวก็เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนตามกฎหมาย ซึ่งคาดว่ากฤษฎีกาจะตอบกลับเรื่องดังกล่าวมาภายในเดือนมกราคม 2567

อย่างไรก็ตาม หากผ่านด่านของกฤษฎีกาและผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ยังต้องด่านการพิจารณาของสภา ที่ต้องจับตาเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งนายเศรษฐามั่นใจว่าเสียงพรรคร่วมจะให้การสนับสนุนจนผ่านไปได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้แม้จะผ่านสภาแล้ว แต่ยังต้องระวังอีกด่านสำคัญคือ ศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีมีการยื่นตีความว่าจะมีความผิดมาตรา 53 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังหรือไม่ และยังหวั่นซ้ำรอยกับร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ จึงนับว่าเป็นงานหินชิ้นสำคัญของรัฐบาลที่จะต้องเข็นกันต่อไปให้สุดทางในปี 2567 ที่ขณะนี้นายกฯ ยังคงยืนยันไทม์ไลน์เดิม

ต่อด้วยการจุดพลุ แก้ปัญหาหนี้สิน มาเฟียดอกโหด เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 นายเศรษฐานำทีมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงแก้ปัญหาหนี้นอกระบบยกเป็นวาระแห่งชาติ โดยมีการประเมินตัวเลขประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบกว่า 5 หมื่นล้านบาท พร้อมกำหนดกรอบในการแก้ไขปัญหา ดูแลลูกหนี้และกวาดล้างมาเฟีย พร้อมได้เคยกำชับฝ่ายความมั่นคงให้ดูแลเรื่องความปลอดภัยลูกหนี้ แม้แต่เล็บข่วนก็อย่าให้เกิด และวันที่ 12 ธันวาคม 2566 ได้นำแถลงอีกครั้งในการแก้ไขปัญหาหนี้ในระบบ ที่ถือเป็นวาระแห่งชาติเช่นเดียวกัน

โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่มีรายได้ประจำแต่มีภาระหนี้จำนวนมากจนเกินศักยภาพในการชำระหนี้คืน กลุ่มที่ 3 คือผู้มีรายได้ไม่แน่นอน ทำให้การชำระคืนหนี้ไม่ต่อเนื่อง และกลุ่มที่ 4 กลุ่มที่เป็นหนี้คงค้างเป็นระยะเวลานาน ซึ่งทุกกลุ่มรัฐบาลมีแนวทางในการช่วยเหลือที่แตกต่างกัน โดยจะเน้นการให้ความเป็นธรรมทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ ขณะที่ล่าสุด ครม.ยังเห็นชอบ​ 3 มาตรการ​ งบ 4,900​ ล้านบาท แก้หนี้ทั้งระบบ​

โดยให้​สถาบันการเงินเฉพาะกิจสำรองเงิน ก่อนตั้งงบประมาณชำระคืน​ โดย 3 มาตรการ ได้แก่ การช่วยเหลือพักหนี้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบ​ และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระ

ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาหนี้สินทั้งระบบให้ประชาชนไม่ใช่เริ่มต้นที่รัฐบาลนี้ แต่มีการประกาศแก้ไขปัญหามาหลายรัฐบาลแล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นรูปธรรม อย่างในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาทิ มีการช่วยเรื่องปลอดดอกเบี้ย หรือช่วยในรูปบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขณะที่ในรัฐบาลปัจจุบันก็ถือว่าจุดพลุได้ฮือฮาเหมือนกันว่าจะเอาจริงเอาจัง ส่วนจะทำได้จริงหรือไม่ ตอนนี้แค่เพียงเริ่มต้น ยังไม่เห็นผล ต้องประลองฝีมือนายกฯ นักธุรกิจกันต่อไปว่าจะทำสำเร็จหรือไม่

และอีกงานใหญ่สำคัญที่ยังไม่เกิด และกำลังรอรัฐบาลในการพลิกโฉมการค้าของโลก ในเมกะโปรเจกต์ แลนด์บริดจ์ ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน โดยคาดว่าหากโครงการนี้สำเร็จจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล ทั้งนี้ ครม.ได้มีอนุมัติหลักการโครงการแลนด์บริดจ์แล้ว

ขณะที่นายเศรษฐา ระหว่างเดินสายไปเปิดตลาดการค้า ดึงนักลงทุนนานาประเทศมาไทย ก็ได้ไปชูโครงการแลนด์บริดจ์ในทุกเวที ที่จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและการคมนาคมขนส่งทางเรือเส้นใหม่ของโลก แก้ไขปัญหาการจราจรผ่านช่องแคบมะละกา ที่เร็วกว่า ประหยัดกว่า ลดเวลาการเดินทางรวม 4 วัน และลดต้นทุนโดยเฉลี่ยได้ถึง 15%

อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการศึกษาและเตรียมออกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. คาดว่าประมาณกลางปี 2567 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ระหว่างที่โครงการยังไม่เริ่มก็มีเสียงคัดค้านจากชาวบ้านในพื้นที่โครงการ จ.ชุมพร และระนอง ที่เรียกร้องให้มีการศึกษาผลกระทบทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ให้ถามชาวบ้านก่อนจะเดินหน้าโครงการดังกล่าว เพราะมองว่ากระทบต่อวิถีชีวิตและเสี่ยงกระทบวงจรนิเวศทางทะเลอีกด้วย

ทั้งนี้ คาดว่านายเศรษฐาจะได้ใช้โอกาสในการประชุม ครม.สัญจร ปลายเดือนมกราคม 2567 ที่จังหวัดระนอง ลงไปพบปะรับฟังปัญหาจากชาวบ้านด้วย

และนี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของงานหินในปี 2567 ที่รัฐบาลต้องทำต่อหลังจุดพลุไปแล้ว ส่วนจะทำได้สำเร็จ ทำให้ประชาชนสมหวังหรือไม่ ต้องรอดูกันต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เลือกตั้งซ่อมพิษณุโลก เวทีทวงคืนพรรคส้ม หลังพ่ายศึก อบจ.ราชบุรี

เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เปิดตัวเป็นผู้นำพรรคส้ม ลงสู้ศึกเลือกตั้งไม่สวยเท่าใดนัก หลังไม่สามารถนำทัพพรรคประชาชนปักธงเอาชนะใน ศึกเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)

สว.เตือน นายกฯอิ๊งค์ อย่าให้พ่อครอบงำ แนะ ‘ทักษิณ’ เลี้ยงหลานอยู่บ้านเลิกจ้อสื่อ

สว.ปฎิมา เตือน ‘อุ๊งอิ๊ง’ อย่าให้พ่อครอบงำ  ไม่ตกอยู่ใต้ร่มเงา แนะให้ไปบอกพ่ออยู่บ้านเลี้ยงหลาน งดจ้อสื่อ มีอะไรจะกลับไปถามเอง 

สืบสันดาน'ระบอบทักษิณ' การเมืองวิปริต รอวันวิบัติ

การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่มี อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เป็นการผสมพันธุ์ข้ามขั้ว ทรยศหักหลัง สางแค้นคู่ปรับทางการเมือง โดยไม่สนใจมารยาทและจริยธรรมทางการเมืองแต่อย่างใด