มองแผน ก้าวไกล ก่อนอภิปรายชำแหละ "ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567" ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน
สืบเนื่องจากที่พรรคก้าวไกลในฐานะหัวหน้าฝ่ายค้าน เสนอให้มีการเลื่อนวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 67 ออกไปอีก 1 สัปดาห์ จากกำหนดการเดิมที่รัฐบาลตั้งไว้ในวันที่ 3-4 ม.ค.2567
เนื่องจากกังวลว่ากว่าจะได้เอกสารในรูปแบบกระดาษทั้งหมด จะไม่เหลือเวลาในการนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่ออภิปราย และมีการเหน็บรัฐบาลด้วยว่าการประวิงเวลาในลักษณะนี้ เป็นเพราะรัฐบาล "กลัว" หรือไม่อยากให้ฝ่ายค้านตรวจสอบหรือไม่
ก่อนจะมีการต่อรองว่า ถ้าไม่รับข้อเสนอ และอยากให้พิจารณาในวันเดิม ก็ช่วยส่งเอกสารเป็นรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์มาก่อนวันที่ 28 ธ.ค.ได้หรือไม่ ไม่ต้องรอส่งเอกสารในรูปแบบกระดาษที่ต้องใช้เวลามากเกินจำเป็น
ซึ่งสุดท้ายรัฐบาลก็ยอมส่งร่าง พ.ร.บ.งบฯ 67 ทั้งฉบับในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวนกว่า 25,000 หน้า ให้กับฝ่ายค้านในวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา
แต่การที่ส่งมาเป็นไฟล์ PDF ทำให้กลุ่ม ก้าว Geek ต้องร่วมกับภาคประชาสังคมอย่าง WeVis แปลงเป็นไฟล์ Excel เพื่อให้สามารถจำแนกข้อมูลได้ง่ายที่สุด แต่ก็เสียเวลาไปอีก 2 วัน ส่งผลให้เหลือเวลาวิเคราะห์จริงๆ แค่ 5 วันเท่านั้น
อีกทั้งการที่ทีมงานก้าวไกลพยายามจะเร่งแปลงเอกสาร พ.ร.บ.งบฯ 2 ปีย้อนหลัง ทั้งปี 2565 และปี 2566 ที่ผ่านการพิจารณาของสภาแล้ว ก็ยิ่งทำให้ สส.หลายคนชวดโอกาส แทนที่จะได้ใช้วันหยุดในช่วงปีใหม่ลงพื้นที่พบปะประชาชน กลับต้องเอาเวลามาทำงานเพื่ออ่านเอกสารแทน
โดยผู้ที่ถูกวางไว้เป็นแม่ทัพสำคัญให้เป็นผู้ดำเนินการเปิดฉาก ชำแหละงบประมาณ ในครั้งนี้คือ ผู้นำฝ่ายค้านป้ายแดง อย่าง นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล
พ่วงด้วย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล บุคคลที่ให้ความเห็นและติดตามเรื่องการใช้งบมาโดยตลอด
ในธีม วิกฤตแบบใด? ทำไมจัดงบแบบนี้ แตกต่างจากในครั้งก่อนๆ สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีการวางงบเหมือนเดิมทุกปี จึงเป็นการอภิปรายแบบเจาะลงไปเป็นรายกระทรวง
งบฯ 67 ถูกเริ่มจัดสรรตั้งแต่รัฐบาลประยุทธ์ จำนวน 3.35 ล้านล้านบาท แต่ในรัฐบาลเศรษฐามีการวางกรอบที่เริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ศูนย์ เป็นจำนวน 3.48 ล้านล้านบาท
ทำให้หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า งบประมาณที่เพิ่มขึ้นนั้นจะถูกนำไปใช้ในส่วนใด เพราะเนื้อหาภายในแทบไม่ต่างจากเดิมเลย ในรายละเอียดคำของบประมาณเองก็ไม่ค่อยมีโครงการใหม่ ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่ทำมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว น้อยกว่าที่รัฐบาลใหม่ในรอบ 9 ปี ควรจะเป็น
ยกตัวอย่างโครงการใหม่ในงบฯ 67 ที่ น.ส.ศิริกัญญา เคยหยิบยกมาพูดถึง อาทิ กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ที่เพิ่มขึ้นถึง 1.5 หมื่นล้านบาท ก็ดูจะไม่ค่อยตรงปกกับที่รัฐบาลเคยแถลงข่าวว่าจะให้เพิ่มแค่แสนล้านบาท
สำหรับกองทุนส่งเสริม SME เอง ได้เพิ่มถึง 10 เท่า คือ 5 พันล้านบาท ถือว่ารัฐบาลให้ความสำคัญ เพราะเป็นการเพิ่มการเข้าถึงแหล่งทุน matching fund กับ start up แต่ก็อาจจะทำให้ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นๆ ได้ ส่วนกองทุนหมู่บ้านก็เพิ่ม 10 เท่าเช่นเดียวกัน เป็นจำนวน 1.5 พันล้านบาท ในการใช้เพื่อติดโซลาร์เซลล์และทำน้ำประปาสำหรับหมู่บ้าน และยังมีกรมสรรพสามิตที่ได้งบเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะถูกนำไปใช้ในเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV
แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือ งบก้อนใหญ่ที่ถูกกันไว้เพื่อหักลบกลบหนี้หลากหลายรายการจากสิ่งที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ทิ้งไว้ให้
หนำซ้ำรัฐบาลเศรษฐายังต้องคอยระวังความผิดพลาดซ้ำซ้อนจากการที่สำนักงบประมาณอาจตัดงบบุคลากรต่ำกว่าความเป็นจริง เหมือนที่เคยเป็นมาทุกปี ทำให้ต้องมาชดใช้กันในภายหลังอีก
ไม่นับรวมการกรณีหากดันร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ ผ่านสภาไม่ได้ ก็จะหมดหนทางทำโครงการ "ดิจิทัลวอลเล็ต" หรือโครงการซอฟต์พาวเวอร์ ที่ก็น่าจะทำไม่ทัน ต้องขยับไปเริ่มในงบฯ 68 ซึ่งอาจต้องใช้งบกลางแทน สะท้อนให้เห็นถึงการไม่เตรียมความพร้อมของรัฐบาลเศรษฐา
ยังมีนโยบายจิปาถะอื่นๆ อีก ทั้งนโยบายท่องเที่ยว ที่ ททท.ได้งบเพิ่มพันล้านบาท, งบแท็บเล็ตสำหรับเด็กก็ยังไม่มา, งบกลาโหมที่เคยหาเสียงเอาไว้ว่าจะตัดลบ 10% แต่ปีนี้งบเพิ่มเกือบ 4 พันล้านบาท ซึ่งถูกนำไปใช้ในการเพิ่มเงินเดือนมากกว่าครึ่ง, โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ก็ต้องใช้เงินอุดหนุนแทน ไม่ได้เพิ่มงบ เนื่องจากไม่ถูกบรรจุอยู่ในโครงการ หรือกรณีที่เคยมีการเสนอให้เก็บภาษีน้ำมันเบนซิน
ข้อกังวลในสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้สุทธิของรัฐบาล ที่ลดลงเหลือเพียง 29.1 เป็นปีแรกในประวัติศาสตร์ เพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งอาจเป็นสัญญาณต่อการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ทั้งที่เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
หรือโครงการ 30 บาทพลัส ที่ถูกรัฐบาลตัดงบออกถึง 5 พันล้านบาท ซึ่งแม้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เจ้ากระทรวงสาธารณสุข จะออกมาพูดเอง แต่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และสำนักงบฯ ก็ไม่สนใจ
กลับกันกระทรวงมหาดไทยดันได้งบเพิ่มเป็นอันดับ 1 แซงหน้ากระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขึ้นเงินเดือนให้กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน ตามที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ทำไว้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง
อีกทั้งภาพรวมของการที่อยากจะทำให้ได้ GDP เฉลี่ย 5% ใน 4 ปีแรก ก็ยังไม่ปรากฏมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะมาเสริมพลังให้กับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ทำเหมือนหวังน้ำบ่อเดียว สภาพงบประมาณก็ไม่เหมือนอยู่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจตามที่เคยกล่าวอ้าง และไม่มีโครงการเฉพาะเจาะจงในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจริงๆ เลย
หากคิดตามข้ออ้างของรัฐบาลที่บอกว่า การจัดสรรงบฯ 67 มีความฉุกละหุก ทำไม่ทัน แต่อย่าลืมมองในระยะยาว เช่น เรื่องค่าไฟฟ้า ถ้ายังไม่มีการปรับโครงสร้างก็อาจทำให้ กฟผ.ต้องกู้เพิ่มเพื่อตรึงราคา แล้วให้รัฐบาลช่วยออกค่าดอกเบี้ยไปก่อน
และ “ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง กำหนดให้รัฐบาลทำงบประมาณในระยะปานกลาง คือไปข้างหน้าในระยะเวลาประมาณ 5 ปี แต่ตอนนี้รัฐบาลเหมือนทำแก้บน ตามที่ พ.ร.บ.บอกให้ทำ คือเพิ่งทำกรอบระยะปานกลางไป พอจัดงบจริงก็ไม่ได้ตามกรอบที่วางเอาไว้” ที่ น.ส.ศิริกัญญา เคยกล่าวไว้
น.ส.ศิริกัญญา ยังให้ความเห็นว่า “การแถลงนโยบายของรัฐบาลก็เหมือนใส่แว่นคนเบลอ เห็นภาพไกล แต่รางๆ ขอบไม่คมเท่าไหร่”
ในฐานะประชาชน คงต้องเฝ้าจับตาดูศึกในครั้งนี้ให้ดี เพราะการอภิปราย "งบฯ 67" ไม่ใช่แค่เกมระหว่าง "ฝ่ายค้าน" และ "ฝ่ายรัฐบาล" ที่เข้าห้ำหั่นกันเท่านั้น แต่เป็นการจัดสรรเงินภาษีที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของคนทำงาน เกี่ยวพันไปถึงการกำหนดทิศทางประเทศ และผลประโยชน์ที่เราควรได้รับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พ่อบงการ ลูกตามสั่ง
“พ่อบงการ ลูกตามสั่ง” ผ่าน “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” คงไม่เกินเลยความเป็นจริง เพราะเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ มีคำบัญชาผ่านเวทีต่างๆ รัฐบาลชุดนี้ก็สนองนโยบายทันที โดยไม่สนใจว่ารัฐบาลจะขาดความน่าเชื่อถือ และยำเกรงต่อกฎหมายมิให้คนนอกเข้ามาครอบงำแต่อย่างใด”.
ทักษิณไฟสุมขอน ‘รทสช.’ เขย่าบัลลังก์ ‘พีระพัง’
“สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” มอตโตขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จนถึงปัจจุบัน จากพรรคน้องใหม่ตอนนี้ทำงานมากว่า 3 ปีแล้ว โดยการนำของ “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค กุมทัพ 36 สส.ในปัจจุบัน
“รัฐบาล”ไฟลต์บังคับ “ทักษิณ”ได้แค่กร่าง
ดรามาปม “อีแอบ” อาจเป็นแค่ประเด็นโชว์กร่าง หวังกดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลสยบยอม หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ ที่มีสถานะเป็นพ่อนายกรัฐมนตรี ได้พ่นไฟระหว่างงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่ อ.หัวหิน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา
“พ่อเลี้ยง”เปลี่ยนสนามรบเป็นทุน “ดับไฟใต้-สันติภาพเมียนมา”
“ฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง” นับเป็นภาพการเมืองในฝ่ายบริหารที่ “วิญญูชน” พึงประจักษ์ได้ว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการขยับตัวและคำพูดของ “ทักษิณ ชินวัตร” วิทยากร-นักวิชาการของพรรคเพื่อไทย
47 เก้าอี้นายกฯอบจ. บ้านใหญ่ ลุ้นเข้าวิน-กินเรียบ!
คิกออฟ นับหนึ่งตั้งแต่จันทร์ที่ 23 ธ.ค.ที่เป็นวันแรกของการรับสมัครบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งนายกฯ อบจ. 47 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงที่ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ 76 จังหวัด
‘แม้ว’ ไล่ทุบ- ‘ภูมิใจไทย’ ไม่หมู ‘แดง-น้ำเงิน’ ทนอยู่แบบตบจูบ
นาทีนี้ศึกฝ่ายค้าน-รัฐบาลยังไม่เดือดเท่ากับศึกรัฐบาลด้วยกันเอง แรงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการขบเหลี่ยมของพรรคอันดับ 1 และพรรคอันดับ 2