กระแสข่าวการเมือง เรื่องปีหน้า 2567 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่หนีคดีตามหมายจับของศาลฎีกาฯ หลังถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุก 5 ปี ในคดีรับจำนำข้าว จะเดินตามรอยพี่ชาย ทักษิณ ชินวัตร ด้วยการเดินทางกลับมารับโทษในประเทศไทย และจากนั้น จะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ
กระแสข่าวดังกล่าวเริ่มถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ หลังมีการมองกันว่า กระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่อง ทักษิณ ชินวัตร ได้รับอภิสิทธิ์-สิทธิพิเศษ นอนอยู่โรงพยาบาลตำรวจมาถึงตอนนี้เกิน 4 เดือนไปแล้ว และมีแนวโน้มจะได้รับการพักโทษกลับไปอยู่บ้านพักจันทร์ส่องหล้า ในช่วงหลังวันที่ 22 ก.พ.2567 ที่ครบการที่ทักษิณกลับมารับโทษ 6 เดือน นับแต่ 22 ส.ค.2566 อีกทั้งยังมีกรณีกรมราชทัณฑ์ออก ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ที่ประกาศเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.66 ที่ถูกมองว่าทำให้ทักษิณจะได้รับประโยชน์จากระเบียบดังกล่าว คือ ถูกคุมขังนอกเรือนจำ ที่อาจเป็นบ้านพักหรือสถานที่สถานที่หนึ่ง ที่ไม่ใช่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและ รพ.ตำรวจ เพื่อลดแรงต้านจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยที่ทักษิณกลายเป็นนักโทษซูเปอร์วีไอพี
แม้เคสของทักษิณจะทำให้ สังคมวิพากษ์วิจารณ์ รัฐบาล-กระทรวงยุติธรรม-กรมราชทัณฑ์ กันอย่างมากว่า เลือกปฏิบัติ-ช่วยเหลือทักษิณ จนทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมสั่นคลอนพอสมควร
แต่ฝ่ายทักษิณ-เพื่อไทยอาจประเมินว่า แม้จะมีกระแสต่อต้าน วิจารณ์ค่อนข้างมาก แต่ก็ยังอยู่ในสภาพที่ ปลุกไม่ขึ้น-กระแสยังไม่พีก
คือมีความไม่พอใจจากประชาชนสูงอยู่ แต่ภาพรวมยังเป็นกระแสที่ไม่ได้ลุกลาม จนมีคนไม่เห็นด้วยจำนวนมาก ถึงขั้นจะส่งผลสั่นคลอนจนมีผลกระเทือนต่อรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย จนทำให้ทักษิณต้องรีบออกจาก รพ.ตำรวจ กลับไปรับโทษที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
มันก็ไม่แน่ จุดนี้อาจทำให้ยิ่งลักษณ์และทักษิณประเมินว่า แล้วถ้ายิ่งลักษณ์จะกลับมาอีกสักคน แล้วเดินตามรอยพี่ชาย กลับมารับโทษแล้วยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ แล้วระหว่างนั้นก็ใช้ช่องทางพิเศษต่างๆ เพื่อให้ไม่ต้องไปรับโทษที่เรือนจำเหมือน นักโทษหญิง ทั่วไป
มันก็อาจเป็นจุดที่ทำให้ยิ่งลักษณ์อาจตัดสินใจกลับมาประเทศไทยในปีหน้า 2567 ก็เป็นไปได้
เพราะหลักประกันที่ดีที่สุดก็คือ ต้องกลับมาในช่วงที่ พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล
เพราะหาก 3 ปีกว่าต่อจากนี้ตามช่วงเทอมของรัฐบาล ถ้าสุดท้ายยิ่งลักษณ์ไม่ตัดสินใจกลับมา แล้วต้องใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศแบบตอนนี้ไปเรื่อยๆ โดยคดีไม่มีหมดอายุความ แล้วต่อไปหากคิดตัดสินใจจะกลับมา แต่ถึงตอนนั้นเพื่อไทยไม่ได้เป็นแกนนำรัฐบาลแล้ว มันจะไม่มีหลักประกันได้ว่า กลับมาแล้ว จะได้เดินตามรอยแบบพี่ชายหรือไม่
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ดูเหมือน กระแสข่าวยิ่งลักษณ์อาจเตรียมตัดสินใจกลับไทย จะยิ่งถูกโฟกัสทางการเมืองพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ยิ่งลักษณ์ ได้ข่าวดี ไม่ต้องมีชนักติดหลังเพิ่มขึ้น เพราะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยกฟ้องในคดีอัยการสูงสุดยื่นฟ้องยิ่งลักษณ์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กรณีโอนย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาธิการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ เมื่อช่วงปี 2554
แล้วต่อมามีการโยก พล.ต.อ.วิเชียร์ พจน์โพธิ์ศรี จาก ผบ.ตร.ที่อำนาจใหญ่กว่ามาก มาเป็นเลขาธิการ สมช.แทน จนทำให้ เก้าอี้ ผบ.ตร.ว่างลง แล้วมีการตั้ง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ที่เป็นรอง ผบ.ตร.เวลานั้น และเป็นพี่ชายของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่ก็คือลุงของอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็น ผบ.ตร.แทน
จนเกิดมีคดีฟ้องกันตามมา ที่ศาลปกครองสูงสุด ที่ถวิลในฐานะผู้ร้อง ชนะคดี เมื่อช่วง พ.ค.2556 เพราะศาลปกครองตัดสินว่า คำสั่งย้ายดังกล่าวไม่เป็นธรรมและไม่เป็นไปตามกฎหมาย อีกทั้งยังมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งย้ายดังกล่าว และสั่งให้รัฐบาลย้ายนายถวิลกลับเข้ารับตำแหน่งเดิมโดยเร็วที่สุด
และต่อมา ไพบูลย์ นิติตะวัน สมัยเป็น สว.ก็นำผลคำตัดสินดังกล่าวไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่ม็อบ กปปส.ที่ออกมาขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณีออกกฎหมายนิรโทษกรรมกำลังพีก
และต่อมาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ว่า การย้ายนายถวิลของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็นการใช้ตำแหน่งแทรกแซงโยกย้ายที่ขัดรัฐธรรมนูญ ทำให้ความเป็น รมต.ของยิ่งลักษณ์สิ้นสุดลงเฉพาะตัว รวมถึงรัฐมนตรีในรัฐบาลที่ร่วมประชุมออกมติ ครม.โยกย้ายถวิลก็ให้พ้นจากตำแหน่งด้วย
อย่างไรก็ตาม ผลคำตัดสินของศาลฎีกาฯ เมื่อ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา องค์คณะตุลาการผู้พิจารณาคดียิ่งลักษณ์ดังกล่าว มีมติด้วยเสียงข้างมาก พิพากษายกฟ้องและเพิกถอนหมาย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เหตุจำเลยไม่มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ
โดยศาลวินิจฉัยว่ายังไม่อาจฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาพิเศษ และรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยโอนย้ายนายถวิลเพื่อให้ตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่างลง
ที่น่าสนใจ ศาลฎีกาฯ อธิบายว่าเกณฑ์การพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯ ในคดีดังกล่าว มีความแตกต่างจากการพิจารณาของศาลปกครอง กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ เป็นเรื่องการพิจารณาประเด็นว่า จำเลยคือยิ่งลักษณ์ “มีเจตนากระทำความผิดทางคดีอาญาในคำฟ้องคดีดังกล่าวหรือไม่”
โดยศาลฎีกาฯ มีคำอธิบายที่มีนัยสำคัญทางข้อกฎหมายที่จะกลายเป็นบรรทัดฐานต่อไปในอนาคต เช่น
“นอกจากจะต้องพิจารณาจากการกระทำของจำเลยแล้ว ยังต้องพิจารณาถึงเจตนาและเจตนาพิเศษเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือโดยทุจริต อันเป็นองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 129/1ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 192 ด้วย จึงไม่อาจนำเอาข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองสูงสุดดังกล่าวมาผูกพันให้ศาลนี้ต้องรับฟังตาม”
การยกฟ้องในคดีดังกล่าวถือเป็นข่าวดีของยิ่งลักษณ์ เพราะหากศาลฎีกาฯ ตัดสินว่ามีความผิด และลงโทษทางคดีอาญา เช่น โทษจำคุก ก็จะทำให้ต้องมีการบวกโทษดังกล่าวเพิ่มเข้าไปอีก จากที่มีอยู่แล้ว 5 ปี ซึ่งหากถูกบวกโทษเพิ่มขึ้น ก็อาจทำให้ การตัดสินใจจะกลับไทยของยิ่งลักษณ์อาจต้องคิดให้มากขึ้น แต่พอเป็นแบบนี้
สถานการณ์อาจยิ่งเข้าทาง เป็นใจให้ยิ่งลักษณ์กลับมาไทยเพื่อรับโทษ และเดินตามรอยพี่ชาย ทักษิณ ในปีหน้า 2567 ก็เป็นไปได้?.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทักษิณไฟสุมขอน ‘รทสช.’ เขย่าบัลลังก์ ‘พีระพัง’
“สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” มอตโตขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จนถึงปัจจุบัน จากพรรคน้องใหม่ตอนนี้ทำงานมากว่า 3 ปีแล้ว โดยการนำของ “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค กุมทัพ 36 สส.ในปัจจุบัน
“รัฐบาล”ไฟลต์บังคับ “ทักษิณ”ได้แค่กร่าง
ดรามาปม “อีแอบ” อาจเป็นแค่ประเด็นโชว์กร่าง หวังกดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลสยบยอม หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ ที่มีสถานะเป็นพ่อนายกรัฐมนตรี ได้พ่นไฟระหว่างงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่ อ.หัวหิน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา
“พ่อเลี้ยง”เปลี่ยนสนามรบเป็นทุน “ดับไฟใต้-สันติภาพเมียนมา”
“ฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง” นับเป็นภาพการเมืองในฝ่ายบริหารที่ “วิญญูชน” พึงประจักษ์ได้ว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการขยับตัวและคำพูดของ “ทักษิณ ชินวัตร” วิทยากร-นักวิชาการของพรรคเพื่อไทย
47 เก้าอี้นายกฯอบจ. บ้านใหญ่ ลุ้นเข้าวิน-กินเรียบ!
คิกออฟ นับหนึ่งตั้งแต่จันทร์ที่ 23 ธ.ค.ที่เป็นวันแรกของการรับสมัครบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งนายกฯ อบจ. 47 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงที่ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ 76 จังหวัด
‘แม้ว’ ไล่ทุบ- ‘ภูมิใจไทย’ ไม่หมู ‘แดง-น้ำเงิน’ ทนอยู่แบบตบจูบ
นาทีนี้ศึกฝ่ายค้าน-รัฐบาลยังไม่เดือดเท่ากับศึกรัฐบาลด้วยกันเอง แรงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการขบเหลี่ยมของพรรคอันดับ 1 และพรรคอันดับ 2
ขวากหนามแก้รัฐธรรมนูญ คนกันเอง...เล่นเกมต่อรอง
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่เห็นชอบกับ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ฉบับคณะ กมธ.ร่วมกันพิจารณาเสร็จแล้ว