เลือกตั้งซ่อมสงขลา ระอุ พปชร.รบศึกใน สู้ศึกนอก

 เป็นที่ชัดเจนแล้วสำหรับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร. สั่งยกเลิกมติของเดิมที่จะส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมทั้ง 2 เขต คือ จ.ชุมพร เขต 1 และ จ.สงขลา เขต 6 เหลือเพียงส่ง 1 เขตเท่านั้นคือ จ.สงขลา เขต 6  

โดย บิ๊กป้อม อธิบายเหตุผลต่อที่ประชุมว่า จะส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมเฉพาะ จ.สงขลา คือ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ บุตรชายนายอนันต์ พฤกษานุศักดิ์ ประธานบริษัทศรีตรังฯ ผู้ผลิตถุงมือรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งมีคุณวุฒิพร้อมและมั่นใจว่าจะได้ที่นั่งในเขตนี้ 

ส่วนที่ไม่ส่ง จ.ชุมพร เพราะจากการเจรจากับ ลูกหมี-นายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ เจ้าตัวยืนยันว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะนำทีมงานทั้ง 3 เขตมาอยู่กับพรรค พปชร.แน่นอน แต่ในครั้งนี้จะขอส่งลงสมัครกับพรรคประชาธิปัตย์ไปก่อนเพื่อรักษาพื้นที่ไว้ 

"ที่ไม่ส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ชุมพร เพราะเที่ยวหน้าเขามาอยู่กับเรา เขามา 100% รับปากแล้ว" แหล่งข่าวอ้างคำพูดของ พล.อ.ประวิตรในที่ประชุม 

เมื่อ บิ๊กป้อม ยืนยันเช่นนี้ ในส่วนของ จ.ชุมพรก็จบไป ซึ่งคน พปชร.ก็พอยอมรับได้ เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวไม่มี ส.ส. และอาจจะเสียแรง สิ้นเปลืองกระสุน ที่ต้องสู้กับ บ้านใหญ่ชุมพร อีกทั้งอนาคตก็ต้องมาร่วมชายคากันอยู่แล้ว จะไปสร้างความขัดแย้งทำไม

แต่ที่ไม่น่าจบและเชื่อว่าจะต่อสู้กันอย่างดุเดือด คือเลือกตั้งซ่อมเขต 6 จ.สงขลา ที่ พปชร.ก็เลี่ยงไม่ออก เพราะมีส.ส.สงขลาในพื้นที่ถึง 4 เขต จึงจำเป็นต้องส่งผู้สมัครลงไปสู้ศึกในครั้งนี้เพื่อขยายฐานการเมือง  

ไม่เพียงจะกระทบความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาท้วงติงเรื่องมารยาททางการเมืองตลอดทั้งสัปดาห์  

ที่สำคัญยังเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีของ นายกชาย หรือนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา ที่เพิ่งขึ้นลิฟต์ทางการเมืองเป็นรองหัวหน้าพรรค ปชป.ดูแลภาคใต้คนใหม่ หลังชนะนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช 9 สมัย ปชป.มาได้ 

ด้วยการส่ง นางสุภาพร กำเนิดผล รองนายก อบจ.สงขลา ภรรยาของตัวเอง มารักษาเก้าอี้ เพื่อพิสูจน์ฝีมือว่าเป็นของจริง ที่จะเป็นความหวังเข้ามากอบกู้ ปชป.ภาคใต้ หลังเสียแต้มในภาคใต้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 

               ผิดกับฝั่ง พปชร.ที่มีแม่ทัพใหญ่ คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พปชร. ผู้ซึ่งทำพื้นที่ภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง คราวนี้กลับไม่ค่อยออกตัว ไม่ค่อยเอาจริงเอาจังในพื้นที่ดังกล่าว ผิดกับการเลือกตั้งซ่อมจังหวัดนครศรีธรรมราช 

 ด้านหนึ่งมีกระแสข่าวระบุว่า ผู้กองคนดัง ไม่ต้องการแตกหักกับ นายกชาย เพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อีกทั้งว่ากันตามตรงสภาชุดนี้เหลือเวลาอีกไม่มาก ไม่จำเป็นต้องสู้รบกันเอาเป็นเอาตาย 

 แต่ พปชร.จะถอยให้ก็ไม่ได้ เพราะ ส.ส.ใต้ต้องการสู้ศึก จึงอาศัยจังหวะเหนือชั้นโยนความรับผิดชอบดังกล่าวไปให้ เสี่ยเฮ้ง-นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่ขณะนี้ยืนอยู่ข้างนายกฯ อย่างเต็มตัว เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อม จ.สงขลา ท่ามกลางความระหองระแหงใน พปชร.ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ    

ขณะที่ นายสุชาติ ซึ่งไม่ได้ทราบภารกิจล่วงหน้าก็ดิ้นไม่ออก เพราะด้านหนึ่งมีศักดิ์ศรีเป็นถึงรัฐมนตรี  

ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่า บิ๊กตู่ จะสนับสนุนให้เป็นเลขาธิการพรรค พปชร.คนใหม่ จึงต้องเดินหน้าสู้สถานเดียว แม้จะไม่เชี่ยวชาญพื้นที่ภาคใต้ เพราะตนเองมีพื้นเพอยู่ใน จ.ชลบุรี และภาคตะวันออก

               เสี่ยเฮ้ง ทราบดีถึงสาเหตุการถูกโยนเผือกร้อนชิ้นนี้มาให้ เพราะหากตัวเองนำทัพแพ้เลือกตั้งซ่อมสงขลา นอกจากจะทำให้ตัวเองเสียเครดิตแล้ว ยังจะทำให้ พปชร. เสียสถิติ หลังชนะหลังเลือกตั้งซ่อมมาทุกสนาม อาทิ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดลำปาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบ ผู้กองมนัส จึงคาดว่าจะถูกนำมาเปรียบเทียบถึงชั้นและบารมีทางการเมืองว่าใครแน่กว่ากัน   

นอกจากนี้ยังอาจกระทบไปที่ บิ๊กตู่ ในฐานะที่ เสี่ยเฮ้ง เป็นรัฐมนตรีสายตรงตึกไทยคู่ฟ้าอีกด้วย หากแพ้ขึ้นมาอาจมีแรงสั่นสะเทือนถึงความนิยมของนายกฯ ในภาคใต้ที่อาจไม่เหมือนเดิม เช่นการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่กระแสลุงตู่ฟีเวอร์ทำให้สามารถกวาด ส.ส.ภาคใต้ให้ พปชร.ได้จำนวนมาก 

จากนี้ถึงวันเลือกตั้งซ่อมสงขลา 16 ม.ค.65 เสี่ยเฮ้ง-สุชาติ ชมกลิ่น ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นยอดนักสู้ จะมีเซอร์ไพรส์พลิกเกม รอดพ้นจากคมเขี้ยวทางการเมืองนี้ได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ก้าวต่อไป ‘รทสช.’ ปี 2568 ติดสปีดผลงาน-โกยคะแนน

ต้องฝ่าฟันมรสุมกันระลอกใหญ่ส่งท้ายปี 2567 สำหรับ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จากพรรคน้องใหม่จนถึงปัจจุบันสู่ปีที่ 3 แล้ว ภายใต้การนำของ “พี่ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรค ซึ่งพรรคได้โควตาร่วมทัพรัฐบาลเพื่อไทย และได้กระทรวงที่หมายปองมาครอบครองสมใจ

การเมืองไทยปี 68 เข้มข้น-ขับเคี่ยว-ร้อนแรง ซักฟอกมี.ค.-ปรับครม.กลางปี

การเมืองไทยไม่ว่าปีไหนๆ ก็มีประเด็นร้อนเกิดขึ้นได้ตลอด บางเรื่องเกิดขึ้นตามปฏิทินการเมือง แต่บางประเด็นเป็นความร้อนแรงที่แทรกขึ้นมาแบบไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

'ปชน.'ถอย'ม.112'แลกอุดมการณ์ เพิ่มคะแนนนิยม'เท้ง'เฉือน'อิ๊งค์'

ผลสำรวจความเห็นของประชาชน 'นิด้าโพล' สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) หัวข้อ ความนิยมทางการเมือง ในไตรมาส 4 ปลายปี 2567 ให้ผลที่น่าสนใจ เมื่อ 'เท้ง’- นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) เป็นนักการเมืองที่ประชาชนสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุดอันดับ 1

รัฐบาลชวนวัยรุ่นเปลี่ยนเงินซื้อบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเงินออม

ปีใหม่แล้ว...วัยรุ่น รัฐบาลชวนเปลี่ยนเงินซื้อบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเงินออม สร้างรากฐานที่มั่นคงของครอบครัวในอนาคต ระบุสูญเสียเงินซื้อสูงปีละ 26,944 บาท เฉลี่ยเดือนละ 2,245 บาท

ปี67‘อดีตสว.’ขยับสะเทือนถึงรัฐบาล ถอดถอน‘เศรษฐา’ที่มาของหลายเรื่อง

การเมืองรอบปี 2567 เหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดต้องยกให้กับศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ “เศรษฐา ทวีสิน” พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้ “แพทองธาร ชินวัตร” กลายเป็นนายกฯ หญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย และทำให้หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นตามมา วันนี้จึงขอบันทึกเรื่องราวนี้ไว้ ยกให้เป็นเหตุการณ์แห่งปี