ระเบียบกรมราชทัณฑ์ ลงวันที่ 6 ธ.ค.2566 ที่ให้ดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ออกตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 โดยมีสาระสำคัญคือ การพิจารณาให้คุมขังนักโทษนอกเรือนจำ อาทิ บ้าน หรือเรือนจำ กำลังเป็นที่ถกเถียงว่า ออกระเบียบเอื้อ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายใหญ่ ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่
ล่าสุด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี และอดีต รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า "นายทักษิณเข้าเกณฑ์ เพราะโทษไม่เกิน 4 ปี ไม่ได้เป็นบุคคลที่อยู่ในข่ายน่ากลัวของสังคม เช่น โทษฆ่าข่มขืน ซึ่งจำเป็นต้องถูกคุมขังในเรือนจำ หากเป็นโทษที่ไม่เป็นภัยต่อสังคม ในระบบสากลสามารถคุมขังนอกเรือนจำได้ รวมถึงเหลือโทษน้อย"
ส่วนการเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจของทักษิณ ที่มีกำหนด 30 วัน, 60 วัน และ 120 วันนั้น เป็นเรื่องของแพทย์และอำนาจผู้บัญชาการเรือนจำ อธิบดีไปจนถึงรัฐมนตรี ทั้งนี้ หากดูจากตัวเลขในวันนี้มีนักโทษที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาลมากกว่า 30 วัน เกือบ 150 คน ไม่ได้มีคนเดียว และที่อยู่ใน 120 วันที่ผ่านมามีหลายคน แต่ไม่ได้เปิดเผย
เมื่อถามว่าจะแปลกหรือไม่ที่ขณะอยู่ต่างประเทศ อดีตนายกฯ ดูแข็งแรง แต่เมื่อมาถึงไทยกลับป่วยจนต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล นายสมศักดิ์ บอกว่า "ต้องลองถูกคุมขังสัก 2-3 วัน ชีวิตมันเครียดถ้าจะต้องเสียอิสรภาพ ลองเข้าไปซักคืนสองคืนจะนอนไม่หลับ คนอายุมาก มีความดัน ป่วย เป็นความเสี่ยงที่ผู้บัญชาการเรือนจำหรืออธิบดีกรมราชทัณฑ์จะคุมขังไว้ ทุกคนต้องการความปลอดภัย ไม่ต้องรับผิดชอบมาก เมื่อเกิดขึ้น จึงมีเหตุผลที่จะนำตัวส่งโรงพยาบาล เพื่อให้ผู้ต้องขังมีความปลอดภัยมากที่สุด"
หรือแม้กระทั่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยืนยันอาการป่วยของทักษิณว่า "ผมถามหมอตรงๆ ท่านยืนยันว่าป่วยจริง มีหลักฐานตามที่ปรากฏจริง และจากรายงานจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เรือนจำ พบว่าผู้ป่วยเป็นหลายโรค กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูง และเป็นความเห็นของแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่ยืนยันว่าป่วยจริง"
ทั้งนี้ แม้ฝ่ายรัฐบาลจะชี้แจงอย่างไรก็เหมือนนำ "น้ำเปล่ามากวนในหม้อ" ความหมายคือไม่มีสาระสำคัญที่ประชาชนต้องการคือ 1.ทำไมถึงออกระเบียบในช่วงที่ทักษิณ ต้องโทษจำคุก 2.ความคืบหน้าอาการของทักษิณตลอดการพักรักษาตัว
จึงไม่แปลกที่ประชาชนจะมองว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐบาลต่างทำเพื่อช่วยทักษิณทั้งสิ้น และอาจจะซ้ำรอยเหตุการณ์ในช่วงรัฐบาลทักษิณ หรือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่ ที่สุดท้ายลูกน้องต่างยอมถวายตัวเพื่อ ตระกูลชินวัตร นำไปสู่จุดจบที่เรือนจำ ก็ต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุน โดยที่ "นายใหญ่" ไม่ไยดี อาทิ บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ หรือ จตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำเสื้อแดง เป็นต้น
ส่วนใครบ้างที่มีแนวโน้มที่จะถูกเช็กบิลเอาผิดในอนาคต 1.อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นหน่วยงานที่พิจารณาให้ทักษิณรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งตลอด 120 วันของการรักษาตัว กรมราชทัณฑ์กลับไม่มีการชี้แจงถึงความคืบหน้าอาการป่วยของ ทักษิณแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งการใช้อำนาจพิจารณาอนุญาตให้รักษาตัวนอกเรือนจำตลอด 120 วัน อธิบดีราชทัณฑ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม หรือแม้กระทั่ง รมว.ยุติธรรมได้พิจารณาตามอาการหรือไม่ว่าสมควรนอนรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจต่อ
นอกจากนี้ คณะทำงาน 9 คน ที่ในระเบียบเขียนไว้ ซึ่งเป็นรองอธิบดีคนใดคนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับทัณฑสถาน ผู้อำนวยการ 7 คน ผู้เชี่ยวชาญอีก 2 คน ซึ่งถ้า 9 อรหันต์เป็นคนชี้เป็นชี้ตายที่จะส่งเสนอเรื่องไปยังอธิบดีเพื่อเซ็นอนุมัติในขั้นสุดท้าย ก็อาจจะมีความผิดตามมาในอนาคต หากถูก ป.ป.ช.ชี้มูลกรณีอนุมัติให้ทักษิณกลับไปคุมตัวที่บ้าน
โดย นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แฉว่า ทักษิณ นักโทษหมายเลข 6650102668 ไม่ได้กรอกแบบประวัติ ร.ท.101 แบบประวัตินักโทษ จำนวน 4 หน้า ในฐานข้อมูลแม้แต่บรรทัดเดียว ไม่ลงรายละเอียดเหมือนนักโทษทั้ง 4 แสนราย
2.แพทย์ผู้ดูแลจาก รพ.ตำรวจ ผู้ซึ่งติดตามความคืบหน้าอาการของทักษิณ ได้พิจารณาตามอาการหรือไม่ หรือว่าแอบเอื้อประโยชน์ให้ทักษิณ เพราะว่าอาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือแม้กระทั่งความดันสูง แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่อาการจะไม่ดีภายใน 2 เดือน และยิ่งไปกว่านั้นยังมีนักโทษที่มีอาการอยู่ในลักษณะเดียวกัน แต่กลับไม่ได้รับอภิสิทธิ์เหมือนทักษิณ
3.รัฐบาลเพื่อไทย แม้แต่นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดก็ไม่สนใจกับกรณีนี้ เพราะเนื่องจากอาจเป็นผู้มีส่วนได้เสียร่วมกัน ซึ่งถ้ามีความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ นายกฯ มีอำนาจสูงสุดมีสิทธิ์ที่จะเรียกให้ตรวจสอบ หรือทบทวนระเบียบที่ออกมา
ขณะที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้ยื่นร้องเรียนเกี่ยวกับกรณีนี้แทบทั่วทุกสารทิศ ทั้งจี้กรมราชทัณฑ์ให้เปิดเผยรายงานอาการป่วย, ร้องกระทรวงยุติธรรมตั้งคณะกรรมการสอบพิเศษขึ้นมาสอบสวนเจ้าหน้าที่รัฐ, ร้องแพทยสภาสอบจริยธรรมหมอราชทัณฑ์-รพ.ตำรวจ รักษาทักษิณ รวมถึงร้อง ป.ป.ช.ตรวจสอบการทำหน้าที่ของผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ว่า เป็นการช่วยเหลือทักษิณเป็นกรณีพิเศษหรือไม่
ส่วน นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิตย์ และ นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ ก็จะเดินหน้ายื่นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางวินิจฉัยเอาผิดเช่นกัน
หากศาลวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีความผิด คงหนีไม่พ้น ป.อาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และความผิดในมาตราอื่นๆ ตามมา อาจนำไปสู่การเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐชุดใหญ่ รวมถึงรัฐมนตรีบางราย เพราะมีหลายคนเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องนี้
จึงต้องลุ้นกันว่า จะซ้ำรอยกับรัฐบาลยุคก่อนๆ หรือไม่ ที่ "นายใหญ่" รอด แต่ลูกน้องติดคุก!
สุดท้ายการทำหน้าที่ของสภาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือน เม.ย.ปีหน้า คงหนีไม่พ้นประเด็นนักโทษเทวดา ซึ่งอาจนำไปสู่ "จุดจบของรัฐบาลเศรษฐา" ในอนาคตก็เป็นได้!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับอาการเสือกทุกเรื่องของ 'ทักษิณ' อำนาจนอกรัฐจะเป็นตัวทำลายรัฐบาลอิ๊งค์
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า พังเพราะ ทักษิณ
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
'กัณวีร์' ฝากการบ้าน 'ทักษิณ' ช่วยเหยื่อค้ามนุษย์ 361 ชีวิตก่อนปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์
นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์รูปพร้อมเนื้อหา
ทักษิณไฟสุมขอน ‘รทสช.’ เขย่าบัลลังก์ ‘พีระพัง’
“สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” มอตโตขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จนถึงปัจจุบัน จากพรรคน้องใหม่ตอนนี้ทำงานมากว่า 3 ปีแล้ว โดยการนำของ “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค กุมทัพ 36 สส.ในปัจจุบัน
ผอ.ศูนย์ปราบอาชญากรรมไซเบอร์ ยินดี 'ทักษิณ' จะช่วยจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยภายหลังหารือกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
เชื่อแล้ว 'ทักษิณ' ป่วยจริง ปราศรัยจะส่งกำลังไปจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา-กัมพูชา
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัคร นายก อบจ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ตอนหนึ่ง ว่า