เบื้องลึก "ทร." เดินเครื่อง "เรือดำน้ำ"

คำถามที่กองทัพเรือส่งไปทางสำนักงานอัยการสูงสุด 3 ประเด็น ได้แก่ 1.การปรับแก้เครื่องยนต์เป็นสาระสำคัญหรือไม่ 2.การจะเปลี่ยนเรือดำน้ำมีขั้นตอนอย่างไร 3.การอนุมัติให้แก้ไขเครื่องยนต์ อำนาจอยู่ที่ใครนั้น นั่นเป็นเพราะกองทัพเรือ ต้องการให้เกิดความกระจ่าง และรัดกุมมากขึ้นในเรื่องขั้นตอนกฎหมาย ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี

เพราะเริ่มต้นโครงการจัดหาเรือดำน้ำ S26T ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะมนตรี 2 ข้อ คือรับทราบผลการจ้างสร้างเรือดำน้ำโดยบริษัท CSOC และอนุมัติให้ผู้บัญชาการทหารเรือ หรือผู้แทนลงนามในสัญญาจ้างสร้างเรือดำน้ำแบบ จีทูจี

ดังนั้นหากมีการแก้ไขที่เป็นสาระสำคัญก็ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน ซึ่งกองทัพเรือมีการวิเคราะห์ว่า การเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ จาก MTU 396 เป็น CHD 620 ซึ่งเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า อยู่ในขอบข่ายที่ถือเป็น "สาระสำคัญ" เพราะมีผลต่อขีดความสามารถของเรือในการซ่อนพราง  ป้องกันการถูกตรวจจับ และรายละเอียดเรื่องเสียงระหว่างการปฏิบัติการ ต่างจากเงื่อนไขก่อนหน้านี้ในการขยายเวลาของโครงการทั้ง 2 ครั้ง เนื่องจากสถานการณ์โควิด-1 เพราะเป็นเหตุสุดวิสัย ซึ่งผู้แทนรัฐบาลนั่นก็คือกองทัพเรือ สามารถดำเนินการไปแก้ไขเรื่องระยะเวลาดำเนินการเองได้

สืบเนื่องไปถึงข้อที่ 3 อำนาจของการอนุมัติ ถ้าในที่สุดอัยการสูงสุดเห็นว่าเป็นสาระสำคัญเช่นกัน ก็ต้องให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ผู้บัญชาการทหารเรือ หรือผู้แทนไปลงนามแก้ไขข้อตกลงด้วยวิธีจีทูจี

ส่วนข้อที่ 2 การเปลี่ยนจากเรือดำน้ำไปเป็นเรือประเภทอื่นมีขั้นตอนอย่างไรนั้น อาจจะมีประเด็นเรื่องข้อกฎหมายในกรณีของการยกเลิกสัญญากับ CSOC มาเกี่ยวข้อง ที่อาจต้องเจรจาเรื่องค่าปรับ การชดเชย เลยไปถึงการฟ้องร้อง ซึ่งต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน

อย่างไรก็ตาม การให้สัมภาษณ์ของผู้บัญชาการทหารเรือมีความชัดเจนว่ากองทัพเรือต้องการเดินหน้า โครงการเรือดำน้ำ ไปให้สุดทาง เพราะปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ที่กังวลกันว่าถ้าเป็น ของคุณภาพจีน จะส่งผลต่อเรื่องของประสิทธิภาพและความปลอดภัยของกำลังพลที่ต้องปฏิบัติการใต้น้ำ มีการได้รับข้อมูลที่ชัดเจนขึ้น และเป็นเรื่องที่เปิดเผยได้หลังจากที่จีนอนุมัติให้เปิดเผยสัญญา

กล่าวคือ มีความชัดเจนเรื่องของคุณภาพของเครื่องยนต์มากขึ้น โดยขั้นตอนของการลงนามใน TOR พูดไว้กว้างๆ ในเรื่องเครื่องยนต์กำเนิดไฟฟ้าที่ต้องมีสเปกอย่างไร แต่ไม่ได้มีการลงลึกถึงรุ่นและซีรีส์นัมเบอร์ แต่ไปกำหนดไว้ใน PMR : Program Management Review ซึ่งเป็นบันทึกการประชุมของคณะทำงานติดตามการจ้างสร้างเรือดำน้ำ ที่ไปตรวจความคืบหน้าแต่ละงวดงานที่เมืองอู่ฮั่น ซึ่งตอนนั้นจีนได้ลิขสิทธิ์ในการผลิต MTU396 ให้ทางเยอรมันและกองทัพเรือจีน แต่สถานการณ์ความขัดแย้งในภูมิภาคของโลกเปลี่ยนแปลงไป สหภาพยุโรปมีมติห้ามนำเข้าสินค้าจากประเทศจีน จากการละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีเทียนอันเหมิน ทำให้ข้อเจรจาระหว่างคณะทำงานติดตามความคืบหน้าโครงการกับ CSOC ในการติดตั้งเครื่องยนต์กำเนิดไฟฟ้าเยอรมันกลายเป็นหมัน

แต่ในฐานะที่บริษัทจีนเคยผลิตเครื่องยนต์ดังกล่าวอยู่แล้ว ก็ไม่ยากที่จะเริ่มผลิตเครื่องยนต์ของตนเองขึ้นมาในยี่ห้อใหม่ ทำให้กองทัพเรือไทยส่งคณะทำงานไปทดลองประสิทธิภาพการใช้งาน จนมั่นใจว่าไม่กระทบด้านยุทธการ จึงได้เสนอรัฐบาลในการใช้เครื่องยนต์จีนทดแทนในช่วงที่ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทร.

เมื่อข้อสรุปออกมา ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบเป็นขั้นตอนสุดท้าย และโครงการจะเดินหน้าต่อไปได้ก็ต้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเห็นชอบในการขยายระยะเวลาดำเนินการสิ้นสุดโครงการ จากเดิมขยายไว้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม ก็ต้องคำนวณการใช้เวลาติดตั้งเครื่องยนต์ ซึ่งคาดว่าจะประมาณ 36-40 เดือน คือแล้วเสร็จในปี 2570 ทั้งนี้ เพื่อจัดตั้งเป็นรายการงบประมาณปี 2567-2570  

และอาจจะกระทบต่อโครงการจัดหาเรือฟริเกตลำใหม่ในงบปี 67 ที่ต้องปรับรายการงบมาเดินหน้าโครงการเรือดำน้ำให้จบ ซึ่งนี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดประเด็นทางเลือก เรือผิวน้ำ ขึ้นมา ด้วย 2 เงื่อนไข คือ กองทัพเรือต้องรักษางบประมาณส่วนนี้ไว้ ในกรณีที่ไม่ได้เรือดำน้ำ และปัจจัยภายนอกจากตัวแทนวงการค้าอาวุธที่ได้รับอานิสงส์จากการริเริ่มโครงการใหม่

และที่สำคัญคือ เรือดำน้ำเป็นอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ เมื่อไทยจัดซื้อกับจีน ก็จะกลายเป็นภาพพันธมิตรทางทหารที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่ามหาอำนาจตะวันตกก็คงไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น อีกทั้งไทยตั้งอยู่ในจุดภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญ ซึ่งมีผลต่อนโยบายการเมืองระหว่างประเทศ กว่าที่ “เรือดำน้ำ” จะเป็นจริงได้ จึงต้องผ่านด่านหินมหาโหดจนเข้าสู่ปีที่ 7.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เลือกตั้งซ่อมพิษณุโลก เวทีทวงคืนพรรคส้ม หลังพ่ายศึก อบจ.ราชบุรี

เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เปิดตัวเป็นผู้นำพรรคส้ม ลงสู้ศึกเลือกตั้งไม่สวยเท่าใดนัก หลังไม่สามารถนำทัพพรรคประชาชนปักธงเอาชนะใน ศึกเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)

สืบสันดาน'ระบอบทักษิณ' การเมืองวิปริต รอวันวิบัติ

การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่มี อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เป็นการผสมพันธุ์ข้ามขั้ว ทรยศหักหลัง สางแค้นคู่ปรับทางการเมือง โดยไม่สนใจมารยาทและจริยธรรมทางการเมืองแต่อย่างใด

“โผทหาร”ทบ.ร้อนระอุ ทิ้งไพ่ชิงขุมกำลังปฏิวัติ

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เหล่าทัพได้ส่ง “โผทหาร” ไปที่สำนักงานปลัดกกระทรวงกลาโหมเกือบครบหมดแล้ว เพราะเวลาที่บีบรัดเข้ามา จากกรอบเวลาที่ควรจะทำโผให้เสร็จสิ้นในช่วงกลางเดือน ก.ย. เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ทาง รมว.กลาโหม รักษาการ ในฐานะของประธานคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล จึงเรียกประชุมบอร์ดโยกย้ายในวัน 3 ก.ย.นี้

ปิดป่าฯ-สลาย“ปชป.” กฐินร้อนจ่อสอย“อิ๊งค์”

เป็นไปตามคาด เมื่อ “สรวงศ์ เทียนทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค พท. เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่า สส.ไม่สบายใจที่จะร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะพฤติกรรมแทงข้างหลังและไม่ยอมรับนายกฯ คนที่ 31 ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค

ทักษิณ-พท.ตั้งการ์ดรับมือ ร้องยุบพรรค-ตัดสิทธิเลือกตั้ง พลิกแฟ้มคดี ถูกร้องอื้อแต่เงียบ

ทักษิณ ชินวัตร เดินจังหวะการเมืองรัดกุมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการหลีกเลี่ยงไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เมื่อวันจันทร์ที่ 26 ส.ค. ทั้งก่อนและหลังเดินขึ้นตึกชินวัตร 3 ที่ปัจจุบันคือ ที่ทำการพรรคเพื่อไทยชั่วคราว และยังเป็นสถานที่วางแผนจัดตั้งรัฐบาล-ฟอร์ม ครม. รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร