สัญญาณชีพ (การเมือง) เข้าขั้นวิกฤต “ก้าวไกล-2 สส.ถูกขับ” ใครตายก่อน

“อนาคตใหม่” ของพรรคก้าวไกล ดูจะไม่สดใสอย่างที่คิด แม้จะเคยหักปากกาเซียน ได้ลิ้มรสชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา

แต่ก้าวไกลกลับไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลนี้ คนที่คิดว่าจะได้นั่งนายกรัฐมนตรี หรือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ทั้งต้องจำยอมยกประธานสภาฯ ให้พรรคอื่น พร้อมสละรองประธานสภาฯ อีกครั้ง เพื่อรั้งตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านไว้

นาทีถึงจุดวิกฤตของก้าวไกลเริ่มขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แม้จะมีการพยายามแก้เกมด้วยการปรับกลยุทธ์ เปลี่ยนสลับตำแหน่ง รื้อลำดับขุนพลแนวหน้า

จนต้องดัน นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ ขึ้นแท่นหัวหน้าพรรค มากุมบังเหียน และผันตัวเป็น ‘ฝ่ายค้านเชิงรุก’ เพียงหวังให้พอเดินทัพต่อได้

เก็บเลือดใหม่เข้ากรุ สำรองไว้ เผื่อเกิดอุบัติเหตุที่อาจทำให้ทั้งคณะกรรมการบริหารหลุดโผยกแผง ตามรอยนายพิธาไป

ทุกๆ การต่อสู้ของก้าวไกล ที่ได้ฝากรอยแผลเอาไว้มากมายนับไม่ถ้วนนั้น ยิ่งถูกตอกลึกซ้ำลงไปอีก

เมื่อกระแสสังคมโหมกระหน่ำวิพากษ์วิจารณ์ ในการตัดสินแบบสองมาตรฐาน ในกรณีของนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี และ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. 2 สส.คุกคามทางเพศ ซึ่งได้รับบทลงโทษต่างกันราวฟ้ากับเหว

แม้ภายหลังก้าวไกลจะมีการทบทวนมติ และกลับคำตัดสินในกรณีของนายไชยามพวานแล้ว ก็ไม่สามารถช่วยให้อะไรดีขึ้น

เพราะความศรัทธาของผู้ที่สนับสนุนพรรค และความคาดหมายของสังคมได้มลายสิ้นลงหมดแล้ว

ทางเดินแสนขรุขระของ 2  สส.คุกคามทางเพศ คงคาดเดาได้จากการที่นายวุฒิพงศ์ออกมาแฉเบื้องหลังความขัดแย้งกับผู้ช่วย ส. ในข้อกล่าวหาว่า มีการทุจริต เรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งเป็นคนของ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ และหนึ่งในกรรมการบริหารพรรคคนสำคัญ

เป็นการโยนขี้ทิ้งไว้ก่อนจากไป ให้ก้าวไกลต้องเร่งตามเช็ดตามล้าง ทำความสะอาดบ้านขนานใหญ่

ด้านนายไชยามพวานที่ถูกมองว่าเป็นเด็กเดินตามใครบางคนในพรรคเอง ถึงแม้จะพยายามบีบน้ำตาแถลงยอมรับมติขับออกแล้ว แต่ก็ไม่วายยืนยันจะดันทุรังต่อ โดยขอเข้าสู่กระบวนการ และให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้วินิจฉัย

เส้นตายที่ถูกขีดไว้ในการหาพรรคใหม่สังกัด ตามระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ถูกขับออก หรือคือในวันที่ 30 พ.ย. ของนายวุฒิพงศ์ และในวันที่ 7 ธ.ค. ของนายไชยามพวานนั้น

มีเพียงพรรคไทยศรีวิไลย์ ของ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต สส. และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่มองข้ามและไม่แคร์ ในการออกปากว่า พร้อมรับนายวุฒิพงศ์เข้าเป็นสมาชิก

เกิดเป็นคำถามที่หลายคนสงสัยว่า การที่นายมงคลกิตติ์อยากได้ สส.คุกคามทางเพศคนนี้ไปอยู่ด้วย เพื่อที่จะทำให้ตนเองได้กลับมามีแสงในสภาฯ หรือไม่ หรืออาจใช้เป็นข้ออ้าง เปิดทางให้ได้นั่งในโควตา กมธ.วิสามัญฯ สภาฯ สักคณะหรือไม่

เหตุที่ไม่มีพรรคไหนกล้าเสี่ยงที่จะอ้าแขนรับ เพราะสัดส่วน สส.ที่เพิ่มขึ้น 1 หรือ 2 คน ไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรในการนำไปต่อรอง ทั้งโควตารัฐมนตรี หรือโควตาประธาน กมธ.อื่นใดได้

ไม่คุ้มค่าหากต้องแลกกับภาพลักษณ์ และกระแสลบที่อาจตามมา โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. หากให้โอกาสแก่ 2 สส.คุกคามทางเพศนี้อีกครั้ง

ขนาดพรรคก้าวไกลเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะมีหน้าไปส่งใครลงสนามเลือกตั้งซ่อมอีกครั้งหรือไม่ หากเกิดกรณีที่ 2 สส.คุกคามทางเพศนี้หาพรรคสังกัดใหม่ได้ไม่ทัน

ทุกคำปรามาสที่คนของก้าวไกลเคยสบประมาทคนอื่นไว้ ศรทุกดอกที่ยิงใส่พรรคอื่นกำลังย้อนกลับเข้าหาตัวเองในทุกๆ เรื่อง

หาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิด ตามที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน ไปยื่นร้องเรียน 2 สส.คุกคามทางเพศนี้ และส่งไม้ต่อให้ศาลฎีกาตัดสินตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ข้อที่ 20

ก็อาจทำให้ 2 สส.คุกคามทางเพศสู่ขิต และโดนประหารชีวิตการเมือง จำยอมน้อมรับสภาพถูกตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี หรือตลอดชีวิต

เหมือนกรณีของ ..พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ที่ได้สังเวยชีวิตจากการถูกตัดสินว่าฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม เสมือนการ ‘เชือดไก่ให้ลิงดู’ ไปก่อนหน้านี้หรือไม่

ยังไม่รวมอีก 2 คดีความ ทั้งถือหุ้นสื่อ และล้มล้างการปกครอง ซึ่งเกี่ยวพันกับนายพิธาและพรรคก้าวไกล ที่ค้างคายังไม่ได้ข้อสรุป โดยต้องรอการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 15 พ.ย.นี้ต่อไป

ทุกมรสุมที่เข้ามาจนถึงขณะนี้ คงทำให้พรรคก้าวไกลต้องคิด และทบทวนเพื่อวางบทบาทของตัวเองใหม่ ให้สามารถเดินต่อไปในสนามการเมืองไทยได้

แต่จะออกมาเป็นอย่างไร คงสุดแล้วแต่ลมแต่ฟ้าจะพัดพา หากยังดึงดันจะสร้างเกมการเมืองใหม่ ที่ไม่มีใครอยากเล่นด้วย เดินตามคนอื่นไม่เป็น คบค้าสมาคมกับใครไม่ได้เช่นนี้

พรรคก้าวไกลคงหนีไม่พ้นถูกทุกคนรุมกินโต๊ะไปตลอดอายุขัยทางการเมือง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลลุยขายฝันหนีบ่วงการเมือง แกนนำม็อบขยับจัดทัพเดินหน้าไล่

การแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 3 เดือนของ อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายใต้ชื่อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” ที่สตูดิโอ 4 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT)

นโยบายที่“อิ๊งค์”ไม่กล้าพูด เรื่องสำคัญกว่าผลงาน90วัน

บรรดากองเชียร์รัฐบาลเพื่อไทยอาจจะชื่นชม หลัง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เล่นใหญ่ เปิดสตูดิโอ 4 ของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ยืนเดี่ยวไมโครโฟน

แถลงผลงาน3เดือน‘รัฐบาลอิ๊งค์’ โชว์อนาคตประเทศ รอดหรือร่วง?

ได้เวลาตีปี๊บผลงานรัฐบาล 90 วันของ “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วันนี้ 12 ธันวาคม 2567 ในหัวข้อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” (2025 Empowering Thais : A Real Possibility) ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) พร้อมถ่ายทอดสดให้คนไทยได้รับชม

กม.สกัดรัฐประหาร‘ส่อแท้ง’ พรรคร่วมไม่อิน-ไม่เอา

ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่...) พ.ศ. .... ฉบับ ‘หัวเขียง’ ที่นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยเสนอ ส่อแวว ‘แท้ง’ ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้น

จับ“ไทย”ชน“เมียนมา” เด้งเชือกรับมือเกมมหาอำนาจ

หลังจากที่กองกำลัง “ว้าแดง” ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงข่าวลือความตึงเครียดระหว่างทหารไทยกับว้าแดงบริเวณชายแดน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ทำให้ “ข่าวลือ” ดังกล่าวเริ่มเบาเสียงลง

พท.ยึดอำนาจกองทัพ สกัดลากรถถังตรึงทำเนียบฯ

เรียกเสียงครางฮือไปทั่วแวดวงทหารและแวดวงการเมือง กับการขยับของ สส.เพื่อไทย ที่เข้าชื่อกันเสนอร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เข้าสภาฯ ที่ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นประชาชนผ่านเว็บไซต์ของสภาฯ