บรรทัดฐานการตัดสินและบทลงโทษที่เป็นธรรม กำลังเป็นสิ่งที่ทำให้ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ถูกสังคมตั้งคำถามอยู่ขณะนี้
ภายหลังจากที่ประชุมร่วมของกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และ สส.ของพรรคก้าวไกล มีมติกรณีการคุกคามทางเพศ ให้ขับ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ออกจากสมาชิกพรรค เนื่องจากเป็นการผิดวินัยร้ายแรง
และมีมติคาดโทษ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส. กทม.เขตจอมทอง-บางขุนเทียน-ท่าข้าม ไว้ก่อน เนื่องจากเสียงในที่ประชุมร่วมไม่ถึง 3 ใน 4 จึงทำให้ไม่สามารถขับพ้นจากสมาชิกพรรคได้ แต่มีเงื่อนไขให้มีการยอมรับผิด ขอโทษสังคม และเยียวยาผู้เสียหายนั้น
ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มาตรา 101 ต้องใช้เสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของที่ประชุมร่วมของ กก.บห.และ สส.ซึ่งมีทั้งหมด 154 คน แต่มาประชุม 128 คน
อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างของบทลงโทษใน 2 กรณีนี้ ทำให้หลายฝ่ายสงสัยในกระบวนการสืบสวนเสาะหา และตรวจสอบข้อเท็จจริงของคนกันเองภายในพรรคว่า “มีความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากน้อยเพียงใด”
เพราะหากเทียบกันแล้ว การที่ นายวุฒิพงศ์ กระทำการในขณะที่เป็น “ว่าที่ผู้สมัคร” และมีผู้เสียหาย 1 คน กับ นายไชยามพวาน ที่กระทำการภายหลังจากที่ได้เป็น “สส.” แล้ว และมีผู้เสียหายถึง 3 คนนั้น เหตุใดบทลงโทษของนายไชยามพวานจึงเบากว่าบทลงโทษของ นายวุฒิพงศ์?
ช่วยไม่ได้ที่สังคมจะตั้งคำถามว่า มี “กลุ่มอำนาจใดในพรรคก้าวไกล” ที่ให้การคุ้มครอง สส.จากเขตบางขุนเทียนผู้นี้อยู่หรือไม่
ไม่เช่นนั้นแล้วเหตุใดจึงมีคำพูดออกมาจากปากนายวุฒิพงศ์ว่า “ผมเป็น สส.ภูธร ทำงานเชิงประเด็น ไม่ได้มีคอนเน็กชัน สส.ที่ทำงานเชิงการเมือง ทำให้การลงมติห่างกันไม่กี่สิบเสียง”
บางคนตั้งข้อสังเกตโยงไปถึงผู้มากบารมีภายในพรรค โดยขุดเอาภาพในอดีตที่นายไชยามพวานเคยเป็นคนสนิทติดตามนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล มาตั้งแต่สมัยอยู่พรรคประชาธิปัตย์
ทำให้โฆษกป้ายแดงต้องรีบแจ้นมาแจงว่า ตนเองเป็นหนึ่งในเสียงที่โหวตให้ขับนายไชยามพวานออก
นอกจากเรื่องอำนาจบารมีที่เลือกคุ้มครองคนในพรรคแล้ว หากขุดลึกลงไปอีก ก็รังแต่จะทำให้ภาพลักษณ์การเมืองใหม่ตรงไปตรงมา ถูกสั่นคลอนมากยิ่งขึ้นอย่างปฏิเสธไม่ได้ ตราบใดที่ สส.เจ้าของเสียงไม่ให้ขับออกจากสมาชิกพรรค ยังคงไม่ยอมเผยตัวออกมา
ในทางกลับกัน ทั้งสมาชิกพรรค สส. ผู้ที่มีบทบาท และผู้สนับสนุนพรรคหลายคน ต่างแสดงความผิดหวังกับมติดังกล่าว
โดยเฉพาะสมาชิกหญิง น.ส.ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย สก.เขตบางซื่อ พรรคก้าวไกล และรองโฆษกสภา กทม. ซึ่งได้โควตข้อความจากวิดีโอที่ นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมร่วมของพรรค บนแอปพลิเคชัน x ระบุว่า "หน้าด้าน ไม่มีความละอายแก่ใจ เป็นคนให้ได้ก่อนค่อยเป็นผู้แทนประชาชน @chaiyamparwaan" พร้อมแท็กถึงแอคเคาต์ของนายไชยามพวานด้วย และได้มีการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นสีดำในเวลาต่อมา
ด้าน น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ หรือ ทนายแจม สส.กทม. พรรคก้าวไกล ได้เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นภาพสีดำ ภายหลังที่พรรคมีมติ จากนั้นได้โพสต์รูปภาพจากซีรีส์เกาหลีเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีข้อความในภาพระบุว่า “อาชญากรรมทางเพศ ไม่ใช่เรื่องที่ควรเอามาล้อเล่นนะ” และโพสต์ข้อความอีกครั้งว่า “เมา ไม่ใช่ consent เมา ไม่ใช่ consent เมา ไม่ใช่ consent”
ส่วน น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความบนแอปพลิเคชัน x ว่า “คณะกรรมการวินัย คณะกรรมการบริหาร #พรรคก้าวไกล มีมติว่าคุณทำผิดวินัยร้ายแรง คุกคามทางเพศ ที่ประชุมร่วม สส.และกรรมการบริหารก็โหวตขับคุณถึง 106 เสียง จาก 128 เสียง ขาดเพียง 10 เสียงก็จะขับออกได้ตามกฎหมาย ถึงขนาดนี้แล้ว ดิฉันขอเรียกร้องให้ สส.ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชน พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค”
ไม่เว้นแม้แต่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ก็แสดงความผิดหวังและข้อสังเกตว่า “มี สส.ไม่กี่คน ส่วนมากเป็น สส.หญิง ที่แสดงออกถึงความไม่พอใจ ไม่เห็นด้วย แสดงความรู้สึกออกมา แต่ระดับนำ แสดงออกน้อยมาก หรือแทบไม่มี?”
แม้ นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่เป็นผู้รายงานผลมติภายหลังการประชุม จะยืนยันว่าทั้ง 2 กรณีแตกต่างกัน
จึงมีมาตรการในการลงโทษรุนแรงแตกต่างกัน และย้ำว่า กรณีการขับออกจากพรรคของนายวุฒิพงษ์นั้น ไม่ใช่เป็นการตัดหางปล่อยวัด แต่ทำตามบทลงโทษของพรรคเท่าที่ทำได้
แต่อย่างไรก็ยังไม่สามารถลบคำครหาของสังคมถึงการลงโทษครั้งนี้ สมเหตุสมผลหรือไม่
เนื่องจากในทางปฏิบัติ ผู้กระทำความผิดควรจะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ แต่พรรคกลับทำได้แค่เพียงกดดัน ไม่สามารถทำอะไรเพื่อชะล้างสิ่งที่สูญเสียไปก่อนหน้าได้เลย
ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องร้อน ที่พรรคก้าวไกลต้องหาทางแก้ไข หลังจากพยายามสะสมแต้มบุญ รักษาภาพลักษณ์การเมืองใหม่ขาวสะอาดมาโดยตลอด
ซึ่งเห็นได้จากกรณีของอดีตกรรมการบริหารพรรคที่ต้องรีบสังเวยตัวเอง หลังถูกกล่าวหาว่ามีความผิดฐานเมาแล้วขับ ทว่าคดีความของ สส.ชายหลายกรณีกลับไม่มีมาตรฐานเดียวกัน
สุดท้ายหากก้าวไกลยังไม่สามารถทำให้ทั้งตัวสมาชิก และภาพรวมของพรรคเป็นไปตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ได้ จะสามารถทำให้เกิดการเมืองใหม่แบบที่ฝันไว้ได้อย่างไร?.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“พ่อเลี้ยง”เปลี่ยนสนามรบเป็นทุน “ดับไฟใต้-สันติภาพเมียนมา”
“ฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง” นับเป็นภาพการเมืองในฝ่ายบริหารที่ “วิญญูชน” พึงประจักษ์ได้ว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการขยับตัวและคำพูดของ “ทักษิณ ชินวัตร” วิทยากร-นักวิชาการของพรรคเพื่อไทย
47 เก้าอี้นายกฯอบจ. บ้านใหญ่ ลุ้นเข้าวิน-กินเรียบ!
คิกออฟ นับหนึ่งตั้งแต่จันทร์ที่ 23 ธ.ค.ที่เป็นวันแรกของการรับสมัครบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งนายกฯ อบจ. 47 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงที่ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ 76 จังหวัด
‘แม้ว’ ไล่ทุบ- ‘ภูมิใจไทย’ ไม่หมู ‘แดง-น้ำเงิน’ ทนอยู่แบบตบจูบ
นาทีนี้ศึกฝ่ายค้าน-รัฐบาลยังไม่เดือดเท่ากับศึกรัฐบาลด้วยกันเอง แรงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการขบเหลี่ยมของพรรคอันดับ 1 และพรรคอันดับ 2
ขวากหนามแก้รัฐธรรมนูญ คนกันเอง...เล่นเกมต่อรอง
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่เห็นชอบกับ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ฉบับคณะ กมธ.ร่วมกันพิจารณาเสร็จแล้ว
'ทักษิณ'พังการเมืองท้องถิ่น กระหายอำนาจ ไม่สนขัดแย้ง
“นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เจ้าของพรรคเพื่อไทย ต้องการฟื้นคืนชีพระบอบทักษิณโดยไม่สนใจบทเรียนในอดีต จนตัวเองและน้องสาวต้องหนีออกนอกประเทศ รวมถึงบริวารต้องติดคุกแทน
คดีป่วยทิพย์ชั้น14ในมือ‘ป.ป.ช.’ ‘รอด-ร่วง’สะเทือนการเมือง
เป็นอีกหนึ่งคดีที่ท้าทายสำหรับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังมีมติแต่งตั้ง องค์คณะไต่สวน ซึ่งประกอบด้วยกรรมการ ป.ป.ช.ทุกคน เพื่อตรวจสอบกรณีกล่าวหานายสหการณ์