เกิดกระแสพูดถึงมาร่วมสัปดาห์กว่ากับการมีรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง ที่ผู้คิดฉ้อฉลคดโกงประเทศหวั่นเกรง แต่สุดท้ายพอคนทุจริตถูกศาลตัดสินจำคุก แม้จะโดนลงโทษหลายปี แต่ ติดคุกจริง กลับแค่ไม่กี่ปี ไม่ได้รับโทษเต็มตามจำนวนตามคำพิพากษา เพราะนักโทษในคดีทุจริตมีชื่อติดอยู่ในกลุ่มคนที่ได้รับการลดวันต้องโทษ
ทำให้ผู้คนในสังคมตั้งคำถามถึงมาตรการในการ ลดหย่อนผ่อนโทษและการเลื่อนชั้นนักโทษ เพื่อเข้าสู่กระบวนการดังกล่าวของกรมราชทัณฑ์ ในการดูแลของกระทรวงยุติธรรมที่มี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็น รมว.ยุติธรรม จนเกิดเป็นกระแสดังอื้ออึง
อันเป็นกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้น หลังมีพระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษฯ ออกมาเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ที่นอกจากจะมีผู้ต้องขังได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ และได้รับพระราชทานลดวันต้องโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวอีกกว่า 1.3 แสนราย มีรายงานด้วยว่า ในกลุ่มดังกล่าวมีนักการเมือง, อดีตข้าราชการระดับสูง ที่ถูกศาลพิพากษาในคดีสำคัญ 5 ราย ที่เข้าหลักเกณฑ์ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ 2564 รอบ 2 เช่น กลุ่มนักโทษในคดีทุจริตจำนำข้าว
อาทิ ภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ที่ได้เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ศาลพิพากษาปี 2560 กำหนดโทษ 36 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษปี 2564 ในรอบแรก เหลือวันต้องโทษจำคุก 12 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษปี 64 ในรอบสอง เหลือวันต้องโทษ 8 ปี จะพ้นโทษ 25 สิงหาคม 2568 และยังมี บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ที่ได้เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ศาลพิพากษาปี 2560 กำหนดโทษ 48 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษปี 2564 ในรอบแรก เหลือวันต้องโทษจำคุก 16 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษปี 2564 ในรอบสอง เหลือวันต้องโทษ 10 ปี จะพ้นโทษ 21 เมษายน 2571 หรือ อภิชาติ (เสี่ยเปี๋ยง) จันทร์สกุลพร นักธุรกิจค้าข้าวตัวแสบที่มีคดีความมากมาย และได้เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม โดยศาลพิพากษาปี 2561 กำหนดโทษ 48 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษปี 2564 ในรอบแรก เหลือโทษจำคุก 9 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษปี 2564 ในรอบสอง เหลือโทษจำคุก 6 ปี 3 เดือน 26 วัน พ้นโทษ 26 ธันวาคม 2566 หรืออีกแค่สองปีนับจากนี้ เป็นต้น
จนทำให้มีทั้งนักกฎหมาย-อดีตผู้พิพากษา-องค์กรเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชัน-สมาชิกวุฒิสภา ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ตั้งข้อสังเกตหลักเกณฑ์การพิจารณาดังกล่าว โดยเฉพาะการให้ผู้ต้องขังคดีทุจริตถูกจัดให้เป็น นักโทษชั้นเยี่ยม ว่ากรมราชทัณฑ์มีหลักเกณฑ์การพิจารณาอย่างไร เพราะในเมื่อกระบวนการพิจารณาคดีต่างๆ ตั้งแต่ชั้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พนักงานอัยการ ศาลยุติธรรม เช่นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาดำเนินการสอบสวน ไต่สวน จนสุดท้ายคดีถึงที่สุด มีการกำหนดโทษให้ต้องชดใช้ฐานร่วมกันทุจริต ทำให้บ้านเมืองเสียหายหลายแสนล้านบาท แต่สุดท้ายได้รับการผ่อนปรน ลดโทษ ตามกฎระเบียบกรมราชทัณฑ์ที่เป็นแค่กฎกระทรวง
คำถามจึงเกิดขึ้นว่า เมื่อเป็นแบบนี้ทั้งที่เรามีรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ และกลไกต่างๆ ที่ออกมารองรับรัฐธรรมนูญทั้งกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ข้อกำหนดในการไต่สวนและการมีความเห็นสั่งฟ้อง เป็นต้น ที่ล้วนออกมาเพื่อป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน รวมถึงการให้มียาแรง มาตรการที่เข้มข้นในการเอาผิด ลงโทษคนทุจริต เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อบุคคลอื่น สุดท้ายแม้คนที่ฉ้อโกงจะต้องรับโทษในเรือนจำ แต่ก็ไม่ได้ติดคุกตามบทลงโทษของศาลยุติธรรม เทียบแล้วบางคนติดคุกแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น ตามตัวอย่างข้างต้นที่ยกมากรณีจำเลยคดีทุจริตจำนำข้าว สังคมจึงเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์เคลียร์เรื่องดังกล่าว
อย่างเช่นท่าทีของ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ที่ออกแถลงการณ์เรื่อง คัดค้านการลดหย่อนผ่อนโทษให้กับผู้ต้องขังคดีคอร์รัปชัน เมื่อวันเสาร์ที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุตอนหนึ่งว่า รัฐบาลได้ประกาศพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษฯ แก่ผู้ต้องขัง ส่งผลให้ผู้ต้องขังในคดีคอร์รัปชันหลายรายที่ได้สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลให้เศรษฐกิจของประเทศ แต่ขณะนี้กลับได้รับการลดหย่อนโทษอย่างรวดเร็ว
"แต่สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้ไม่ทราบว่าด้วยเหตุใดและโดยใคร ทำให้หลักเกณฑ์ที่เคยเป็นหลักความเชื่อมั่นของระบบยุติธรรมเปลี่ยนแปลงไป จนเอื้อประโยชน์ในการลดหย่อนผ่อนโทษให้กับนักโทษ โดยเฉพาะคดีคอร์รัปชันอย่างไม่น่าได้ลดหย่อนรวดเร็ว.....จึงเป็นเรื่องสวนทางกับความรู้สึกของประชาชน บ่อนทำลายความพยายามของ ป.ป.ช., อัยการ และศาล ในการเอาคนผิดมาลงโทษ ซึ่งเท่ากับส่งเสริมให้คนโกงไม่เกรงกลัว" แถลงการณ์ระบุชัด
เรื่องดังกล่าว หลังคนในสังคมพูดถึงมาได้พักใหญ่ ล่าสุดมีท่าทีจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังถูกสื่อตั้งคำถามกรณีองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันแถลงการณ์คัดค้านลดโทษผู้ต้องขังคดีคอร์รัปชัน โดยนายกฯ บอกว่าวันนี้ต้องเอามาทบทวน บางอย่างเป็นเรื่องของกฎระเบียบของกระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์กำลังทบทวน ต้องศึกษาดูว่ามีอะไรที่ไม่เหมาะสมอยู่ตรงนี้ ต้องดูตรงนี้ มันคือเรื่องความทุจริต ต้องไปดูว่าเกณฑ์ที่เขากำหนดไว้มันเหมาะสมหรือไม่ ถ้าไม่เหมาะสมก็ต้องแก้ใหม่ ต้องมาทบทวนใหม่ทั้งหมด
ขณะเดียวกัน สมศักดิ์-รมว.ยุติธรรม ชี้แจงเรื่องร้อนแรงดังกล่าวนี้ กลางที่ประชุมวุฒิสภาเมื่อวันจันทร์ที่ 13 ธ.ค. ในช่วงการตอบกระทู้ถามด้วยวาจา กรณีการลดโทษให้ผู้ต้องขังคดีจำนำข้าว ที่ถามโดย วันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา ชนิดกระแทกใจประชาชนทั้งประเทศ
"กว่าที่จะเอาคนพวกนี้มาเข้าคุกได้ เจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนักมาก แต่กรมราชทัณฑ์กลับไปลดกระหน่ำซัมเมอร์เซล และมีคนพูดว่าคนพวกนี้เป็นพวกเดียวกับท่านรัฐมนตรี เคยเป็นนักการเมืองเป็นรัฐมนตรีด้วยกัน
ขอถามแบบตรงไปตรงมาว่า กระบวนการเลื่อนชั้นนักโทษเหล่านี้ ท่านรู้เรื่องบ้างหรือไม่ มีส่วนรู้เห็นมากน้อยเพียงใด มีการตรวจสอบหรือไม่ หลักเกณฑ์ในการเลื่อนระดับนักโทษ มีการวิ่งเต้นใช้เงินหรือไม่" ส.ว.วันชัยถามชัดๆ ต่อหน้าสมศักดิ์กลางห้องประชุมวุฒิสภา
โดย สมศักดิ์ ชี้แจงโดยสรุปว่า ทั้งหมดทำโดยถูกต้องตามแนวทางที่ปฏิบัติมาตั้งแต่ พ.ศ.2459 จนถึงวันนี้ก็เป็นเวลา 105 ปี มี พ.ร.ฎ.อภัยโทษผู้ต้องขัง 52 ฉบับ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นควรที่กระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ จะต้องทำมากกว่าแค่การชี้แจง โดยอ้างอิงว่าทำตามระเบียบและครรลองที่ทำกันมาตลอด เพราะเรื่องแบบนี้กรณี นักธุรกิจ-อดีตนักการเมือง-คนมีเงิน-คนมีเครือข่ายอำนาจ ที่เรียกกันว่า "นักโทษวีไอพี" ติดคุกจริง แต่ก็ได้ออกมาเร็ว เป็นเรื่องที่สังคมพูดกันมาตลอด
เหมือนกับที่ ส.ว.วันชัยตั้งกระทู้ถามกลางที่ประชุมวุฒิสภา "มีการวิ่งเต้นใช้เงินหรือไม่"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชนักติดหลัง-หอกดาบ ที่ค้างอยู่ของ"ทักษิณ"
แน่นอนว่า ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ย่อมต้องถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่ต้องตกอยู่ในสถานะ ผู้ถูกร้อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ หลังศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง-ไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัยในคดีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือ "คดีล้มล้างการปกครอง" ที่ศาล รธน.มีมติยกคำร้องไปเมื่อ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา
'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน
ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49
แจกเฟส 2 หวังผลการเมือง ส่อผิดกฎหมายหลายกระทง?
ปี่กลองอึกทึกครึกโครม ในสนามเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงนี้จึงอยู่ในช่วงงัดไม้เด็ดเดิมพันให้ได้คว้าชัยชนะ เพื่อเป็นอีกก้าวปูทางไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่
ปักธง1ภาค1เก้าอี้นายกอบจ. ส้มเก็บชัยหรือระเนระนาด
นับถอยหลังสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ระหว่าง นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน และนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
จับตาคลอดโผแต่งตั้ง“นายพลใหญ่” ตำรวจคนสนิทฝั่งรัฐบาลพรึบยกแผง
จับตาบ่ายวันนี้ การแต่งตั้งโยกย้ายล็อตแรก “นายพลใหญ่” ระดับรอง ผบ.ตร. จเรตำรวจ-ผบช. ที่นายกฯ อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นัดประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 10/2567 เพื่อพิจารณาบัญชีรายชื่อ “พล.ต.อ.-พล.ต.ท.” วาระประจำปี 2567
ยากจะขวาง‘โต้ง’นั่งปธ.บอร์ดธปท. แนวต้านขอสกัดจนนาทีสุดท้าย!
แม้จะมีข่าวว่า กรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติเลือก เสี่ยโต้ง-นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่