เป็นการปิดฉากยุค 3 ป. โดยบริบูรณ์ เมื่อ พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เตรียมจะลาออกจากตำแหน่ง สส.บัญชีรายชื่อ ภายหลังน้องเล็ก ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และน้องรอง ‘บิ๊กป๊อก’ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ประกาศวางมือทางการเมืองไปก่อนหน้านี้
ท่าทีของ ‘บิ๊กป้อม’ ครั้งนี้ ถือเป็นความชัดเจนที่หลายฝ่ายจับจ้องมาตลอด หลังแผนการผลักดันให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยไม่ประสบความสำเร็จ
เมื่อไปไม่ถึงตำแหน่งผู้นำสูงสุด จึงไม่จำเป็นที่คนระดับ ‘บิ๊กป้อม’ ซึ่งผ่านตำแหน่งเบอร์ 2 ในรัฐบาลมาแล้ว จะต้องไปนั่งเป็นหนึ่งใน ครม.เศรษฐา 1 ที่ถือเป็นการลดระดับตัวเอง
และไม่จำเป็นต้องเป็น สส.บัญชีรายชื่อต่อไป เพราะไม่ถนัดงานในสภาผู้แทนราษฎรอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เพียงแค่นั่งคาไว้ กรณีหาก ส้มหล่น มาถึง ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะได้ไม่ถูกครหาว่า ไม่ได้เป็นตัวแทนประชาชน หรือไม่ได้เป็น สส.
เมื่อไปได้ไกลแค่ใกล้ที่สุด ‘บิ๊กป้อม’ จึงถอยออกมาทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ตำแหน่ง ‘หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ’ ที่อีกไม่นานน่าจะปล่อยมือให้แผงอำนาจใหม่ในพรรคบริหารจัดการ
จริงๆ ‘บิ๊กป้อม’ มีแผนจะถอยฉาก เพื่อปลดล็อกเงื่อนไข ‘มีลุง ไม่มีเรา’ ให้พรรคพลังประชารัฐสามารถร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยได้ โดยมีการวางตัวให้ ‘บิ๊กป๊อด’ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ ผู้เป็นน้องชายเข้ามาบริหารพรรคเต็มตัว โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา เป็นแม่บ้านพรรค ตั้งแต่การประชุมใหญ่พรรคเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2566 แล้ว
แต่ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่นิ่ง และไม่แน่นอน ประกอบกับไม่ต้องการให้ลูกพรรคบางกลุ่ม บางคน เสียขวัญ ‘บิ๊กป้อม’ จึงยังต้องนั่งกุมบางเหียนต่อไปก่อน
แต่มีการค่อยๆ ปรับโหมด ขยับออกทีละก้าว ด้วยการดัน ‘บิ๊กป๊อด’ มาอยู่เบื้องหน้า เป็น ‘ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ’ เพื่อเตรียมตัวรับไม้ต่อในอนาคตอันใกล้
และภายหลังรับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรค ‘บิ๊กป๊อด’ เอง ที่เคยอยู่หลังม่านมาตลอด ก็ค่อยๆ ขยับออกมาอยู่ด้านหน้า โดยส่งทีมงานเข้ามาดูแลเรื่องต่างๆ ภายในพรรค จนเป็นอันรู้กัน
ขณะที่การให้ ‘บิ๊กป๊อด’ มานั่งตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ใน ครม.เศรษฐา 1 ซึ่งปกติเป็นตำแหน่งของหัวหน้าพรรค เป็นการส่งสัญญาณชัดว่า นี่คือ ‘หัวหน้าคนใหม่’
หรือแม้แต่กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐชุดที่เพิ่งมีการเลือกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 ก็เต็มไปด้วยคนของ ‘บิ๊กป๊อด’ และ ‘ผู้กองนัส’ ทั้งสิ้น
ซึ่งทุกคนในพรรครู้มาตลอดว่า ‘บิ๊กป้อม’ ถอยไปอยู่หลังม่านแทน ‘บิ๊กป๊อด’ แน่
สัญญาณเรื่องการจะลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ ชัดตั้งแต่หลายสัปดาห์ก่อนแล้ว โดยมีรายงานว่า ‘บิ๊กป้อม’ ได้แจ้งกับแกนนำพรรคว่า จะลาออกจาก สส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อให้ลำดับถัดไปได้เลื่อนชั้นขึ้นมาแทน
โดยผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 2 คือ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค ที่มีข่าวว่าจะไปนั่งเป็น รมช.สาธารณสุข ใน ครม.เศรษฐา 1
ว่ากันว่า มีประกาศิตจาก ‘บิ๊กป้อม’ ให้ ‘สันติ’ สละสิทธิ์ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ หลังจากได้เป็นรัฐมนตรี เพื่อให้ ‘เสี่ยโอ๋’ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค ในฐานะผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 3 ที่มีความถนัดด้านสภา ได้เข้าไปทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ
เป็นการกระจายงานให้ทั่วถึงเท่าที่จะทำได้ เพราะโควตาต่างๆ ในครั้งนี้มีค่อนข้างจำกัด
อย่างไรก็ดี แม้จะสละตำแหน่งต่างๆ ในเบื้องหน้า แต่บทบาทของ ‘บิ๊กป้อม’ คงยังไม่อัสดงในทันที เพราะกลุ่มการเมืองอื่นๆ ภายในพรรค ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด จึงต้องอยู่เพื่อเป็น ‘ศูนย์กลาง’ ในหลังม่านป่ารอยต่อฯ ไปอีกสักพักใหญ่ๆ
ประกอบกับบารมีของ ‘บิ๊กป๊อด’ ยังไต่ไม่ถึงผู้เป็นพี่ชาย ฉะนั้น ‘บิ๊กป้อม’ จะยังต้องอยู่ประคองแบบห่างๆ ไปก่อน
แต่หากใครคิดว่า ฤทธิ์เดชของ ‘บิ๊กป้อม’ หมดแล้ว อาจจะต้องคิดใหม่ เพราะวันนี้แม้อำนาจต่อรองในสภาจะไม่ได้มีมาก แต่องคาพยพและกลไกต่างๆ ที่ บ้านป่ารอยต่อฯ ส่งเข้าไปยังอยู่กันครบ
เป็นอาวุธหนักที่สามารถหยิบใช้เพื่อ ‘ตอบโต้’ หรือ ‘เอาคืน’ ได้ตลอด
เพราะหากไม่มีอิทธิฤทธิ์แล้ว วันนี้คงไม่มี ‘พลังประชารัฐ’ อยู่ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เพื่อหารโควตารัฐมนตรีกระทรวงสำคัญไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“พ่อเลี้ยง”เปลี่ยนสนามรบเป็นทุน “ดับไฟใต้-สันติภาพเมียนมา”
“ฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง” นับเป็นภาพการเมืองในฝ่ายบริหารที่ “วิญญูชน” พึงประจักษ์ได้ว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการขยับตัวและคำพูดของ “ทักษิณ ชินวัตร” วิทยากร-นักวิชาการของพรรคเพื่อไทย
47 เก้าอี้นายกฯอบจ. บ้านใหญ่ ลุ้นเข้าวิน-กินเรียบ!
คิกออฟ นับหนึ่งตั้งแต่จันทร์ที่ 23 ธ.ค.ที่เป็นวันแรกของการรับสมัครบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งนายกฯ อบจ. 47 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงที่ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ 76 จังหวัด
‘แม้ว’ ไล่ทุบ- ‘ภูมิใจไทย’ ไม่หมู ‘แดง-น้ำเงิน’ ทนอยู่แบบตบจูบ
นาทีนี้ศึกฝ่ายค้าน-รัฐบาลยังไม่เดือดเท่ากับศึกรัฐบาลด้วยกันเอง แรงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการขบเหลี่ยมของพรรคอันดับ 1 และพรรคอันดับ 2
ขวากหนามแก้รัฐธรรมนูญ คนกันเอง...เล่นเกมต่อรอง
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่เห็นชอบกับ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ฉบับคณะ กมธ.ร่วมกันพิจารณาเสร็จแล้ว
'ทักษิณ'พังการเมืองท้องถิ่น กระหายอำนาจ ไม่สนขัดแย้ง
“นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เจ้าของพรรคเพื่อไทย ต้องการฟื้นคืนชีพระบอบทักษิณโดยไม่สนใจบทเรียนในอดีต จนตัวเองและน้องสาวต้องหนีออกนอกประเทศ รวมถึงบริวารต้องติดคุกแทน
คดีป่วยทิพย์ชั้น14ในมือ‘ป.ป.ช.’ ‘รอด-ร่วง’สะเทือนการเมือง
เป็นอีกหนึ่งคดีที่ท้าทายสำหรับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังมีมติแต่งตั้ง องค์คณะไต่สวน ซึ่งประกอบด้วยกรรมการ ป.ป.ช.ทุกคน เพื่อตรวจสอบกรณีกล่าวหานายสหการณ์