![กรอง moc up 20.8.66](https://storage-wp.thaipost.net/2023/08/กรอง-moc-up-20.8.66.jpg)
มีความชัดเจนทางการเมืองเกิดขึ้นหลายอย่างในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่กรณีผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ซ้ำได้หรือไม่ หลังจากมี สส.และ สว.บางส่วนยกข้อบังคับการประชุมสภาขึ้นมาว่าไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากเป็นญัตติที่ตกไปแล้ว จนทำให้การโหวตนายกรัฐมนตรีต้องเลื่อนออกมาเป็นสัปดาห์
ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง เนื่องจากเห็นว่าผู้ร้องเรียนไม่ใช่บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพโดยตรง ไม่อาจใช้สิทธิยื่นคำร้องเรียนได้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213
ด้านนายพิธา ในฐานะผู้เสียหายโดยตรง ปฏิเสธที่จะใช้สิทธิยื่นศาลรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า “เป็นปัญหาของสภา ดังนั้นควรแก้กันที่สภา”
ส่วนท่าทีภาพรวมของพรรคก้าวไกลดูเหมือนจะยังไม่ยอมแพ้ โดยเฉพาะประเด็นเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีซ้ำ โดยนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค เปิดเผยภายหลังรู้ผลศาลรัฐธรรมนูญว่า เตรียมจะขอให้ทบทวนมติที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม กรณีเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำได้หรือไม่
ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ได้กำหนดให้วันที่ 22 สิงหาคม เป็นวันโหวตนายกรัฐมนตรียกสอง
แต่ก่อนจะโหวตนายกรัฐมนตรี จะมีการหารือกันถึงญัตติของนายรังสิมันต์ ซึ่งยังค้างวาระอยู่เมื่อการประชุมรัฐสภาครั้งที่แล้ว และยังไม่มีข้อยุติ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจึงจะเข้าสู่การโหวตนายกรัฐมนตรี
ในส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย สัปดาห์ที่ผ่านมาชัดเจนแล้วเหมือนกันว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ จะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เข้าไปโหวต
โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความมั่นใจว่า ขณะนี้นายเศรษฐาได้รับเสียงสนับสนุนจากรัฐสภาเกินกึ่งหนึ่งแล้ว พร้อมกับมั่นใจว่าจะโหวตเพียงรอบเดียวแล้วผ่านเลย
สำรวจเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยขณะนี้ ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรถือว่าได้เกินกึ่งหนึ่งแล้ว หลังเมื่อวันพฤหัสบดี พรรครวมไทยสร้างชาติตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ทำให้ได้เสียงเพิ่มอีก 36 เสียง
ส่วนสัปดาห์ก่อน พรรคพลังประชารัฐ โดยนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร และกรรมการบริหารพรรค ออกมาประกาศว่า 40 เสียงของพรรคจะสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย
ทำให้เสียงสนับสนุนของพรรคเพื่อไทยในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรมีมากถึง 314 จาก 11 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคเพื่อไทย 141 เสียง พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง พรรคท้องที่ไทย 1 เสียง พรรคพลังสังคมใหม่ 1 เสียง
สำหรับความคืบหน้าเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลนั้น มีรายงานว่า แต่ละพรรคสามารถตกลงสัดส่วนกระทรวงที่แต่ละพรรคจะได้เรียบร้อยแล้ว อย่างเช่น พรรคภูมิใจไทย จะได้รัฐมนตรีว่าการ 4 ตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการ 4 ตำแหน่ง พรรครวมไทยสร้างชาติ จะได้รัฐมนตรีว่าการ 2 ตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการ 2 ตำแหน่ง หรือพรรคพลังประชารัฐ ได้รัฐมนตรีว่าการ 3 ตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการ 1 ตำแหน่ง เป็นต้น
ส่วนรายละเอียดว่าใครจะนั่งกระทรวงไหน คาดว่าจะจบก่อนวันที่ 22 สิงหาคมนี้แน่นอน หลังพรรคร่วมหลายพรรคส่งสัญญาณออกมาว่าต้องการได้บทสรุปก่อนที่จะยกมือให้ เพื่อความไว้วางใจต่อกัน
อย่างไรก็ตาม แม้เสียงในสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเพื่อไทยนาทีนี้จะท่วมท้น ทะลุ 300 เสียงไปเรียบร้อย แต่ตามรัฐธรรมนูญแล้ว หากนายเศรษฐาจะฝ่าด่านก้าวขึ้นไปเป็นนายกรัฐมนตรีได้ จะต้องได้รับความเห็นชอบ 375 เสียง เท่ากับว่าตอนนี้พรรคเพื่อไทยขาดอยู่อีก 61 เสียง โดยจะต้องไปพึ่งจาก สภาสูง
แม้พรรคเพื่อไทยเองแสดงความมั่นใจว่าสามารถหาเสียงที่เหลือจาก สว.ได้ เพราะแกนนำหลายคนในพรรคมีคอนเนกชันที่ดีกับสภาสูง และไม่มีเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เหมือนกับกรณีของพรรคก้าวไกลให้ถูกสกัด แต่ถึงตรงนี้ไม่มีใครสามารถการันตีได้ 100% ว่าอีก 61 เสียงจะให้แน่ๆ
อีกทั้งท่าทีของ สว.หลายคนที่อยู่ในสายอำนาจเก่า แสดงออกมาแปลกๆ จนผู้คนสับสนและหวาดระแวง ไม่ว่าจะเป็นนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. ในฐานะประธานกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ที่กำลังตรวจสอบพฤติกรรมของนายเศรษฐาเกี่ยวกับการหลบเลี่ยงภาษีที่ดินที่มีการร้องเรียนเข้ามา โดยได้มีการขอเอกสารไปยังสำนักงานที่ดินแล้ว นอกจากนี้ยังไม่การันตีว่าชื่อของนายเศรษฐาจะฉลุย ต่อให้วันนี้จะมีพรรค 2 ลุงอยู่ร่วมแล้วก็ตาม
“แม้ว่าทั้ง 2 พรรคจะไปรวมกับพรรคเพื่อไทยได้ แต่ไม่เชื่อว่าจะมี สว.โหวตตาม เพราะ สว.ก็มีหลักในการพิจารณาผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นบุคคลที่ไม่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่แก้มาตรา 112 ไม่ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ”
ซึ่งเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย ประกอบกับคลิปการให้สัมภาษณ์ของนายเศรษฐาเกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา 112 ที่มีการขุดกันขึ้นมา คำพูดนายเสรีจึงน่าสนใจ
เช่นเดียวกับท่าทีของนายจเด็จ อินสว่าง สว.อีกราย ที่ออกมาแสดงความเห็นว่าชื่อของนายเศรษฐาจะผ่านยาก โดยอ้างว่า สว.ยังติดใจประเด็นเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ในทางธุรกิจ ตามที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ออกมาเปิดเผยข้อมูลเรื่องการหลีกเลี่ยงภาษีการซื้อขายที่ดิน แต่นายเศรษฐาไม่เคยออกมาชี้แจงให้ชัดเจน
ดูเหมือนว่า สว.กำลังให้น้ำหนักกับความเคลื่อนไหวของนายชูวิทย์อย่างมาก
ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า การออกมาเคลื่อนไหวสกัดนายเศรษฐาของนายชูวิทย์ เรื่องการหลบเลี่ยงภาษีการซื้อขายที่ดินสมัยทำธุรกิจนั้น สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อสังคม และกำลังสร้างปัญหาให้กับทั้งนายเศรษฐาและพรรคเพื่อไทย
และว่ากันตามสิ่งที่เห็นคือ สังคมให้เครดิตและความน่าเชื่อถือกับนายชูวิทย์ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะออกมาแฉหรือพูดอะไรก็ตาม
สังคมไม่ได้มองว่านายชูวิทย์มีนัยทางการเมืองอะไรหรือไม่ หรือมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่โฟกัสกันว่านายเศรษฐาทำจริงหรือไม่
กลายเป็นภาพลักษณ์ของนายเศรษฐาขณะนี้กำลังติดลบจากการความเคลื่อนไหวของนายชูวิทย์
และยังไม่รู้ว่า วันที่ 21 สิงหาคมนี้ ก่อนวันโหวตนายกรัฐมนตรี 1 วัน ซึ่งนายชูวิทย์ระบุว่าจะเปิดหลักฐานเกี่ยวกับการให้นอมินีซื้อที่ดินนี้ จะมีหลักฐานอะไรที่สั่นสะเทือนการเมืองไทยอีกหรือไม่ เพราะหากเป็นหลักฐานเด็ด เชื่อว่าส่งผลต่อการตัดสินใจโหวตนายกรัฐมนตรีของ สว.แน่
แม้หลายพรรคการเมืองที่ตอบรับเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยจะไม่ติดใจเรื่องที่นายชูวิทย์ออกมาเคลื่อนไหวสกัดนายเศรษฐา แต่ สว.กลับไม่ได้คิดอย่างนั้น
กอปรกับในช่วงสัปดาห์สองสัปดาห์นี้ แม้พรรคเพื่อไทยจะชัดเจนว่าเสนอชื่อนายเศรษฐา แต่กลับยังมีกระแสข่าวออกมาเป็นระลอกว่าต้องการจะให้ อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยอีกคนเป็นผู้นำมากกว่า
มีการพูดกันถึงขั้นว่า ต้องการจับ "อุ๊งอิ๊ง" เป็นตัวประกัน เพื่อไม่ให้พรรคเพื่อไทยหรือเจ้าของพรรคตุกติกในภายหลัง
ดังนั้น ที่ว่าคะแนนของ "เศรษฐา" ล้นๆ นั้น ล้นจากแค่เพียง สส.อย่างเดียวหรือไม่ ไม่ได้เกี่ยวกับ สว.?
หรือที่สุดเรื่องนี้จะเป็น เกมลวง ให้พรรคเพื่อไทยและนายเศรษฐาตายใจ เพื่อล่อไปตกสวรรค์ในสภา?
ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ความหวาดระแวงมันยังไม่ได้หมดสิ้น
ที่ว่าจะม้วนเดียวจบ 22 สิงหาคมนี้ อย่านิ่งนอนใจ การเมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ เผยหลังลงพื้นที่นราธิวาส-มาเลเซีย กระชับความสัมพันธ์ทุกระดับ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ด่านสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และเมืองรันเตาปันจัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ว่า สืบเนื่องจากการพบนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา และการลงพื้นที่ของตนที่มาดูเรื่องเศรษฐกิจ 3 วัน 2 คืน
'เศรษฐา' สยบข่าวนายกฯสำรอง ย้ำ 314 เสียงมั่นคงแล้ว
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกฯ สำรอง โดยนายอนุทินที่นั่งอยู่ข้างๆ หัวเราะ ก่อนนายอนุทินจะกล่าวว่า นั่งตัวลีบอยู่อย่างนี้ ขณะที่นายกฯ
กสม.โผล่แฉทักษิณ ส่อ‘ป่วยทิพย์-อภิสิทธิ์ชน’ ส่งปปช.ฟัน‘รพ.-กรมคุก’
“เศรษฐา” เชื่อ “ทักษิณ” ขอไปดูไบ เปล่าตั้งหลัก แค่รักษาตัว “จตุพร” ฟันธง ต้องการแสดงอิทธิฤทธิ์เหนือคนอื่น
เคาะมาตรการ3ด.รอดิจิทัล
รัฐบาลพาเหรดตีปี๊บความสำเร็จดิจิทัลวอลเล็ต “จุลพันธ์” บอกทะลุ 20 ล้านรายแล้ว
เศรษฐาเมินดึงปชป.ย้ำไม่ปรับครม.
"เศรษฐา" ลั่นยังไม่คิดปรับ ครม.ตอนนี้ ขออย่าโยง 3 คดีทางการเมืองเดือน
'ศิริกัญญา' เอาใจช่วย 'เศรษฐา' ไม่หลุดนายกฯ หวัง 'ก้าวไกล' รอดยุบพรรค
'ศิริกัญญา' เชียร์ 'เศรษฐา' รอดคดี ไม่เห็นด้วยองค์การอิสระแทรกแซง ยังหวังก้าวไกลไม่ถูกยุบ ขอรอผล 7 ส.ค. ก่อน รับคุยหลายพรรคไม่ใช่แค่ถิ่นกาขาวฯ