วันพุธที่ 2 ส.ค. หากไม่มีการเลื่อนนัดออกไปอีก ก็จะมีการประชุมแกนนำ 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาล ณ พรรคเพื่อไทย ตามที่ แกนนำพรรคเพื่อไทยประกาศไว้
แม้จะพบว่า คนในพรรคก้าวไกลบอกไว้ในช่วงบ่ายวันที่ 1 ส.ค.ว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อจากพรรคเพื่อไทยให้ร่วมประชุมดังกล่าว แต่หากการประชุมเกิดขึ้น ไม่มีการยกเลิก การพูดคุยระหว่างแกนนำ 8 พรรคการเมืองจะเป็นการพูดคุยกันถึงเรื่องความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลและความชัดเจนในการโหวตนายกรัฐมนตรี วันศุกร์ที่ 4 ส.ค.
ล่าสุด ช่วงเย็นวันที่ 1 ส.ค. ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกำหนดการประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะมีขึ้นวันใด ว่า ยังอยู่ในกระบวนการนัดหมาย ทางผู้ประสานงานยังไม่ได้แจ้งมาให้ทราบ จึงยังไม่รู้ว่า 8 พรรคจะประชุมกันวันไหน หากทราบแล้วจะมีการแจ้งให้สื่อทราบต่อไป
เบื้องต้น แกนนำเพื่อไทย ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ที่เป็น 1 ใน 3 คีย์แมนพรรคที่อยู่ในคณะเจรจาจัดตั้งรัฐบาลบอกว่า จะนำข้อสรุปจากการที่ตัวแทน-แกนนำพรรคการเมืองแต่ละพรรคมาร่วมพูดคุยกันที่พรรคเพื่อไทย เมื่อช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ 22-23 ก.ค. ที่ประกอบด้วย ภูมิใจไทย-พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ-ชาติไทยพัฒนา-ชาติพัฒนากล้า ซึ่งได้ข้อสรุปว่าทุกพรรคการเมืองประกาศไม่สามารถร่วมงานการเมืองกับ พรรคก้าวไกล ได้ เพราะติดขัดเรื่องท่าที-นโยบายพรรคก้าวไกลที่จะแก้ไขมาตรา 112
รวมถึงจะนำสิ่งที่แกนนำพรรคเพื่อไทยได้ไปพูดคุยกับสมาชิกวุฒิสภาบางส่วน รวมถึงคำให้สัมภาษณ์ท่าทีของ สว.ต่อการโหวตนายกฯ ที่ก็คือ สว.จำนวนไม่น้อยบอกว่า หากยังมีพรรคก้าวไกลอยู่ด้วยในการจัดตั้งรัฐบาล ก็ไม่สามารถโหวตสนับสนุนคนของเพื่อไทย ให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้
จุดที่น่าสนใจคือ เมื่อแกนนำเพื่อไทยบรีฟข้อหารือทั้งหมดต่อที่ประชุมแกนนำ 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาลแล้ว แต่ละพรรคจะมีท่าทีอย่างไร โดยเฉพาะที่ต้องจับตามองมากที่สุดก็คือ พรรคก้าวไกล จะแสดงอาการอย่างไร
กระนั้นก็มีการประเมินว่า ฝ่ายก้าวไกลก็อาจไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา เพื่อรอหยั่งเชิงการเมืองเพื่อไทยก่อนว่าจะทิ้งไพ่อะไรออกมา เพราะข้อสรุปข้างต้น ก้าวไกลก็รับรู้อยู่แล้วจากข่าวที่ปรากฏออกมา แต่สิ่งที่ก้าวไกลต้องการรู้มากกว่าก็คือ แล้วเพื่อไทยจะเดินหน้าโหวตนายกฯ วันที่ 4 ส.ค. ด้วยสูตรจัดตั้งรัฐบาลแบบไหน นี่คือคำตอบที่ก้าวไกลต้องการจะรู้จากปากของแกนนำเพื่อไทยต่อหน้ากันไปเลย ก่อนที่จะไปถึงวันโหวตนายกฯ
หลังที่ผ่านมามีกระแสข่าว-รายงานข่าว สูตรตั้งรัฐบาล-ดีลฮ่องกง ออกมาต่อเนื่อง ที่ส่วนใหญ่จะออกมาในโทน บีบก้าวไกล ให้ออกไปเป็นฝ่ายค้าน แต่ประชุมแกนนำ 8 พรรคตั้งรัฐบาล เมื่อได้เห็นหน้าค่าตากันแล้ว การได้รู้จากปาก ได้เห็นท่าทีของกันและกัน มันจะทำให้ก้าวไกลประเมินสถานการณ์ได้ถูกต้อง ไม่อยู่ในสภาพเพลี่ยงพล้ำ วันที่ 4 ส.ค.
เพราะในช่วง 4-5 วันที่ผ่านมา กระแสข่าวก้าวไกลจะถอยไปเป็นฝ่ายค้าน แต่จะยกมือให้ เศรษฐา ทวีสิน ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ขอเพียงให้การจัดตั้งรัฐบาลอย่ามีพรรค 2 ลุง คือ พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ ร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย ลือกันหนาหูมากทางการเมือง โดยเฉพาะหลังเสร็จสิ้นการจัดงาน วันเกิดทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง เมื่อ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา อันเป็นการจัดงานที่มีคนของเพื่อไทยระดับคนใกล้ชิดทักษิณ-คีย์แมนพรรคตัวจริง เดินทางไปร่วมงานจำนวนมาก และเมื่อกลับมาแล้วก็เกิดกระแสข่าวดังกล่าวลือว่อนในแวดวงการเมือง ที่จนถึงป่านนี้ คนที่อยู่ในข่าวที่อยู่ในฝ่ายก้าวไกลเองอย่าง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ยังไม่ออกมาปฏิเสธข่าวที่ว่าไปคุยกับทักษิณที่ฮ่องกงและคุยกันเรื่องสูตรตั้งรัฐบาลดังกล่าว
ทั้งนี้ กระแสข่าวสูตรตั้งรัฐบาลที่ลือกันว่า มาจากวงกินข้าววันเกิดทักษิณที่ฮ่องกง ที่คนพูดกันมากก็คือ เพื่อไทยจะตั้งรัฐบาล โดยจะมีพรรคการเมืองที่อยู่ในปีก 8 พรรคการเมืองตั้งรัฐบาลมาอยู่ด้วยกับเพื่อไทยก็คือ พรรคประชาชาติ 9 เสียง เพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง และเสรีรวมไทย 1 เสียง ส่วนพรรคไทยสร้างไทย อาจมีแนวโน้มว่าเพื่อไทยจะไม่ดึงมาร่วมรัฐบาลด้วย แต่จะไปดึงพรรคการเมืองขั้วรัฐบาลเวลานี้เติมเข้ามาคือ พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง และพรรคประชาธิปัตย์ 19 เสียง ที่อยู่ในปีกของ เสี่ยต่อ-เฉลิมชัย ศรีอ่อน นายกชาย เดชอิศม์ ขาวทอง แกนนำพรรคภาคใต้ ที่เรียกกัน กลุ่มบ้านดาวล้อมเดือน เข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาลก่อนเป็นกลุ่มแรก หลังก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า เดชอิศม์บินไปคุยกับทักษิณที่ฮ่องกงเช่นกัน แม้จะมีการให้โฆษกพรรคออกมาปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าว
โดยกระแสข่าวสูตรตั้งรัฐบาลข้างต้น รวมเสียง สส.แล้วได้ประมาณ 265 เสียง แต่ตอนโหวตนายกฯ จะมี สส.ก้าวไกล 151 เสียง ที่แม้จะหลุดไปเป็นฝ่ายค้าน แต่พร้อมยกมือโหวตให้แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย เพื่อขับเคลื่อนกลไกประชาธิปไตย-ปิดสวิตช์ สว.ไปในตัว รวมทั้งหมด เศรษฐาอาจจะได้รับเสียงโหวตประมาณ 406 เสียง อันนี้เฉพาะแค่กรณี เสียง สส. ไม่ต้องพึ่งเสียง สว. แต่หากเพื่อไทยต้องการให้เสถียรภาพรัฐบาลแน่นขึ้น หลังโหวตนายกฯ เสร็จ พอเศรษฐาได้เป็นนายกฯ แล้ว ก็อาจต้องไปดึงบางพรรค เช่น พลังประชารัฐมาร่วมรัฐบาล แต่มีเงื่อนไขว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องไม่เป็นรัฐมนตรี ซึ่งเงื่อนไขนี้บิ๊กป้อมน่าจะไม่ขัดข้อง เพราะได้วางตัวน้องชาย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ให้มารับไม้ต่อทางการเมืองแล้ว เห็นได้จากการตั้งให้เป็นประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ
แต่สูตรตั้งรัฐบาลดังกล่าวก็ยังเป็นแค่กระแสข่าว และแวดวงการเมืองมองว่า สูตรนี้ตกไปแล้ว เพราะ สส.ก้าวไกลหลายคนคงไม่เล่นด้วย แต่ก็ทำให้มีควันหลงที่เป็นปฏิกิริยาการเมืองจากคนในพรรคก้าวไกลที่ไม่พอใจ ที่มีข่าวกดดันให้ก้าวไกลถูกผลักออกจาก 8 พรรคตั้งรัฐบาล ถึงขั้นคนในพรรคก้าวไกลบางคนบอกว่า ก้าวไกลคงไม่โง่ถึงขนาดไปโหวตให้คนของเพื่อไทยได้เป็นนายกฯ แล้วตัวเองเป็นฝ่ายค้าน
ขณะเดียวกัน ก็มีกระแสข่าวว่าสูตรตั้งรัฐบาลของเพื่อไทยในช่วงเย็นวันที่ 1 ส.ค.ว่า เพื่อไทยอาจดึงพลังประชารัฐมาร่วมตั้งรัฐบาล โดยจะไม่มีพลเอกประวิตรเป็นรัฐมนตรี ซึ่งบิ๊กป้อมจะให้น้องชาย พล.ต.อ.พัชรวาทเป็นรัฐมนตรีแทน ส่วน 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาลที่จะหลุดไปเป็นฝ่ายค้านคือ ก้าวไกล-ไทยสร้างไทย-เป็นธรรม เป็นต้น แต่โผดังกล่าวก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว อาจพลิกอีก เพราะแรงต้านจากคนในเพื่อไทยต่อพลังประชารัฐยังแรงอยู่ แม้แต่เศรษฐาก็ดูจะไม่เห็นด้วย
ความไม่นิ่งของสูตรตั้งรัฐบาลที่เพื่อไทยเป็นแกนนำ ที่ดูแล้ว อาจมีการสับขาหลอกกันหลายรอบ แต่ที่เห็นชัด ยิ่งการตั้งรัฐบาลยืดเยื้อออกไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ใน 8 พรรคตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะ เพื่อไทย-ก้าวไกล ยิ่งเกิดรอยร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งจุดหนึ่งต้องยอมรับว่า เพื่อไทยก็อยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก เพราะไม่ว่าจะตั้งรัฐบาลสูตรไหน ย่อมมีคนไม่พอใจ-คนเสียประโยชน์ โดยเฉพาะหากจะถีบพรรคก้าวไกลออกจากการตั้งรัฐบาล เพื่อไทยและทักษิณก็ต้องโดนถล่มจากฝั่งก้าวไกล-ด้อมส้ม รวมถึงกองเชียร์เพื่อไทยด้วยกันเองบางส่วน ที่ไม่ต้องการให้ตั้งรัฐบาลกับพรรคปีกรัฐบาลปัจจุบัน แต่ครั้นจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ยังจะกอดกัน 8 พรรค 312 เสียงเหมือนเดิม การโหวตนายกฯ วันที่ 4 ส.ค. ตัวเศรษฐา ทวีสิน ก็คงได้เสียงไม่ถึง 375 เสียง และหากจะตั้งรัฐบาลโดยมี งูเห่า จากบางพรรคการเมืองมาโหวตให้เศรษฐาอย่างที่มีกระแสข่าว ทั้งที่พรรคต้นสังกัดไม่ได้มีมติออกมา ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะทำให้การขึ้นเป็นนายกฯ ของเศรษฐาก็ขาดความสง่างามทางการเมือง หลังที่ผ่านมาเพื่อไทยโจมตีพฤติการณ์งูเห่ามาตลอด แต่สุดท้ายตัวเองก็เอาด้วย เพื่อจะได้ตั้งรัฐบาลสำเร็จ
และยังมีกรณีท่าทีของ สว.บางส่วนที่เกรงว่า หากโหวตเลือกคนของเพื่อไทยเป็นนายกฯ ไปแล้ว โดยตอนที่โหวตเลือกไม่มีก้าวไกลเป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาลด้วย แต่พอคนของเพื่อไทยได้เป็นนายกฯ เสร็จ อาจจะไปดึงก้าวไกลมาร่วมรัฐบาลภายหลัง ซึ่งถึงตอนนั้น สว.ก็ทำไม่ได้ เลยทำให้ สว.บางคนออกมาตั้งแง่กับเศรษฐา เหมือนกับเกรงสภาสูงจะเสียรู้ โดน เพื่อไทย-ก้าวไกล ตลบหลัง
สุดท้ายแล้ว การจัดตั้งรัฐบาลที่มีเพื่อไทยเป็นแกนนำ จะคลอดออกมาแบบไหน และจะสำเร็จหรือไม่ ก็อยู่ที่ฝ่ายเพื่อไทยแล้วว่าจะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งคาดว่าหากมีการโหวตนายกฯ 4 ส.ค. ไม่มีการเลื่อน คืนวันที่ 3 ส.ค. ทักษิณและแกนนำเพื่อไทยคงต้องเคาะโต๊ะ ปิดดีล เสียที หลังยืดเยื้อมานาน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดภารกิจ 'กิตติรัตน์' ในตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ ทำหลุดเก้าอี้ 'ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ'
กรณีที่ประชุมคณะกรรมการกฤษฎีการ่วม 3 คณะ มีมติด้วยเสียงข้างมากเห็นว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ผู้ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาให้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ
พ่อบงการ ลูกตามสั่ง
“พ่อบงการ ลูกตามสั่ง” ผ่าน “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” คงไม่เกินเลยความเป็นจริง เพราะเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ มีคำบัญชาผ่านเวทีต่างๆ รัฐบาลชุดนี้ก็สนองนโยบายทันที โดยไม่สนใจว่ารัฐบาลจะขาดความน่าเชื่อถือ และยำเกรงต่อกฎหมายมิให้คนนอกเข้ามาครอบงำแต่อย่างใด”.
ทักษิณไฟสุมขอน ‘รทสช.’ เขย่าบัลลังก์ ‘พีระพัง’
“สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” มอตโตขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จนถึงปัจจุบัน จากพรรคน้องใหม่ตอนนี้ทำงานมากว่า 3 ปีแล้ว โดยการนำของ “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค กุมทัพ 36 สส.ในปัจจุบัน
“รัฐบาล”ไฟลต์บังคับ “ทักษิณ”ได้แค่กร่าง
ดรามาปม “อีแอบ” อาจเป็นแค่ประเด็นโชว์กร่าง หวังกดดันให้พรรคร่วมรัฐบาลสยบยอม หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ ที่มีสถานะเป็นพ่อนายกรัฐมนตรี ได้พ่นไฟระหว่างงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่ อ.หัวหิน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา
“พ่อเลี้ยง”เปลี่ยนสนามรบเป็นทุน “ดับไฟใต้-สันติภาพเมียนมา”
“ฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง” นับเป็นภาพการเมืองในฝ่ายบริหารที่ “วิญญูชน” พึงประจักษ์ได้ว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการขยับตัวและคำพูดของ “ทักษิณ ชินวัตร” วิทยากร-นักวิชาการของพรรคเพื่อไทย
'ภูมิธรรม' เผย 4 ลูกเรือประมงไทยได้กลับบ้าน 4 ม.ค.68 ยันกองทัพไม่ได้อ่อนแอ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 คนที่ถูกดำเนินคดีและตัดสินโทษจำคุกในข้อหารุกล้ำน่านน้ำเมียนมา ว่า การล่วงล้ำชายแดนไม่ว่าจะเป็นทางบกหรือทางทะเล