ปิดฉาก 'พิธา-ก้าวไกล' ได้เวลา 'พท.' ตั้ง รบ.-ดันนายกฯ

หลังที่ประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อ 19 ก.ค. ใช้เวลาตลอดทั้งวันในการอภิปรายแสดงความคิดเห็นว่า ที่ประชุมสามารถพิจารณาโหวตชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล” เป็นนายกรัฐมนตรีรอบสองได้หรือไม่

บนความเห็นทางข้อกฎหมายที่แตกต่างกัน ระหว่างฝ่าย "พรรคก้าวไกล” ที่ส่ง ส.ส.ลุกขึ้นอภิปรายว่าสามารถทำได้ เพราะรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศไม่ได้บัญญัติห้ามไว้

กับฝ่ายสมาชิกวุฒิสภาและ ส.ส.จากกลุ่ม 10 พรรคที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มจัดตั้งรัฐบาล เช่น รวมไทยสร้างชาติ ที่ได้อภิปรายโต้แย้งว่าไม่สามารถเสนอชื่อ "พิธา" มาให้สมาชิกโหวตอีกรอบได้ เพราะขัดกับข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภา ข้อที่ 41 อันถือเป็นการเสนอชื่อซ้ำตามญัตติเดิมเมื่อ 13 ก.ค.

ซึ่งที่ประชุมร่วมรัฐสภาใช้เวลาอภิปรายถกเถียงกันร่วม 7-8 ชั่วโมง บรรยากาศดุเดือดเข้มข้นพอประมาณ และสุดท้ายต้องมีการลงมติเพื่อชี้ขาด ซึ่งจะต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภาที่ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมีอยู่ 748 คนจากที่ต้องมี 750 คน เพราะมี ส.ว.ลาออกหนึ่งคน และพิธาถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. 

ซึ่งผลที่ออกมาคือ เสียงส่วนใหญ่ 395 เสียง เห็นว่าไม่สามารถเสนอชื่อพิธามาให้โหวตเป็นนายกฯ รอบสองได้ โดยเอาชนะฝ่ายแปดพรรคตั้งรัฐบาลที่โหวตว่าสามารถเสนอได้ ซึ่งได้มา 312 เสียง และมีสมาชิกงดออกเสียง 8 คน

เท่ากับว่า 19 ก.ค.ที่ผ่านมา คือวัน “ปิดฉากพิธา-ก้าวไกล” ขึ้นเป็นนายกฯ แกนนำจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยอย่างเป็นทางการ เพราะก้าวไกลเสนอชื่อ พิธา เป็นแคนดิเดตนายกฯ ตอนเลือกตั้งแค่คนเดียวเท่านั้น ไม่มีออปชันอื่น

มติที่ออกมาจึงเป็นการ "ถอดปลั๊ก" พิธาและก้าวไกล กลางที่ประชุมร่วมรัฐสภา

และนับจากนี้เป็นต้นไป ได้เวลา "เพื่อไทย-ทักษิณ ชินวัตร" ขึ้นมาเป็น "แกนนำจัดตั้งรัฐบาล" แทนพรรคก้าวไกลโดยสมบูรณ์แล้ว

จับกระแสการเมืองถึงตอนนี้ หากสถานการณ์ไม่เปลี่ยน ชื่อที่เพื่อไทยจะดันให้เป็นนายกฯ คนที่ 30 แทนพิธา ก็คือ “เศรษฐา ทวีสิน หนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทย” จากที่มีสามชื่อ แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวร่ำลือทางการเมืองว่า ส.ส.เพื่อไทยหลายปีกไม่ให้การยอมรับ เศรษฐา และอยากหนุน อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวทักษิณ ที่ก็เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทยมากกว่า แต่ก็ติดที่ ทักษิณ-คุณหญิงพจมาน ยังไม่อยากให้ อุ๊งอิ๊งเข้ามามีตำแหน่งใหญ่เร็วเกินไป เลยไม่เห็นด้วยกับสูตรดันอุ๊งอิ๊งเร็วเกินไป ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมาท่าทีการเมืองของเศรษฐาก็แสดงออกหลายครั้งว่า ต้องการตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลต่อไป ที่ทำให้แกนนำเพื่อไทยบางส่วนค่อนข้างอึดอัดใจ เพราะแกนนำเพื่อไทยอ่านสถานการณ์การเมืองออก ว่าหากเพื่อไทยตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล แล้วเสนอชื่อเศรษฐาในการโหวตนายกฯรอบสามสัปดาห์หน้า ก็มีแนวโน้มว่าเสียงโหวตเห็นชอบอาจไม่เกินกึ่งหนึ่งคือ 374 เสียง เพราะสมาชิกวุฒิสภา อาจตั้งป้อม ไม่ยอมให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาล เพราะทิศทางของสภาสูงตอนนี้เด่นชัดว่า ต้องสกัดไม่ให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาล จากปมเรื่องที่ก้าวไกลชูธงการแก้ไขมาตรา 112 ทำให้แกนนำเพื่อไทยรู้ดีว่า หากยังกอดคอกับก้าวไกล สุดท้ายการตั้งรัฐบาลจะยืดเยื้อ เวลาจะถูกเผาไปเรื่อยๆ   

อ่านสถานการณ์ไปข้างหน้าต่อจากนี้คือ เพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเสนอชื่อเศรษฐา ภายใต้เงื่อนไขที่เกิดขึ้นใหม่ จากมติที่ประชุมร่วมรัฐสภา เมื่อ 19 ก.ค.ที่ว่า หากเสนอชื่อบุคคลให้โหวตเป็นนายกฯ แล้วชื่อดังกล่าวไม่ได้รับเลือก จะเสนอชื่อนั้นอีกครั้งไม่ได้

นั่นหมายถึงว่า อาจทำให้ชื่อของเศรษฐาไม่สามารถถูกเสนอครั้งที่ 4 ได้ ถ้าเสนอรอบที่ 3 สัปดาห์หน้า แล้วเสียงโหวตของเศรษฐาไม่ถึง 374 เสียง และหากเป็นเช่นนั้นก็อาจถึงคิว อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ

เว้นเสียแต่ เพื่อไทยยอมจัดตั้งรัฐบาลกับก้าวไกลต่อไป แต่เล่นวิธีแปลกๆ คือ สร้างกระแสข่าวจะเสนอชื่อ ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ อีกคนของเพื่อไทย เพราะรู้ดีว่ายังไงก็คงได้ไม่ถึง 374 เสียง แต่ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อพยายามบอกว่า เพื่อไทยจริงใจกับพรรคก้าวไกล แล้วพอโหวตรอบสามไม่ผ่าน จากนั้นมาถึงการโหวตรอบที่สี่ เพื่อไทยค่อยเสนอชื่อเศรษฐา

อย่างไรก็ตาม หากเพื่อไทยใช้วิธีการตื้นๆ แบบนี้  ก้าวไกลและคนทั้งประเทศย่อมดูออก ว่าไม่จริงใจกับก้าวไกล และอาจทำให้พรรคก้าวไกลเลือกที่จะยอมถอนตัวออกจากการจัดตั้งรัฐบาลไปเอง ก่อนการโหวตรอบสามก็ได้

หรือไม่ก็อาจเกิดสูตรอื่นอีกก็ได้ เช่น เพื่อไทยก็สลัดทิ้งพรรคก้าวไกล ก่อนการโหวตนายกฯ รอบสามไปเลย ด้วยวิธีการกดดันทางการเมืองที่ทำได้หลายรูปแบบ

เช่น เมื่อเพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ก็เรียกอีกเจ็ดพรรคมาร่วมทำเอ็มโอยูใหม่ โดยการเขียนในเอ็มโอยูไปเลยว่า “จะไม่ดำเนินการแก้ไขมาตรา 112 โดยเด็ดขาด” ซึ่งก็จะทำให้พรรคก้าวไกลอาจไม่สามารถรับแนวทางนี้ได้ และต้องยอมถอนตัวจากการร่วมจัดตั้งรัฐบาลไป ก่อนที่จะมีการโหวตนายกฯ รอบสาม

หากออกมาแบบนี้ ประตูก็เปิดโล่งทันที เพื่อไทยก็สามารถไปดีลพรรคการเมืองอื่นๆ โดยเฉพาะในกลุ่มพรรครัฐบาลปัจจุบัน ทั้ง "พลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย-ชาติไทยพัฒนา-รวมไทยสร้างชาติ หรือแม้แต่กับประชาธิปัตย์" มาร่วมตั้งรัฐบาล และมีบางพรรคในกลุ่มแปดพรรคยังเป็นรัฐบาลร่วมกันต่อไปเช่น “พรรคประชาชาติ” ที่มี 9 เสียง 

ซึ่งหากมีการทำเอ็มโอยูว่า จะไม่มีการแก้ไขมาตรา 112 สิ่งที่เพื่อไทยจะได้ก็คือ จะช่วยลดแรงต้านและได้แรงหนุนจากสมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยตามมา ผนวกกับ แกนนำในกลุ่มพรรคดังกล่าว เช่น พลเอกประวิตร หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็มีเครือข่าย ส.ว.ที่ติดต่อขอเสียงให้ได้อีกหลายสิบเสียง

เพียงเท่านี้ก็สามารถตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ โดยที่ พรรคก้าวไกล ก็ต้องกระเด็นไปเป็นพรรคฝ่ายค้าน จากแผนการของทักษิณ และเพื่อไทย ที่กำหนดเกมให้ออกมาแบบนี้ตั้งนานแล้ว. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จากคู่มิตรมากสู่ชะตาที่ถูกตรึงของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์(ตอนที่2)

   อ้างอิงจากตำราของโหรอุตรภัทร หรือมหาบรรเทา จันทรศรผู้ล่วงลับ ว่าด้วยหลักดาวจรสมาสัปต์ หรือตรึงเหมือนเกลียวเชือกพันแน่นกับดาวในพื้นดว

อนาคตไกล เตือนเด็กรามฯอย่าตกเป็นเครื่องมือฝ่ายการเมือง ฉะ 'ชัยธวัช-พิธา' ขว้างงูไม่พ้นคอ

"อนาคตไกล" ชี้คำแถลงคัดค้านยุบพรรคก้าวไกล ของสภานักศึกษา ม.รามคำแหง เป็นเพียงสัญลักษณ์การเมืองนักศึกษาในรั้วราม เตือน