ปชป.ส่อพัง! ล้มโต๊ะเลือก หน.พรรค ร้าวลึกสกัด "มาร์ค"-หวังร่วมรัฐบาล

เป็นเหตุที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน กับการที่ ประชาธิปัตย์วงแตก เพราะที่ประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เมื่อ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่โรงแรมมิราเคิลฯ ไม่สามารถเลือก หัวหน้าพรรค-กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ชุดใหม่ได้

จากเหตุองค์ประชุมล่ม สมาชิก-โหวตเตอร์-ส.ส.ของพรรค อยู่ไม่ครบองค์ประชุม ทำให้ต้องยุติการประชุมกลางคัน จนสุดท้าย พรรค ปชป.ไม่มีหัวหน้าพรรค-กรรมการบริหารพรรค ในช่วงที่กำลังจะมีการโหวตนายกฯ 13 ก.ค.นี้

ทำให้ต่อจากนี้ รักษาการกรรมการบริหารพรรค ปชป.ทั้งหมดต้องประชุมเพื่อขอให้มีการยกเว้นข้อบังคับพรรค ที่ระบุว่าต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่พรรค เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ภายในไม่เกิน 60 วัน หลังกรรมการบริหารพรรคพ้นสภาพ ซึ่งกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบัน พ้นสภาพเมื่อ 14 พ.ค.2566 จึงเท่ากับว่าจะครบ 60 วัน ช่วงวันที่ 14 ก.ค.นี้ แต่เมื่อ 9 ก.ค. ที่ประชุมไม่สามารถเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคได้ จึงต้องขอให้มีการยกเว้นข้อบังคับพรรคดังกล่าวไปก่อนเป็นการเร่งด่วน แล้วกำหนดวันประชุมใหญ่เลือกหัวหน้าพรรค-กรรมการบริหารพรรคอีกครั้งต่อไป ที่ล่าสุดจะมีการนัดประชุม 12 ก.ค.นี้ ส่วนการประชุมเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่อีกครั้ง ยังไม่ชัดว่าจะเป็นวันไหน แต่ที่ชัดก็คือ หลังการโหวตเลือกนายกฯ 13 ก.ค.  

สิ่งที่เกิดขึ้นกับภาพการประชุมใหญ่พรรค ปชป.เมื่อ 9 ก.ค.ดังกล่าว ที่ไม่สามารถเลือกหัวหน้าพรรค ปชป.คนใหม่ได้ เพราะโหวตเตอร์ที่จะต้องเข้าประชุมเพื่อให้องค์ประชุมครบ ไม่ยอมเข้าห้องประชุมในช่วงบ่าย โดยมีข่าวว่าบางคนก็เดินทางกลับทันทีหลังพักเบรกในช่วงเที่ยง และบางคนแม้ไม่ได้เดินทางกลับ ยังอยู่ที่โรงแรมที่จัดงาน แต่ก็ไม่เข้าประชุม จนทำให้องค์ประชุมไม่ครบ มีข่าวว่ามันคือการแก้เกม การชิงไหวชิงพริบทางการเมืองของ สองปีก-สองขั้วในพรรค ปชป.

หลังก่อนหน้านี้การประชุมในช่วงเช้า สาธิต ปิตุเตชะ รักษาการรองหัวหน้าพรรค ปชป. เสนอให้ที่ประชุมยกเว้นข้อบังคับการประชุมพรรคในการเลือกหัวหน้าพรรค ปชป.ที่ข้อบังคับพรรคให้น้ำหนักกับ ส.ส.ในการโหวตเลือกหัวหน้าพรรคไว้ที่ 70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนโหวตเตอร์คนที่ไม่ได้เป็น ส.ส.อยู่ที่ 30 เปอร์เซ็นต์ โดยมีการเสนอให้ยกเว้นข้อบังคับการประชุมดังกล่าว แล้วใช้การโหวตแบบ 1 คน 1 เสียงแทน ซึ่งหากมีการใช้การลงคะแนนด้วยวิธีการดังกล่าว แน่นอนว่า มันจะทำให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีลุ้นกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง เพราะโหวตเตอร์หลายคน เช่น อดีต ส.ส.-อดีตรัฐมนตรี-ตัวแทนสาขาพรรคจากที่มี 275 เสียง หลายคนพร้อมจะเทเสียงหนุนอภิสิทธิ์ให้คัมแบ็กรอบนี้

เพราะหากมีการใช้เกณฑ์การออกเสียงแบบ ส.ส. 70-โหวตเตอร์ 30 โอกาสที่ อภิสิทธิ์จะได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรค ปชป.แทบลุ้นได้ยาก

 เนื่องจากขุมกำลังภายในพรรค ปชป.เวลานี้ จากปัจจุบัน ส.ส.ปชป.มีอยู่ 25 เสียง โดยเป็น ส.ส.เขต 22 คน และปาร์ตี้ลิสต์อีก 3 คน พบว่า ส.ส.ส่วนใหญ่คือพวก ส.ส.เขต อยู่ในปีก เฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรค-เดชอิศม์ ขาวทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ส.ส.สงขลา ที่ภรรยาและลูกชายก็ได้เป็น ส.ส.สงขลาด้วยกัน 3 คน โดยเดชอิศม์คุมเสียง ส.ส.ไว้ที่ 5 คน และชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชที่คุมเสียง ส.ส.ไว้ 5 คนเช่นกัน ทำให้ 3 คนนี้รวมกันแล้วคุมเสียง ส.ส.อยู่ประมาณ 18 คน ไม่นับรวมกับกลุ่มนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย ที่หากเอาด้วยกับกลุ่มเฉลิมชัย ก็จะทำให้กลุ่มเฉลิมชัย-เดชอิศม์ คุมเสียง ส.ส.ไว้ร่วม 20 คน ทำให้สามารถกำหนดทิศทาง-การโหวตหัวหน้าพรรคได้ เพราะข้อบังคับพรรคให้น้ำหนัก ส.ส.ในการโหวตไว้ที่ 70 เปอร์เซ็นต์ เรียกได้ว่าสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกหัวหน้าพรรค ปชป.ได้แน่นอน

แต่สุดท้าย ข้อเสนอที่ให้ยกเว้นข้อบังคับการประชุมที่ให้ น้ำหนักการโหวตแบบ 70-30 ดังกล่าว ก็โดนสกัด เสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมไม่เอาด้วย เพราะปีกของเฉลิมชัย-เดชอิศม์ไม่ยอม เนื่องจากปีกนี้วางตัว นราพัฒน์ แก้วทอง-รักษาการรองหัวหน้าพรรค ปชป.-อดีต ส.ส.พิจิตร ลูกชายไพฑูรย์ แก้วทอง นักการเมืองรุ่นใหญ่เมืองชาละวัน ที่เป็นคนในกลุ่มของเฉลิมชัย-เดชอิศม์ เห็นได้จากที่นราพัฒน์ ก่อนหน้านี้ก็เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ก็คือทีมงานการเมืองหน้าห้องเฉลิมชัย รมว.เกษตรฯ มาร่วม 4 ปี ไว้เป็นหัวหน้าพรรค ปชป. 

เมื่อไม่สามารถงดเว้นข้อบังคับได้สำเร็จ ทำให้เมื่อเข้าสู่การประชุมในช่วงบ่าย ฝ่ายหนุนอภิสิทธิ์เลยแก้เกมด้วยการทำให้ องค์ประชุมไม่ครบ จนสุดท้ายองค์ประชุมเลยล่ม จากเหตุการณ์ งัดข้อ-ชิงไหวชิงพริบ กันของ 2 ปีกในพรรค ปชป.อย่างที่เห็น

   ภาพความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นกับการประชุมใหญ่ ปชป.ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ในพรรค ปชป.เกิดปัญหาความแตกแยก การแบ่งกลุ่มแบ่งก๊กเกิดขึ้นภายในพรรคอย่างรุนแรง หลังก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า ขั้วอำนาจเก่าในพรรคยังคงต้องการคุมอำนาจเบ็ดเสร็จภายในพรรคไว้ต่อไป ด้วยการคุมตำแหน่งสำคัญๆ ในพรรคไว้ทั้งหมด 

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า มีบางคนในพรรค ปชป.ที่คุมเสียง ส.ส.ปชป.ส่วนใหญ่ในเวลานี้ ต้องการนำพรรค ปชป.ไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เพราะประเมินว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลคงไม่ได้เสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาถึง 376 เสียง วันที่ 13 ก.ค. และต่อมาพรรคเพื่อไทยน่าจะขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทน ถึงตอนนั้นประชาธิปัตย์ก็จะใช้มติกรรมการบริหารพรรค นำพรรค ปชป.ไปร่วมตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทย โดยมีกระแสว่ามีคนในพรรค ปชป.ไปเปิดดีลดังกล่าวไว้นานแล้ว แต่สิ่งที่จะทำให้เกิดขึ้นเป็นจริงได้ ต้องเข้าไปคุมพรรค ปชป.แบบเบ็ดเสร็จให้ได้ก่อน ผ่านการประชุมใหญ่พรรค ปชป.  

อย่างไรก็ตาม แนวทางดังกล่าว บางปีกในพรรค ปชป.ก็ไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่า ดีเอ็นเอทางการเมืองของพรรค ปชป.กับพรรคเพื่อไทยไปด้วยกันยาก

อีกทั้งการมี ส.ส. 25 คน หากเข้าไปร่วมรัฐบาล ก็น่าจะได้โควตารัฐมนตรีแค่ 3 ตำแหน่ง และคงไม่ใช่กระทรวงใหญ่ อย่างมากอาจได้แค่ รมว.แรงงาน และ รมช.อีก 2 เก้าอี้ อีกทั้งต้องไปอันเดอร์การเมืองพรรคเพื่อไทย จึงควรที่พรรค ปชป.จะไปเป็นฝ่ายค้าน และแสดงผลงานให้เต็มที่ในการตรวจสอบรัฐบาล ยิ่งกับการเป็นรัฐบาลเพื่อไทยด้วยแล้ว คนใน ปชป.ที่หนุนให้พรรคไปเป็นฝ่ายค้านมองว่า น่าจะมีเรื่องให้ตรวจสอบ อภิปรายไม่ไว้วางใจได้เยอะ จะทำให้พรรค ปชป.มีบทบาทการเมืองที่กลับมาโดดเด่นอีกครั้งหากเป็นฝ่ายค้าน เหมือนกับที่ก้าวไกลประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็เพราะผลงานการเป็นฝ่ายค้านของก้าวไกลสมัยที่แล้ว

เลยทำให้มีข่าวว่า คนในพรรค ปชป.ที่มีแนวคิดดังกล่าว จึงเห็นว่าต้องงัดกับกลุ่มอำนาจเก่า ด้วยการดัน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ปชป. ให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค ปชป.อีกครั้ง ถึงแม้อภิสิทธิ์จะไม่ได้เป็น ส.ส.ก็ตาม แต่ก็เชื่อว่าคงไม่มีปัญหาในการขับเคลื่อนพรรค

จึงทำให้ที่ผ่านมาเกิดกระแสข่าวความเคลื่อนไหวของ 2 ปีกในพรรค ปชป.ดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนการประชุมใหญ่เมื่อ 9 ก.ค. ไม่ว่าจะเป็นข่าวว่ากลุ่มของ เฉลิมชัย-เดชอิศม์ ขาวทอง ทาบทาม ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.มาเป็นคู่ชิงหัวหน้าพรรค ปชป. และจะมีการใช้เสียงข้างมากในที่ประชุมโหวต ยกเว้นข้อบังคับพรรค ปชป.ในการเลือกหัวหน้าพรรคปชป.เพื่อปลดล็อกให้ ดร.เอ้ ที่เป็นสมาชิกพรรค ปชป.ไม่ถึง 5 ปี และไม่เคยเป็น ส.ส.มาก่อน ได้มีโอกาสถูกเสนอชื่อชิงหัวหน้าพรรค ปชป. แต่สุดท้าย ดร.เอ้อาจประเมินแล้วว่า ไม่อยากเข้ามาเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองในพรรค ปชป.เลยไม่ตอบรับกับการถูกเสนอชื่อชิงหัวหน้าพรรค ปชป. เป็นต้น

ประเมินจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพรรคสีฟ้า-ประชาธิปัตย์ ต้องบอกว่า ร้าวลึกและเกิดการแย่งชิงอำนาจกันภายในพรรครุนแรงเกินกว่าที่หลายคนคิด และหากศึกภายในพรรคครั้งนี้เคลียร์กันไม่ได้ แนวโน้ม ปชป.พรรคแตก คงได้เห็นอีกครั้งหลังจากนี้.  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ยังไม่จบ ศึกชิงอำนาจสภาสูง แผนสองกินรวบ ปธ.กมธ.ทุกชุด!

วันอังคารนี้ 23 ก.ค. คาดว่าคงไม่เกินช่วงเที่ยงๆ ก็จะได้รู้กันแล้วว่า ผลการโหวตของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อเลือก ประมุขสภาสูง-ประธานวุฒิสภา และ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง-รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง รวมสามเก้าอี้ใหญ่สภาสูงจะออกมาอย่างไร

ตั้งกลุ่มสว.สีเขียว-ปิดดีล'อยู่บำรุง' 'บ้านป่าฯ'ยังมีของไม่วางมือ

การขยับทางการเมืองของ บ้านป่ารอยต่อฯ ภายใต้การนำของพี่ใหญ่ตระกูล วงษ์สุวรรณ บิ๊กป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในช่วงนี้น่าสนใจไม่น้อย ทั้งกระแสข่าวดึงสมาชิกวุฒิสภา (สว.)

พรรคร่วมรัฐบาลขอเขย่า ไม่ตกเป็น'หมูในอวย'พท.

แม้ว่าพรรคร่วมรัฐบาล นำโดยพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ฯลฯ จะยอมผ่านเรือธงของพรรคเพื่อไทย โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 1 หมื่นบาทให้แก่ประชาชนจำนวน 50 ล้านคน

'ก้าวไกล' เหยื่อระบอบทักษิณ! ตราบใดกระแส 'อนุรักษ์นิยม' ยังไม่ฟื้น

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่าพรรคก้าวไกล เหยื่อของระบอบทักษิณ!

แจกเงินดิจิทัล1หมื่นบาท ปิดปาก 'ปุ๋ย คนละครึ่ง'?

รัฐบาลเพื่อไทยนำโดย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ผนึกกำลัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

ปริศนา'เรือดำน้ำ' เปิด5ประเด็นสะดุด'ตอ'

ทริปเร่งด่วน ที่ “สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม นำทีม พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และ จักรพงษ์ แสงมณี รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นสายตรงของ “นายกฯ" และ “ชินวัตร” บินไปจีนเมื่อช่วงวันที่ 24-25 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำ S26T ที่ ทร.ไทยจ้างบริษัทของจีนสร้างไม่เป็นไปตามสัญญา