“แบ่งแยกดินแดน” สู่โหวตนายกฯ เติมเชื้อไฟ "ยุทธบรรจบ"

สังคมกำลังจับตามองกระบวนการในการเลือกประธานสภาฯ นายกรัฐมนตรี และจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะการโหวตเลือกนายกฯ ที่มีชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ได้รับการเสนอชื่อจากฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลให้เป็นนายกฯ แต่ปรากฏการณ์ทางสังคมอย่างน้อย 2 เรื่อง กลายเป็นปัจจัยให้วุฒิสภาใช้เป็นเงื่อนไขในการไม่ออกเสียงสนับสนุนหรืองดออกเสียง

นอกจากเรื่องของ “หยก” นักเรียนของสถานศึกษาแห่งหนึ่งแล้ว การแสดงท่าทีของพรรคก้าวไกล ในการสนับสนุน ขบวนนักศึกษาแห่งชาติ (Pelajar Bangsa) ได้จัดงานเปิดตัวที่ห้องประชุมศรีวังสา คณะรัฐศาสตร์ มอ.ปัตตานี มีการจำลองการลงประชามติ โดยตั้งคำถามว่า “คุณเห็นด้วยกับสิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเองหรือไม่ ที่จะให้ประชาชนปาตานีสามารถออกเสียง ประชามติแยกตัวเป็นเอกราชได้อย่างถูกกฎหมาย” โดยแบ่งบัตรลงมติออกเป็น 2 แบบ ให้กับคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ และนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

กิจกรรมดังกล่าวถูกจับตามองจากฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ที่เก็บข้อมูลหลักฐานเพื่อดำเนินคดี เพราะมองว่ากิจกรรมดังกล่าวอาจขัดกฎหมาย แม้จะมีรายงานว่า ฝ่ายกฎหมายของรัฐเองยัง “ไม่ฟันธง” ว่าจะเข้าข่าย แต่หน่วยงานความมั่นคงต้องดำเนินการฟ้องร้องเพื่อพิสูจน์ทราบต่อไป

โดยเฉพาะคำกล่าวเปิดตัวของกลุ่มดังกล่าวที่ระบุว่า “เราเชื่อมั่นว่าการประชามติ คือสันติภาพที่ประชาชนเป็นเจ้าของ” หลังสิ้นสุดสนธิสัญญากรุงเทพฯ พ.ศ.2452 หรือ Anglo-Siamese Treaty of 1909 ปาตานีตกอยู่ภายใต้การปกครองของสยามหรือรัฐไทยในปัจจุบัน ปรากฏความพยายามของชาวปาตานีแสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิดความต้องการทางการเมือง ความพยายามเหล่านั้นแสดงออกทุกยุคทุกสมัย ทั้งแสดงออกผ่านการใช้อาวุธเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านและแสดงออกผ่านการต่อสู้ทางการเมืองโดยไม่ใช้อาวุธ หากแต่เราชาวปาตานีไม่สามารถกําหนดชะตากรรมของเราเองได้ ซึ่งเราเชื่อว่า สิทธิการปลดปล่อย สิทธิในการมีชนชาติ (Nation) รวมไปถึงสิทธิ ในการกําหนดชะตากรรมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ติดตัวเราแต่เดิมในฐานะมนุษย์ และสามารถขับเคลื่อนต่อสู้ได้ในสังคมประชาธิปไตยโดยไม่ถูกจํากัด คุกคามโดยกฎหมาย การสร้างสันติภาพปาตานีให้เกิดขึ้น...“คำกล่าวของนักศึกษาในวันนั้น

แน่นอนว่า ระดับนโยบายและหน่วยงานในพื้นที่มีความกังวลต่อการเติบโตของขบวนการนักศึกษาภายใต้องค์กร สโมสรของสถาบันต่างๆ ที่มีความเชื่อมโยงกับแนวคิดเรื่อง สิทธิ เสรีภาพ โดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนหลัก และยิ่งเป็นพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งขบวนการบีอาร์เอ็นยังสถาปนาโครงสร้าง “รัฐซ้อนรัฐ” อยู่ จึงต้องเร่งตัดไฟแต่ต้นลม

ยิ่งการเมืองกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ พรรคประชาชาติและเป็นธรรม รวมไปถึงพรรคก้าวไกล กลายเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ซึ่งได้รับการปลูกฝังเรื่อง “สิทธิ เสรีภาพ” มากขึ้นเรื่อยๆ 

ฝ่ายอำนาจเก่าจึงไม่ยอมให้มีการ “ตอกหมุด” สถาปนาเครือข่ายการเมืองดังกล่าวที่เป็นแนวร่วมมุมกลับให้กับขบวนการบีอาร์เอ็น แม้จะมีการเมืองเรื่องผลประโยชน์ที่ทหารกำกับอยู่นานแฝงอยู่ด้วย จึงไม่ยอมมีการปรับโครงสร้างองค์กรฝ่ายรัฐ แต่ก็ต้องยอมรับแนวคิดอนุรักษนิยมก็ยังเป็นด่านสุดท้ายที่จะทำให้การ “แบ่งแยกดินแดน” ไปไม่ถึงฝั่งฝันได้ง่ายๆ

หากย้อนดูแล้ว ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นของกลุ่มเยาวชนในพื้นที่มีพลวัตของการเคลื่อนไหวที่เป็นระบบ ทั้งการแสดงออกเชิงวัฒนธรรมในการรวมตัวเพื่อแสดงให้เห็นอัตลักษณ์ของความเป็นรัฐปาตานี การเกิดขึ้นของขบวนการนักศึกษา และการเผยแพร่องค์ความรู้เรื่อง “สิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเอง Right to Self Determination หรือ RSD”

ที่มีการตีความของฝ่ายที่ต่อสู้เรื่องนี้ว่า “ไม่ใช่การแบ่งแยกดินแดน” และไม่ผิดมาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเรื่องที่เคยกำหนดไว้ในกฎบัตรสหประชาติของรัฐปาตานีที่ถูกยึดครอง 

แต่ขณะที่ “ฝ่ายรัฐ” มองว่าแนวทางดังกล่าวเป็นเรื่องที่ต้องตีความ และต้องใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่ก็ต้องทำอย่างรอบคอบ เพราะไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการขยายผลให้ขบวนการนักศึกษาถูกยกระดับ และอาจนำไปสู่การทำให้เยาวชนในฝ่ายกองกำลังของขบวนการเปิดปฏิบัติการและทำ “สงคราม” ต่อต้านรัฐด้วยความรุนแรง และนั่นจะทำให้การ RSD ที่ถูกปูทางไว้เข้ามารองรับการลงประชามติแบ่งแยกได้ โดยองค์กรนานาชาติจะเข้ามาแทรกแซง ซึ่งวันนั้น ม.1 ตาม รธน.อาจไม่มีความหมาย  

อย่างที่ พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 4 ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ฝ่ายความมั่นคงจับตากลุ่มที่มีเป้าหมาย “แยกดินแดน” มาโดยตลอด โดยเฉพาะกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมือง ใช้ช่องทางการทำประชามติเพื่อแยกดินแดน ตั้งรัฐเอกราชขึ้นใหม่

จริงๆ แล้วกลุ่มเหล่านี้มีความเคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพิ่งมี แต่บางครั้งสังคมก็มองภายนอกว่าเป็นการเคลื่อนไหวด้วยความรุนแรง ด้วยการลอบยิง ลอบวางระเบิด แต่ในอีกด้านหนึ่งที่สังคมมองไม่เห็น ที่เหมือนเป็นภูเขาน้ำแข็ง ก็คือเรื่องของการต่อสู้ทางการเมือง การต่อสู้ทางความคิด สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่เขาพยายามต่อสู้เพื่อบรรลุเป้าหมาย โดยระดับยุทธศาสตร์ก็คือเป้าหมายการแบ่งแยกดินแดน ฉะนั้น กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จึงต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย และจำเป็นจะต้องเข้าดำเนินการทางกฎหมายต่อทุกพฤติกรรม ทุกการกระทำที่พบเข้าข่ายผิดกฎหมาย โดยไม่ละเว้น

จึงไม่แปลกที่ท่าทีของพรรคการเมืองต้องออกมายืนยัน “เสียงแข็ง” ว่า ไม่สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนที่ขัดมาตรา 1 กฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่เคารพสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง โดยเฉพาะการมีพื้นที่ปลอดภัยให้แสดงออกซึ่งสิทธิและเสรีภาพในการพูดถึง และยังต้องเปิดพื้นที่ในการเรียนรู้และทำความเข้าใจเรื่องนี้

ไม่ว่าจะเป็น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา พรรคประชาชาติ หรือนายกัณวีร์ สืบแสง พรรคเป็นธรรม ที่มองว่าถ้าไม่พูดชัดเจน อาจเข้าทางเกมการเมืองของอีกฝ่าย ส่งผลกระทบต่อพรรคการเมืองและ ส.ส.ของตนเอง

แต่อย่างที่กล่าวว่า การดำเนินการของรัฐในขณะนี้ใช้ความระมัดระวังอย่างสูง เพราะการเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มเยาวชนในพื้นที่มีการเตรียมการรองรับการ “ทำสงคราม” เพื่อไปสู่ “การเจรจา” และเข้าสู่กระบวนการแบ่งแยกดินแดนตามกติกาสากล ด้วยการให้ความรู้เรื่อง RSD อย่างกว้างขวาง

ซึ่งทั้งหมดนั้นต้องผ่านขั้นตอนของการใช้กำลังในการปะทะก่อน และ “เยาวชน” ก็กลายเป็นด่านหน้าของยุทธบรรจบ ที่จะนำไปสู่การ “เจรจาสันติภาพ” ตามเกมของขบวนการ

การเดินเครื่องทางการเมือง ในเรื่องของความมั่นคงจึงต้องทำอย่างระมัดระวังและ มองอย่างรอบด้าน ทั้งฝ่ายอนุรักษนิยมและฝ่ายก้าวหน้า ไม่เช่นนั้นอาจเข้าทางของคนที่อยู่นอกรัฐ

ยกเว้นว่ามีใครบางคนตั้งใจเดินเข้าสู่เกมนั้น!!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แจกเฟส 2 หวังผลการเมือง ส่อผิดกฎหมายหลายกระทง?

ปี่กลองอึกทึกครึกโครม ในสนามเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงนี้จึงอยู่ในช่วงงัดไม้เด็ดเดิมพันให้ได้คว้าชัยชนะ เพื่อเป็นอีกก้าวปูทางไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่

ปักธง1ภาค1เก้าอี้นายกอบจ. ส้มเก็บชัยหรือระเนระนาด

นับถอยหลังสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ระหว่าง นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน และนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย

จับตาคลอดโผแต่งตั้ง“นายพลใหญ่” ตำรวจคนสนิทฝั่งรัฐบาลพรึบยกแผง

จับตาบ่ายวันนี้ การแต่งตั้งโยกย้ายล็อตแรก “นายพลใหญ่” ระดับรอง ผบ.ตร. จเรตำรวจ-ผบช. ที่นายกฯ อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นัดประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 10/2567 เพื่อพิจารณาบัญชีรายชื่อ “พล.ต.อ.-พล.ต.ท.” วาระประจำปี 2567

ยากจะขวาง‘โต้ง’นั่งปธ.บอร์ดธปท. แนวต้านขอสกัดจนนาทีสุดท้าย!

แม้จะมีข่าวว่า กรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติเลือก เสี่ยโต้ง-นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่

โค้งสุดท้ายศึกนายกอบจ.อุดรฯ เดิมพันสูง พท.VSปชน.แพ้ไม่ได้

นับจากวันจันทร์ที่ 18 พ.ย.ก็เหลืออีกเพียง 7 วันเท่านั้น ก็จะถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ศึกนายกฯ อบจ.อุดรธานี ทำให้ตอนนี้ถือว่าเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายที่จะได้รู้กันแล้วว่า

‘แม้ว’ ย่ามใจไม่เลี้ยงหลาน ทำตัวเป็น ‘ส่วนหนึ่งของปัญหา’

แม้แต่ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ประธานคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยังตั้งคำถามต่อ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี